ระห่ำ LONDON HAS FALLEN ภาคต่อของ Olympus Has Fallen

06 พ.ค. 57 (18:42 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

ระห่ำ LONDON HAS FALLEN

ภาคต่อของ Olympus Has Fallen

กลายเป็นหนังฮิตโดยบังเอิญกับ Olympus Has Fallen หนังแอ็คชั่นระเบิดทำเนียบของพระเอกสปาร์ตัน เจอร์ราด บัดเลอร์ ซึ่งเข้าฉายในวันที่ 22 มิถุนายนปี 2013 โดยค่ายหนัง FilmDistrict โดยสามารถโกยรายได้ไปถึง 98.9 ล้านเหรียญบนตารางบ๊อกซ์ ออฟฟิศในอเมริกา และเก็บรายรับรวมจากทั่วโลก 161 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งในปีเดียวกันก็ยังมีหนังพล็อตเรื่องคล้ายๆกันอย่าง White House Down ที่เล่าเรื่องราวของการบุกยึดทำเนียบขาวเช่นกัน

หนังภาคแรกอย่าง Olympus Has Fallen เล่าเรื่องราวผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีและอาวุธครบมือ ได้ทำการเข้ายึดทำเนียบขาว โดยที่พวกเขาแทรกซึมเข้าไปในทำเนียบและจับตัวประธานาธิบดีเบนจามิน แอชเชอร์ (แอรอน เอ็คฮาร์ท) และเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกันภายในหลุมหลบภัยใต้ดินของประธานาธิบดี ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ขณะที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดที่ลานสนามหญ้าหน้าทำเนียบขาว ไมค์ แบนนิ่ง (เจอราร์ด บัตเลอร์) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัย ก็รีบเข้ามาพิทักษ์ความถูกต้อง และไมค์ก็พบว่า เขาเป็นสมาชิกหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในอาคารที่ถูกยึดหลังนี้

แบนนิ่งใช้การฝึกฝนอย่างหนักและความรู้อย่างละเอียดเกี่ยวกับที่พำนักของประธานาธิบดีในการเป็นหูเป็นตาให้กับ อัลลัน ทรัมบุล (มอร์แกน ฟรีแมน) ผู้รักษาการแทนประธานาธิบดี เมื่อผู้บุกรุกเริ่มสังหารตัวประกันและขู่ที่จะฆ่าตัวประกันเพิ่มเติมหากไม่มีการทำตามข้อเรียกร้องที่สุดโต่งของพวกเขา แบนนิ่งก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาตัวลูกชายของประธานาธิบดีที่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งในอาคารแห่งนี้และช่วยชีวิตประธานาธิบดีเอาไว้ให้ได้ก่อนที่ผู้ก่อการร้ายจะใช้แผนการขั้นสุดท้ายที่น่าสะพรึงกลัวของพวกเขา เมื่อจำนวนศพมากขึ้นและเวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ สิ่งที่ปรากฏชัดคือแบนนิงเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะทำให้อเมริการอดพ้นจากหายนะได้

เรื่องราวในภาคแรกจบลงตามสูตรหนังพระเอกผู้ร้ายแบบไม่พลิกโผ แต่เรื่องราวในภาคต่ออย่าง London Has Fallen เรื่องราวจะย้ายไปเกิดที่แดนผู้ดีอย่างลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อนายกรัฐมนตรีได้เสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนา และในงานศพอันยิ่งใหญ่บรรดาผู้นำจากหลายประเทศจึงถูกเชิญมาร่วมงาน ซึ่งกลายเป็นงานศพที่มีการคุ้มกันที่แน่นหนาที่สุดงานหนึ่งของโลก และกลายเป็นงานขู่สังหารครั้งใหญ่อีกครั้งของโลกเมื่อผู้ก่อการร้ายหวังจะลอบฆ่าบรรดานักการเมืองเหล่านี้ มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่จะกอบกู้สถานการณ์นี้ได้ก็คือประธานธิบดีแห่งอเมริกา (แอรอน เอ็คฮาร์ท), บอดี้การ์ดและเจ้าหน้าที่คู่ใจ ไมค์ แบนนิ่ง (เจอราร์ด บัตเลอร์) และสายลับ MI6 ที่ไม่เคยไว้ใจผู้ใด