วิจารณ์หนัง ICEMAN 3D
วิจารณ์ ICEMAN 3D
การที่หนังจีนสักเรื่องจะกลายเป็นที่สนอกสนใจของมวลชนได้ปัจจัยหนึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับดารานำของเรื่องที่เป็นตัวเชิญชวนแขก โดยหนังกำลังภายในผสมแฟนตาซีอย่าง ICE MAN นั้นมีดอนนี่ เยนเป็นพระเอกของเรื่องน่าจะพอดึงผู้ชมให้เข้าโรงหนัง ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งใน “เหยื่อ” ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่”เหนือความคาดหมาย” (ในแง่ที่ดูจบแล้วก็ออกมาจากโรงด้วยสภาพเงิบรับประทานไปเยอะทีเดียว)
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมไปมากนั้นก็คือเมื่อหนังจบลง ผมก็ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองว่านี่ตกลงเรามาดูหนังอะไรกัน ตัวละครแต่ละตัวมีแรงจูงใจอะไร แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนั้นด้วย แต่อย่ามัวได้เสียเวลาหาคำตอบให้กับตัวเราเองเลยครับ เพราะจะว่าไปแล้วผู้กำกับอย่างหลอหวิงเจิ้งและดอนนี่ เยนเองก็คงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองกำลังจะเล่า “ชุดเหตุการณ์” อะไรให้ผู้ชมดูกันแน่
หนังเปิดเรื่องมาที่ถนนกลางดึกคืนหนึ่งที่กำลังบรรทุกตู้แช่มนุษย์โบราณได้เกิดเสียหลักและพุ่งชนกับบ้านหลังหนึ่งเป็นผลทำให้อิง (ดอนนี่ เยน) ฟื้นคืนสติขึ้นมาหลังจากที่ถูกแช่แข็งไปกว่า 400 ปี ในโลกฮ่องกงสมัยใหม่เขาก็ได้พบกับสาวสวยอย่างเมย์ (หวงเซิ่งอี) ที่กำลังเมามายในค่ำคืนวันฮัลโลวีน หลังจากที่ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันสักระยะอิงก็เริ่มเรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและเริ่มปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
โดยเหตุการณ์ในช่วงกว่า 1 ชั่วโมงแรกของหนังนั้นแทบจะไม่มีเรื่องราวอะไรที่เป็นช่วงเวลาที่ขับเคลื่อนเรื่องราวให้ก้าวไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ เนื่องจากหนังมัวแต่เสียเวลาพาผู้ชมไปดูเหตุการณ์ยิบย่อยอาทิ นางเอกพาพระเอกไปเยี่ยมแม่ที่บ้านพักคนชราอยู่หลายครั้ง จนทำให้เรารู้สึกว่าหนังจะเสนอประเด็นดังกล่าวซ้ำๆไปเพื่ออะไร ตอกย้ำความเป็นลูกกตัญญูของนางเอกกลับใจ?, ขายฉากดัดกระดูกสุดฮา ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้วในฉากอื่นๆตลอดช่วงเวลา 1 ชั่วโมงแรกนั้นก็เต็มไปด้วยการปูเรื่องที่ไม่สลักสำคัญต่อการขมวดปมด้วยซ้ำไป
จริงๆแล้วหนังสามารถรวบรัดตัดตอนโดยการสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้พระเอกตื่นจากการถูกแช่แข็ง – เขาจดจำได้ว่าตนถูกใส่ร้ายว่าทรยศต่อภารกิจ – ภารกิจในอดีตคือการนำกงล้อทองคำจากสินธุ กลับมายังเมืองหลวงซึ่งมีพลังพิเศษในการเดินทางข้ามเวลาและมองเห็นอนาคตได้ – พระเอกถูกไล่ล่าจากทางการด้วยเหตุผลลึกลับ – พระเอกต้องต่อสู้กับเส้า (รับบทโดย หวังเป่าเฉียง), หยวนหลง (รับบทโดย เยิ่นต๊ะหัว) และ หนี่ฮู (รับบทโดย ยู คัง) พี่น้องร่วมสาบานที่หักหลังอิง ด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัด – ไคลแมกซ์ที่ทิ้งปริศนาเอาไว้เพื่อสร้างภาคต่อ!!!!
ที่พิมพ์ไว้ในย่อหน้าก่อนคือเหตุการณ์สำคัญของหนังทั้งหมด ซึ่งอันที่จริงแล้วหนังสามารถเล่าให้จบได้ในช่วงเวลาไม่ยาวนัก แต่ด้วยความที่หนังเล่าเรื่องสะเปะสะปะมากจนทำให้ 104 นาทีของมันค่อนข้างน่าเบื่อ ตัวละครดูปราศจากเลือดเนื้อ พฤติกรรมมีความใกล้เคียงกับตัวการ์ตูน และที่สำคัญคือฉากแอ็คชั่นในเรื่องนั้นมีประมาณ 3 ฉากถ้วนได้และสืบเนื่องจากการที่ผู้ชมอย่างเราๆยังไม่รู้สึกอยากจะเอาใจช่วยให้พระเอกเอาชนะกับพี่น้องร่วมสาบานที่ข้ามกาลเวลามาเหมือนกัน ก็เพราะเรายังไม่เข้าใจถึงมูลเหตุของการต่อสู้ในฉากไคลแมกซ์บนสะพานแขวนตอนท้ายเรื่องเลยว่า ตกลงแล้วพวกแกเคียดแค้นกันถึงขนาดต้องต่อยตีกันจนวินาศสันตะโรชนิดมีคนบริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายกันเพียงเพราะเรื่องส่วนตัวของสี่คนนี้เท่านั้นน่ะหรือ? เหตุผลฟังดูเบาหวิวเป็นปุยเมฆเกินไปหรือเปล่า
อันที่จริงแล้วตัวหนังค่อนข้างหยิบจับเรื่องราวของมหากาพย์รามายณะเอามาปูทิ้งไว้เป็นปริศนาได้น่าสนใจมาก แต่หนังเหมือนจะพยายามกั๊กๆประเด็นตรงนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่าต่อให้จบเพียงเพราะอยากจะหาเรื่องเอาไว้สร้างภาคต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ค่อยจะแฟร์กับผู้ชมสักเท่าไหร่ เพราะในหนังหนึ่งภาคเหตุการณ์ก็ควรจะจบบริบรูณ์ในตัวเอง (นี่เราไม่ได้กำลังดูหนังจีนชุดอยู่นะครับ)
หรือจริงๆแล้วดอนนี่ เยนก็อยากทำตัวแบบผู้กำกับอย่างไมเคิล เบย์ (To be Continue ในวิจารณ์ Transformers Age of Extinction เร็วๆนี้ไม่นานเกินรอ)
ให้ 1 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด