วิจารณ์หนัง The Wind Rises
วิจารณ์ The Wind Rises
สิ่งที่ทำให้แอนิเมชั่นจากค่ายจิบลิเรื่องนี้มีความน่าสนใจและดูเป็นกระแสอยู่ไม่น้อยในขณะที่ ทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาที่หนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดหลายต่อหลายเรื่องยึดครองพื้นที่ของโรงฉายภาพยนตร์ The Wind Rises เป็นหนังที่อาศัยกระแสบอกต่อแบบปากต่อปากพูดถึงความอบอุ่นกินใจของความรักและความกล้าหาญของตัวละครในเรื่อง นอกเหนือไปจากนี้มันยังเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของผู้กำกับสตูดิโอจิบลิอย่าง ฮายาโอะ มิยาซากิ อีกด้วย
ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นผู้กำกับแอนิเมชั่นคลาสสิคเรื่องดังมากมายของค่ายนี้หลายต่อหลายเรื่องอาทิเช่น Luputa: Castle in the Sky, My Neighbor Totoro, Kiki’s Delivery Service, Princess Mononoke รวมไปถึงแอนิเมชั่นระดับออสการ์อย่าง Spirited Away แม้ว่าตัวฮายาโอะ มิยาซากินั้นจะเคยประกาศว่าตัวเองอยากจะเกษียณตัวเองเลิกทำแอนิเมชั่นมาหลายต่อครั้งแล้วก็ตาม แต่ด้วยไฟฝันที่เขาอยากจะสร้างสรรค์ผลงานดีๆต่อไปทำให้เขากลับมาทำงานอีกหลายครั้ง
เหตุผลสำคัญที่ทำให้มิยาซากิเลือกจะปลดระวางตัวเองนั้นก็เป็นเพราะอุปนิสัยส่วนตัวของเขาที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจกับงานอย่างเต็มร้อย เขาลงมือวาดและแก้ไขหนังด้วยตัวเองอยู่เสมอๆ เมทีเขาเคยตั้งใจว่าจะให้โยชิฟูมิ คอนโด ผู้กำกับแอนิเมชั่นเรื่อง Whisper of Heart มารับหน้าที่ดูแลสตูดิโอต่อ แต่คอนโดกลับเสียชีวิตลงด้วยสาเหตุจากการทำงานหนักและไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เหตุการณ์สูญเสียในครั้งนั้นจึงทำให้ตัวมิยาซากิคิดได้ว่า ถึงเวลาที่เขาควรจะก้าวเท้าออกไปพักจริงๆ ประกอบกับวัย 72 และสภาพร่างกายของเขาด้วยนั่นเอง
อันที่จริง The Wind Rises น่าจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่หนังส่วนตัวได้อย่างไม่ขัดเขิน เนื่องจากตัวตนและกระบวนการทำงานของเขานั้นถูกสะท้อนและถ่ายทอดผ่านตัวละครเอกของเรื่องอย่างจิโร่ โฮริโกชิ ตัวละครที่หลงใหลในการบินมาตั้งแต่เยาว์วัน ด้วยเหตุผลที่เขาสายตาสั้นทำให้ไม่สามารถทำอาชีพเป็นนักบินได้ดั่งใจฝัน แต่แล้วเมื่อเขาได้อ่านหนังสือของจิโอวานนี่ คาโปรนี่(และได้พบกับเขาอยู่เสมอๆในความฝัน) นักออกแบบเครื่องบินชาวอิตาลีผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็กลายเป็นแรงผลักดันที่อยากให้จิโร่สร้างเครื่องบินขึ้นมา
ตัวตนของมิยาซากินั้นบอกเล่าผ่านตัวจิโร่ได้อย่างชัดเจนเมื่อเขา “มีฝันอันยิ่งใหญ่” ที่จะต้องก้าวไปถึง แต่คนตัวเล็กๆคนหนึ่งจะเดินทางไปปะสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากตัวเองไม่เริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง จิโร่จึงเริ่มงานไปเป็นพนักงานบริษัทตัวเล็กๆคนหนึ่งในมิตซูบิชิ (ขณะที่ชีวิตจริงมิยาซากิก็เป็นพนักงานในบริษัทโตเอะ แอนิเมชั่น) และเขาก็ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดให้กับงานที่ทำแม้ว่าจะต้องล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง จิโร่ก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้และพัฒนาผลงานต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
อย่างไรก็ตามความสำเร็จในบางสิ่งก็ต้องถูกแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย เมื่อจิโร่พบรักและอยากจะสร้างครอบครัวกับนาโอโกะ หญิงสาวจากตระกูลผู้ดีมราเขาเคยช่วยเอาไว้เมื่อตอนแผ่นดินไหว แต่เธอสารภาพกับจิโร่ตามตรงว่าตัวเองติดเชื้อวัณโรคและมีโอกาสที่จะทำให้ชีวิตแต่งงานของทั้งสองไม่ราบรื่น แต่จิโร่ก็ยังยืนกรานจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอ
เครื่องบินซึ่งเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของตัวละคร ยังเป็นสิ่งที่ผู้กำกับอย่างมิยาซากิหลงใหลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากผลงานเก่าๆของเขาอาทิเช่น Porco Rosso, Nausicaa of the Valley of thw wind, Luputa: Castle in the Sky และ Howl’s Moving Castle ก็มีเครื่องบินเป็นองค์ประกอบหลักของเรื่อง ไม่เพียงเท่านั้นในตัวเรื่องเครื่องบินซีโร่ที่ถูกใช้ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ก็ยังเกี่ยวพันกับชีวิตมิยาซากิโดยตรงเนื่องจากครอบครัวของเขาเคยเป็นเจ้าของโรงงานในการผลิตชิ้นส่วนปีกเครื่องบิน ซึ่งมันอาจจะสร้างความร่ำรวยให้กับเขา แต่มันก็สร้างผลกระทบจากสงครามที่ทำให้ตัวมิยาซากิและครอบครัวต้องย้ายที่อยู่หลายต่อหลายครั้ง และภาพฝังใจจากสงครามก็ยังทำให้เขาแทรกสอดประเด็นต่อต้านสงครามในหนังเรื่องนี้อีกเช่นกัน
การเดินทางไปถึงความฝันอันสูงสุดนั้นอาจจะต้องแลกกับเวลา ความสุข และชีวิตส่วนตัว แต่ตัวละครอย่างจิโร่(และชีวิตจริงของมิยาซากิ) นั้นก็ได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นออกมาให้เราเห็นว่า เขาเป็นพวกทำงานหนักและตั้งใจจริงกับความฝันของตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ คนที่กำลังท้อแท้และหมดไฟฝัน The Wind Rises อาจจะเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณเยียวยาจิตวิญญาณของตัวเองก็ได้นะครับ
ให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด