ผู้นำที่ไร้ทางเลือก ชะตาครั้งใหม่ของแคทนิสใน THE HUNGER GAMES: MOCKINGJAY PART I
เมื่อแคทนิสกลายเป็นความหวังและกลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านแคปปิตอล ถูกจับตามองในฐานะความหวังเดียวของประชาชนชนพาเน็ม แคทนิส ต้องทุ่มเท ความกล้าหาญของตัวเองเพื่อต่อกรกับพลังอันยิ่งใหญ่ของแคปิตอล และนั่นทำให้แคทนิสรู้ว่า เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสยายปีกของเธอและต่อสู้ในฐานะของม็อกกิ้งเจย์ และเพื่อช่วยชีวิตพีต้าให้ได้ เธอจะต้องเป็นผู้นำในศึกครั้งนี้
เปลี่ยนแปลง ผู้กำกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ เล่าว่า “ชวนสะเทือนอารมณ์จริงๆ ครับ แคทนิสเป็นเหมือนกับคนต่างที่ที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ประหลาดในตอนต้นของเรื่อง มันเป็นเวลาที่เธอได้พบว่าเธอไม่สามารถที่จะทนอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป ผู้คนมากมายถูกหลอก รวมทั้งคนที่เธอรักก็ตกอยู่ในอันตราย และเธอจะขอทำทุกทางเพื่อช่วยให้พวกปลอดภัย”
นี่ถือเป็นการกลับมารับบทครั้งที่ 3 ในฐานะ แคทนิส เอเวอร์ดีน ของนักแสดงสาวเจ้าของรางวัลออสการ์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ในคราวนี้จะต้องพลิกโฉมมารับบทผู้นำแบบเต็มตัว “ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ ที่ในครั้งนี้จะต้องกลายมาเป็นผู้นำ แต่เธอก็เป็นฮีโร่สาวทั้งๆที่ไม่รู้สึกเต็มใจซักเท่าไรนัก” ลอว์เรนซ์เล่า “ในภาพยนตร์ภาคแรก เธออยากที่จะปกป้องครอบครัว ในภาคที่ 2 เธอพยายามที่จะปกป้องเพื่อนๆและตัวเธอเอง แต่ล่าสุด เธอเริ่มที่จะตระหนักถึงอิทธิพลที่เธอมีต่อผู้คน ซึ่งทำให้เธอต้องเลือกที่จะมาเป็นผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้”
ยิ่งไปกว่านั้นตัวลอเรนซ์เองก็ยังตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ร่วมงานกับจูลีแอนน์ มัวร์ผู้จะมารับบทประธานาธิบดีคอยน์แม้ในชีวิตจริงลอว์เรนซ์และมัวร์จะเข้ากันได้เป็นอย่างดี แต่ตัวละครของทั้งสองกลับมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในภาพยนตร์ “ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ซับซ้อน ทั้งที่พวกเขามีอุดมการณ์ที่คล้ายๆกัน แต่เพราะสิ่งที่เธอเคยเผชิญมา มันทำให้แคทนิสไม่สามารถเชื่อใจเธอได้อย่างเต็มที่” สาเหตุก็เพราะว่าตัวประธานาธิบดีคอยน์นั้นมองว่าตัวแคทนิสเองยังคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในการสูญเสียเพื่อนรักไปให้กับประธานาธิบดีสโนว์นั่นเอง
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ