"ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" เรื่องราวของ "เจ้าหญิง" และ "ช่างซ่อมรองเท้า"
แม้ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์ที่ทุกคนรอคอย แต่ไม่แปลกใจเลยที่ผลงานล่าสุดของค่ายหนังอารมณ์ดี จีทีเอช จะกวาดรายได้ในวันแรกไปถึง 29.17 ล้านบาท ทำสถิติสูงกว่าหนังไทยเรื่องไหนๆ ในวันเปิดตัว เพราะ "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" ค่อนข้างลงตัวในความเป็น "โรแมนติกคอมเมดี้"
เรื่องราวว่าถึงความพยายามเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาของ "ยิม" (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) หลังโดน "คายะ" (โซระ อาโออิ) แฟนสาวชาวญี่ปุ่นทิ้งไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา แถมเธอยังใช้ "เพลง" (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) ติวเตอร์ภาษาอังกฤษมาบอกเลิกแทน เพราะกลัวความต่างภาษาจะพาให้คุยไม่รู้เรื่อง
แต่แผนดันพลิกเพราะคนอกหักกลับมีความหวังว่าจะไปตามง้อแฟนที่เมืองนอก เมื่อเห็นว่าติวเตอร์คนนี้ทำให้ภาษาอังกฤษของคายะแข็งแรง แล้วไยคนอ่อนด้อยเช่นเขาจะเก่งขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเพลงจึงได้ลูกศิษย์เพิ่มมาอีกคน เป็นช่างซ่อมบำรุงสุดกวน ดิบ เถื่อน
ขณะเดียวกับที่อีกลูกศิษย์ ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อ ฐานะชาติตระกูลดีในคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจอย่าง พฤกษ์ (ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ) ก็ขอขยับฐานะขึ้นมาเป็นคนรัก แถมเธอให้การอนุมัติซะด้วย
ทว่าพออยู่ๆ ไป "เจ้าหญิงติวเตอร์" ชักหวั่นไหวกับความสัมพันธ์ที่มีต่อ "เจ้าชายรูปงาม" และ "ช่างซ่อมรองเท้า" ที่รายหลังแสนธรรมดา แถมยังไม่ลืมรักเก่าอีกต่างหาก เรื่องราวจึงวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
โดยไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ แบ่งสัดส่วนชัดเจนระหว่าง "โรแมนติก" กับ "คอมเมดี้" ในแบบครึ่งๆ ซึ่งในส่วนของความตลก หลายมุขถือว่าเวิร์ก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษนี่ต้องยกนิ้วให้ผ่าน เช่น มุขออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนสำเนียงไทยแท้ หรือมุขพูดไทยแอคเซนต์ฝรั่งที่เล่นกี่ครั้งก็ยังขำเว่อร์ ต่างจากมุขชวนอี๋ที่มีทั้งเล่นกับความสกปรก อวัยวะเบื้องต่ำ ถึงจะขำแต่ออกแนวตลกไร้รสนิยมไปเสียหน่อย
ทว่าสำหรับความโรแมนติกคงต้องชมคนต้นคิดอย่าง เก้ง-จิระ มะลิกุล ที่แค่เห็นติวเตอร์สาวสอนภาษาอังกฤษให้หนุ่มช่างฟิตขณะนั่งในร้านกาแฟก็จับมาเป็นไอเดียได้ แถมผู้กำกับ เมษ ธราธร ยังถ่ายทอดออกมาในประเด็นที่น่าสนใจ มิหนำซ้ำหยิบบุคลิกของคนในอาชีพนั้นมาเป็นแนวทางในการเล่าเรื่องอีกต่างหาก
อย่างความเชื่อของยิมที่ว่า "ผมเป็นช่างซ่อมบำรุง ไม่มีอะไรที่ผมซ่อมไม่ได้ หรือต่อให้ยากขนาดไหนผมก็จะพยายามหาวิธีให้มันกลับมาใช้ได้อีกครั้ง" จึงทำให้เขามุ่งมั่นฝึกภาษาอังกฤษในเวลาจำกัด เพื่อสอบให้ผ่านทั้งที่ความหวังแทบเป็นศูนย์
ส่วนเพลงนั้นเหมือนเป็นตัวแทนของหญิงไทยในยุคนี้ ที่แม้จะสวย เก่ง ใช้ชีวิตลำพังได้ หากขณะเดียวกันก็เฝ้ารอการเดินทางมาของเจ้าชายรูปงามเพื่อเคียงคู่และครองรักกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์เช่นเดียวกับในเทพนิยาย
โดยลืมไปว่าชีวิตจริงไม่มีใครสมบูรณ์แบบแม้จะเป็นเจ้าชายที่ดีพร้อม ขณะที่ช่างซ่อมรองเท้าสุดเกรียนก็อาจมีมุมน่ารักๆ ซ่อนอยู่รวมทั้ง "รองเท้าแก้ว" ที่สาวๆ ล้วนอยากครอบครองอาจถูกสร้างมาสำหรับแค่บางคน ไม่ใช่ทุกคนจะสวมได้พอดี ใส่แล้วเดินสบาย และคงน่าเสียดายหากชีวิตจะมัวรออยู่กับเจ้าชายที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่หรือมีอยู่จริงไหม โดยมองข้ามคนธรรมดาข้างๆ กายไป
ดังนั้น ไม่เพียง "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" จะชวนฉุกคิดว่าภาษาอังกฤษสำคัญไฉน โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้เข้าสู่ประชาคมอาเซียนเช่นนี้ ยังชวนให้ใช้ความรู้สึกในการตัดสินสิ่งต่างๆ นอกเหนือจากทัศนคติ ความเชื่อเดิมๆ ซึ่งอาจได้เห็นโลกในมุมต่าง
เช่นเดียวกับที่ วิสูตร พูลวรลักษณ์ ว่า "ในหนังไอฟายฯ นอกจากมุขตลกและเสียงหัวเราะที่ผู้ชมได้รับไปอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว กลับยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง นั่นก็คือ ความซาบซึ้งประทับใจ"
ในเรื่องราวของ "เจ้าหญิง" และ "ช่างซ่อมรองเท้า"
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ