รีส วิทเธอร์สปูน แม่พระสุดๆรับเลี้ยงชาวซูดานใน The Good Lie

รีส วิทเธอร์สปูน แม่พระสุดๆรับเลี้ยงชาวซูดานใน The Good Lie

 

หนังฟิลกู๊ดเรื่องใหม่ที่ไม่ได้มีดีแค่ฉากขายฝันลมๆแล้งๆ แต่ The Good Lie ยังได้ดาราสาวฝีมือดีอย่างรีส วิทเธอร์สปูนมารับบทตัวละครที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงอีกด้วย 

 

ตัวหนังดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริงของชาวซูดานที่เด็กนับหลายหมื่นคนต้องพลัดหลงจากครอบครัวและบางคนก็ล้มตายกันไปเพราะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หนังเล่าเรื่องราว แคร์รี่ หญิงสาวนักสังคมสงเคราะห์ (รีส วิทเธอร์สปูน) ที่ได้รับมอบหมายในการช่วยเหลือเด็กชายชาวซูดาน 4 คน ซึ่งต้องลี้ภัยทางการเมือง มาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประเทศที่กว้างใหญ่และแตกต่างจากประเทศของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่การปรับตัวให้เข้ากับบ้านหลังใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย การลืมอดีตที่เลวร้ายและขมขื่นก็เป็นเรื่องที่ยากไม่แพ้กัน  แม้ตอนแรกแคร์รี่จะช่วยเด็ก ๆ เพราะหน้าที่บังคับแต่สุดท้ายเธอก็ค้นพบว่าบางครั้งการช่วยใครด้วยหัวใจที่แท้จริง มันก็จะเปลี่ยนโลกของพวกเขาไปตลอดกาลได้เช่นกัน

 

ฟิลิป ฟาลาร์โดผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์ ได้ทีมนักแสดงอย่าง รีส วิทเธอร์สปูน เข้าของรางวัลออสการ์จาก “Walk the Line” ร่วมกับทีมนักแสดงชาวซูดาน อาร์โนลด์ โอเซง, เจอ ดูอานีย์, เอมมานูเอล จาล และนักแสดงหน้าใหม่ คูโอธ วีล ซึ่งพวกเขาบางคนก็เป็นลูกหลานของผู้คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์จริง

 

The Good Lie บอกเล่าเรื่องชีวิตของเด็ก 3 คน มาแมร์ พอล และ เจอราไมห์ เราจะได้เห็นพวกเขา รวมทั้งพี่ชายคนโตของมาแมร์ ที่มีชื่อว่าธีโอและน้องสาวอาบิทาล ตั้งแต่เด็ก พวกเขาเดินทางอย่างกล้าหาญจากทางใต้ของซูดานไปจนถึงค่ายลี้ภัยในเคนยา หลังจากนั้น 13 ปี เราจะได้เห็นพวกเขาอีกครั้งในช่วงวัยรุ่น ที่จะต้องเดินทางไปอเมริกาและได้พบกับวัฒนธรรมใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาจึงต้องเรียนรู้ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตในประเทศแห่งใหม่ ก่อนที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังคมและเริ่มต้นทำงาน โชคดีที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือโดย แคร์รี เดวิส ซึ่งเป็นบทที่รีสเล่นนั่นเอง

 

รีส วิทเธอร์สปูนเล่าต่อว่า “ฉันรู้สึกดึงดูดเข้าโดยเรื่องราวของเด็กๆกลุ่มนี้ค่ะ แค่เพียงได้เห็นว่าพวกเขาต้องดิ้นรนและต่อสู้แค่ไหนเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วจึงได้รับโอกาสใสการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอเมริกา ซึ่งทำให้ต้องพบกับเรื่องท้าทายมากมาย บทของภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดให้เห็นถึงแง่มุมหลายๆแง่ ที่คนจากทั้งสองโลกมาพบกัน”