วิจารณ์หนัง Stonehearst Asylum: เรื่องนี้มีแต่คนบ้า
วิจารณ์ Stonehearst Asylum: เรื่องนี้มีแต่คนบ้า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Stonehearst Asylum บอกเล่าเรื่องราวของ เอ็ดเวิร์ด นิวเกท(จิม สเตอร์เจส) นักเรียนหมอจบใหม่จากฮาร์วาร์ดที่เดินทางมาทำงานในสถานที่แห่งนี้ แต่สถานจิตเวทแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยความผิดปกติบางอย่างที่เอ็ดเวิร์ดเองก็สัมผัสได้ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าที่มีแต่บุคคลที่มีท่าทีประหลาดออกมาต้อนรับด้วย “อาการพิลึกพิลั่น”
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะดูไม่ค่อยไว้วางใจกับสถานที่แห่งนี้ก็ตาม การได้พบกับหญิงงามอย่าง เอลิซ่า (เคท เบคคินเซล) คนไข้ของสถาบันจิตเวชสโตนเฮิร์ส ก็เหมือนจะทำให้เขาอยากจะช่วยเหลือเธอ แต่แล้วในกลางดึกของคืนวันหนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงลึกลับมาจากด้านล่างของตึก เมื่อลงไปสำรวจดูเขาก็พบกับคุกใต้ดินที่จองจำ เบนจามิน ซอลท์(ไมเคิล เคน) ชายที่อ้างตัวว่าเป็นผ.อ.ประจำสถานจิตเวทแห่งนี้ก่อนที่เขาจะโดนคนไข้โรคจิตอย่าง ไซลาส แลมป์(เบน คิงสลีย์) ยึดอำนาจไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เอ็ดเวิร์ทคือความหวังเดียวในการช่วยเหลือเหล่าหมอและพยาบาลรวมไปถึงอลิซ่าอีกหนึ่งคนด้วย
ตัวหนังดัดแปลงมาจากนวนิยายของเอ็ดการ์ อัลเลน โพ ในชุด The System of Doctor Tarr and Professor Fether ซึ่งตัวหนังนั้นในบรรยากาศย้อนยุคแบบวิตอเรียนผสมโกธิค ทำให้บรรยากาศตลอดการดูหนังเรื่องนี้มีความขมุกขมัว ยิ่งไปกว่านั้นการปกปิดอำพรางรายละเอียดของตัวละครทุกตัวในเรื่องจึงทำให้คนดูรู้สึกสงสัยใคร่รู้และอยากจะทำความรู้จักกับตัวละครกลุ่มนี้มากขึ้น ว่าตกลงแล้วเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ในสถานที่แห่งนี้
ปมประเด็นที่ถูกเกริ่นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของเรื่องหลังจากที่ผู้ชมได้เห็นอาการชักเนื่องจากการแสดงอาการฮิสทีเรียของอลิซ่า กลายมาเป็นจุดที่ขับเคลื่อนให้หนังเดินไปข้างหน้าตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนจบ และแน่นอนว่าปมดังกล่าวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอามา “สับขาหลอก” ให้ผู้ชมมัวแต่ไปสนใจประเด็นความรักที่พระเอกอยากจะช่วยเหลือนางเอกออกไปจากสถานจิตเวทแห่งนี้ ทั้งที่การมองในแง่เชิงเหตุและผลแล้วมันช่างดูย้อนแย้งกันสิ้นดี แต่! หนังก็หาคำอธิบายแก้ต่างให้กับจุดที่ผู้ชมสงสัยเคลือบแคลงได้ในจุดหักมุมท้ายเรื่องที่เรียกได้ว่าคนดูก็หน้าหงายไปตามๆกัน
อย่างไรก็ตามความน่าสนใจทางด้านการแสดงนั้นคงต้องปรบมือที่ Stonehearst Asylum ได้นักแสดงรุ่นใหญ่อย่างเบน คิงสลีย์มาถ่ายทอดบุคลิกคนบ้าที่แอบซ่อนความผิดปกติบางอย่างไว้ในจิตใจของตน และเมื่อทุกอย่างถูก “ปลดล็อค” ออกมาแล้ว กลับกลายเป็นว่าเขากลายเป็นตัวละครร้ายที่น่าเห็นใจมากกว่าจะที่จะทำให้ผู้ชมสมน้ำหน้ากับสิ่งที่เขาพึงกระทำไปในช่วงตลอดทั้งเรื่อง
แม้ว่าบทสรุปของหนังจะเข้าโหมดผาสุกก็ตาม แต่มันได้สะท้อนให้ผู้ชมเห็นว่า อันที่จริงแล้วความบ้าและเสียสตินั้นอยู่ในตัวของคนทุกคนเลยเช่นกัน
@พริตตี้ปลาสลิด
3 คะแนนจาก 5 คะแนน
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ