“เอ็ดดี้ เรดเมย์น” นักแสดงหนุ่มอังกฤษ หน้ากระ ที่สมควรได้ออสการ์ปี 2015

“เอ็ดดี้ เรดเมย์น” นักแสดงหนุ่มอังกฤษ หน้ากระ ที่สมควรได้ออสการ์ปี 2015

“เอ็ดดี้ เรดเมย์น” นักแสดงหนุ่มอังกฤษ หน้ากระ ที่สมควรได้ออสการ์ปี 2015
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 คงมีคนจำนวนไม่น้อยถามว่า “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” คือใคร แน่นอนเพราะเขาไม่ใช่ ลีโอนาโด ดริคาปิโอ แบรด พิทท์ หรือทอมม์ ครูส ดาราฮอลลีวูดหน้าหล่อทั้งหลาย แต่ในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ทำให้นักแสดงหนุ่มคนนี้อยู่ในสายตาของคอหนังหลายๆ คน

  ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

 

จากรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2015  มีชื่อของ “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” นักแสดงหนุ่มชาวลอนดอนวัย 33 ปีปะปนอยู่ในลิสเหล่านั้นด้วย 

พ่อหนุ่มคนนี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในฐานะที่เขารับบทเป็น “สตีเฟ่น ฮอร์คิง” นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้อง เจ้าของทฤษฎีหลุมดำ จากภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง “The Theory of Everything”  หรือในชื่อไทยว่า “ทฤษฎีรักนิรันดร”

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” เพิ่งซิวรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทหนังดราม่าจากเวทีลูกโลกทองคำครั้งที่ 72 ในบทบาทและภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน

 

  ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

เกริ่นมาซะขนาดนี้ หลายคนที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว (ในบ้านเราเพิ่งเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา) คงเห็นด้วยกับผม และคิดว่า “ถ้าเล่นขนาดนี้ มีถ้วยรางวัลอะไร ก็มอบๆ ให้พ่อเจ้าประคุณเขาไปเถอะ”

จริงๆ ผมเคยชมบทบาทการแสดงของพ่อหนุ่มหน้ากระคนนี้มาแล้วจากภาพยนตร์เพลงเรื่อง “Les Miserables” ครั้งนั้นเขารับบทเป็น “มาริอุส”  แต่เพราะเป็นหนังเพลง ซึ่งส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไร อีกอย่างกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่หล่อเหลาเอาเสียเลย เห็นครั้งแรกยอมรับว่ารู้สึก เงิบ! พอมันไม่เจริญหูเจริญตา ผมก็พลอยดูหนังไปเซ็งไป จนมองข้ามความสามารถของพ่อหนุ่มคนนี้ไปแบบอคติในใจชัดๆ 

  ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

แต่สำหรับการสวมบทบาท “สตีเฟ่น ฮอร์คิง” ในครั้งนี้ ในระหว่างที่ค่อยๆ นั่งชมบทบาทการแสดงของเขา ขนาดผมเป็นผู้ชายยังรู้สึกค่อยๆ หลงรักผู้ชายคนนี้ นั่นคงเป็นความรู้สึกเดียวกับภรรยาคนแรกของเขาในเรื่อง ก็จะไม่ให้หลงรัก อัจฉริยะหนุ่มหน้ากระคนนี้ได้อย่างไร เพราะเขาทั้งฉลาดล้ำ และมีอารมณ์ขัน แม้จะไม่หล่อ ผมว่าผู้หญิงหลายคนก็คงโงหัวไม่ขึ้นถ้าเจอผู้ชายแบบนี้

ทันทีที่ “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ปรากฏตัวในฐานะ “สตีเฟ่น ฮอร์คิง” ซึ่งในต้นเรื่องเขาเป็นเพียงนักศึกษาชายคนหนึ่งในกลุ่มเด็กหัวกะทิไม่กี่คนของมหาวิทยาลัย แต่ออร่าความเฉลียวฉลาดของเขากลับฉายแสงโดดเด่นออกมาเหนือใคร ความเก่งกาจเหนือเพื่อนคนอื่น ไม่ได้ทำให้เขาเป็นที่หมั่นไส้ หรือโดนอิจฉาริษยา เพราะเขาเป็นหนุ่มน่ารัก อัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เรียกได้ว่าน่ารักสุดๆ 

  ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

และ “เจน” ภรรยาคนแรกของเขาก็คงคิดแบบเดียวกับผม เพราะเธอยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อร่วมชีวิตกับอัจฉริยะคนนี้ แม้จะทราบจากคุณหมอว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมกับหล่อนได้แค่ 2 ปีนับจากนั้น (แต่ในความเป็นจริง เขายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน)

 

  

ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

ในระหว่างที่หนังดำเนินเรื่องไปจนเข้าสู่ช่วงที่เขารู้ตัวว่าเขาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” เหมือนเอาตัวเองเข้าไปฝังกับความรู้สึกที่รับรู้ว่าตัวเองป่วยด้วยโรคนั้นจริงๆ หดหู่ ไร้ความหวัง ยอมแพ้ เหมือนคนที่มีร่างกาย แต่จิตวิญญาณค่อยๆ ลีบตัวลง ทั้งสีหน้า แววตา ร่างกายของเขาทำให้เราเชื่อว่าเขาคือคนป่วย ที่พร้อมจะตายลงตรงหน้า หากไม่ได้ความหวังและกำลังใจจากคนรอบข้างทั้งแฟนสาว เพื่อนๆ และครอบครัว

เพราะเขาต้องรับบทเป็นผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อทุกๆ ส่วนในร่างกายจะค่อยๆ ขยับไม่ได้ ผมเลยลองไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อมารับบทบาทในครั้งนี้ “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ต้องเข้าคอร์สกับนักเต้นฝึกฝนกล้ามเนื้อคล้ายการวิ่งมาราธอน เพื่อทำท่าเหมือนคนไร้กระดูกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ในแบบที่ไม่เกร็งและรู้สึกผ่อนคลาย ให้ตายเถอะ! ผมชอบการทุ่มเทแบบนี้ของนักแสดง

มีอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่า ใครที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจะต้องรู้สึกแบบเดียวกับผม นอกจากเรื่องที่จะเชียร์ออกนอกหน้าให้นักแสดงคนนี้ได้รางวัลออสการ์คือ คุณจะรู้สึกเหมือนคุณเป็น “สตีเฟ่น ฮอร์คิง” แบบเดียวกับเขาตลอดเวลา 

ตั้งแต่มือที่ค่อยๆ หงิกงอ ข้อเท้าที่ค่อยๆ พับตัวจนทำให้ขาไม่มีแรงทรงตัวตั้งตรงบนพื้นโลก ปากที่บิดเบี้ยวผิดรูป จนพูดออกมาเป็นคำไม่รู้เรื่อง หรือแม้กระทั่งสายตาที่เหม่อลอย หมดหวัง รวมไปถึงแววตาสดใส ร่าเริงเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะเป็นพ่อคน คุณจะรู้สึกเหมือนคุณเป็นพ่อหนุ่มอัจฉริยะอย่างไรอย่างนั้น

  ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

ความสำเร็จอย่างหนึ่งของภาพยนตร์ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม คือการทำให้ผู้ชมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนัง หรือเป็นผู้ติดตาม เฝ้ารอดูพฤติกรรมของนักแสดงร่วม และผมเชื่อว่าถ้าคุณได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณจะต้องรู้สึกแบบนี้อย่างแน่นอน

หลายคนอาจไม่ชอบหนังดราม่า น้ำตาริน แต่ผมอยากทั้งผลัก ทั้งดันให้ทุกคนซื้อตั๋วเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ในท้ายที่สุด “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ของผมอาจจะพลาดรางวัลออสการ์ที่กำลังจะประกาศผลในอีกไม่กี่วันนี้ 

แต่ผมขอการันตีตรงนี้เลยว่าหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว คุณจะรู้สึกว่าปัญหาอะไรที่คุณเจอ ที่คุณว่าหนักหนาสาหัส โทษนั่น โทษนี่ ทำไมต้องเป็นเรา คุณจะรู้สึกว่ามันเล็กระจิ๋วเดียวถ้าเทียบกับชีวิตจริงของ “สตีเฟ่น ฮอร์คิง” 

 

ภาพจาก https://www.facebook.com/EddieRedmayneOnline

ขนาดผม ในระหว่างนั่งดูยังถอนหายใจ และแอบคิดว่าถ้าเป็นตัวเอง ยอมตายไปนานแล้ว แต่ที่น่าปลื้มใจคือในปัจจุบันศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอร์คิง ในวัย 73 ปียังมีชีวิตอยู่ด้วยการนั่งรถไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา เนื่องจากเขาพูดและขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงขยับนิ้วและกะพริบตา ใช้วิธีการสื่อสารกับโลกภายนอกด้วยอุปกรณ์พิเศษที่สังเคราะห์เสียงพูดได้จากตัวอักษร 

ซึ่งนั่นก็หมายความว่านอกจากความหวัง กำลังใจ จิตใจที่เข้มแข็งของตัวศาสตราจารย์แล้ว “ความรัก” ยังคงเป็นอีกพลังสำคัญที่ผลักดันให้ศาสตราจารย์ผู้นี้ยังคงมีลมหายใจ ดังนั้นหากใครที่ชอบดูหนังรักโรแมนติก เมื่อไปชมแล้วจะขอเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนังรักก็ได้ ไม่ว่ากัน

Text : Suwimol

 

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” นักแสดงหนุ่มอังกฤษ หน้ากระ ที่สมควรได้ออสการ์ปี 2015

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook