Oscars 2015 รางวัลนี้…ควรเป็นของใคร?
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศผลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 87th Academy Awards หรือ Oscars 2015 รางวัลออสการ์ที่เตรียมมอบให้กับภาพยนตร์คุณภาพที่คู่ควรในสาขาต่างๆ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ (เช้าวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ ตามเวลาในประเทศไทย)
รางวัลออสการ์ 2015 ยังคงอัดแน่นด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่ตรงตามเกณฑ์และมาตรฐาน ทั้ง 24 สาขารางวัล สำหรับในปีนี้ภาพยนตร์ตลกร้าย รวมดาราชั้นนำ กลายเป็นในความโดดเด่น Birdman กับ The Grand Budapest Hotel เข้าชิงมากที่สุดถึง 9 รางวัล
ภาพยนตร์เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามก็มาแรง The Imitation Game เข้าชิงถึง 8 รางวัล ส่วนภาพยนตร์ม้ามืดอย่าง American Sniper เข้าชิง 6 รางวัล ขณะที่ภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการในปีนี้อย่าง Boyhood ก็กลายเป็นตัวเต็ง เข้าชิง 6 รางวัลเช่นเดียวกัน แต่ผู้ชนะในแต่ละสาขามีได้เพียงแค่หนึ่งเดียว นี่คือ การคาดการณ์ ผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 87 ซึ่งประมวลจากข้อมูลทางสถิติรางวัลและรายได้ รวมทั้งคะแนนเสียงจากนักวิจารณ์ชั้นนำ
สำหรับบรรดารางวัลที่เกี่ยวกับ “การแสดง” ของออสการ์ปีนี้ เป็นที่น่าเสียดาย เพราะหลายสาขาล้วนแต่มี “ตัวเต็ง” หรือ “ตัวเด่น” ชนิดที่เตรียมตัวนอนมารับตุ๊กตาทอง หากไม่มีอะไรที่พลิกความคาดหมายและค้านสายตาคนดูหนังอย่างเราๆ
เริ่มต้นจาก “รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” ที่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Julianne Moore มีผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมใน Still Alice กับบทบาทผู้หญิงกลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากเทศกาลหนังต่างๆ และนี่อาจจะสิ้นสุดการรอคอยเกือบ 20 ปี หลังจากที่เธอเคยเข้าชิงออสการ์มาถึง 4 ครั้ง แต่ยังไม่เคยคว้าได้เลยสักตัว
ส่วนสาวคนอื่นๆ ที่ร่วมเข้าชิงในรางวัลนักแสดงนำหญิงนี้ แม้จะทำผลงานเข้าตากรรมการ แต่ก็ยังไม่มีใครโดดเด่นได้เท่ากับตัวเต็ง บทบาทของ Felicity Jones ใน The Theory of Everything นั้นน่าประทับใจและไม่ควรมองข้าม Reese Witherspoon ใน Wild ยังคงสร้างงานแสดงดีๆ ได้สมกับมาตรฐาน Marion Cotillard จาก Two Days, One Night ติดโผเข้ามาอย่างเซอร์ไพรส์ ไม่แปลกใจที่เธอขึ้นแท่นเป็นขวัญใจกรรมการ Rosamund Pike จาก Gone Girl เธอคนนี้ก็ต้องจับตามอง
ผู้ชนะ: Julianne Moore | ตัวแปร: Felicity Jones | ม้ามืด: Reese Witherspoon
มาดู “รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” กันบ้าง สาขานี้ก็แทบจะไม่ต้องลุ้น เจ้าแม่ดาราทีวี Patricia Arquette น่าจะมาคว้ารางวัลออสการ์จากการเข้าชิงครั้งแรกไปได้อย่างสบาย จากการแสดงที่โดดเด่นใน Boyhood
คู่แข่งคนอื่นๆ ในสาขานี้แทบจะไม่น่ากลัว Emma Stone (จาก Birdman) กับ Keira Knightley (จาก The Imitation Game) ที่ได้รับเสียงชมจากนักวิจารณ์ Laura Dern จาก Wild ก็ติดโผเข้ามาแบบงงๆ ส่วน Meryl Streep จาก Into the Woods รายนี้เป็นขาประจำ เข้าชิงออสการ์แบบปีเว้นปี
ผู้ชนะ: Patricia Arquette | ตัวแปร: Keira Knightley | ม้ามืด: Laura Dern
“รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” ก็เป็นอีกหนึ่งสาขาที่มี “ตัวเต็ง” ลอยเด่นมาแต่ไกล J.K. Simmons โชว์ฝีมือการแสดงเข้าขั้นเทพใน Whiplash ที่เดินสายกวาดรางวัลมาแทบจะทุกเวที และนี่คงเป็นการคว้าตุ๊กตาทองตัวแรกในชีวิตการแสดงของเขา ที่น่าจะครอบครองมาได้โดยไร้ข้อกังขา
ขณะที่ผู้เข้าชิงอีก 4 คน ก็ไม่น่าหวั่นเกรงสักเท่าไหร่ Edward Norton (จาก Birdman) กับ Ethan Hawke (จาก Boyhood) 2 คนนี้บรรดานักวิจารณ์คอยส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่น้อย ส่วน Mark Ruffalo (จาก Foxcatcher) และ Robert Duvall (จาก The Judge) น่าเสียดายที่พวกเขาแทบจะถูกลืม
ผู้ชนะ: J.K. Simmons | ตัวแปร: Edward Norton | ม้ามืด: Ethan Hawke
เพิ่มระดับความน่าตื่นเต้น “รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” ประจำปีนี้คงเป็นสาขาการแสดงที่ได้ลุ้นกัน การชิงดีชิงเด่นระหว่าง “หนุ่มดาวรุ่ง” กับ “ดารารุ่นใหญ่” Michael Keaton โชว์ปล่อยของโดนใจนักวิจารณ์ทั้งประเทศจากการแสดงใน Birdman ส่วน Eddie Redmayne จาก The Theory of Everything รับบทอัจฉริยะโลกจารึก Stephen Hawking แบบตามสูตรออสการ์เป๊ะ แม้ว่าคะแนนของทั้งคู่จะสูสีกัน แต่ผู้ชนะมีเพียงแค่หนึ่งเดียว....
ส่วนผู้เข้าชิงรางวัลนำชายคนอื่นๆ ก็น่าประทับใจ อย่าง Steve Carell ที่พลิกบทบาทแปลงโฉมโชว์ฝีมืออย่างเข้มข้นใน Foxcatcher ก็ไม่ควรมองข้าม เช่นเดียวกับ Benedict Cumberbatch (จาก The Imitation Game) ก็พอมีลุ้น ส่วนขวัญใจอเมริกาอย่าง Bradley Cooper จากหนังฮิต American Sniper ก็น่าจะกลายเป็นม้ามืดอยู่ในสาขารางวัลนี้
ผู้ชนะ: Eddie Redmayne | ตัวแปร: Michael Keaton | ม้ามืด: Bradley Cooper
ตามมาด้วยรางวัลเกี่ยวกับ “บทภาพยนตร์” ปีนี้พบว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูสีในสาขารางวัลนี้ อีกทั้งยังมีบทภาพยนตร์หลายเรื่องที่คาดว่าจะติดโผเข้าชิง แต่กลับไม่มีชื่ออย่างน่าประหลาดใจ เช่น Gone Girl, Wild หรือ Still Alice เป็นต้น
“รางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม” แม้จะมีชื่อหนังหลายๆ หลุดโผไป แสดงให้เห็นว่าสาขารางวัลนี้ค่อนข้าง “สายแข็ง” โดยเฉพาะงานดัดแปลงจากหนังสืออัตชีวประวัติกลางสมรภูมิรบ American Sniper ได้ภาษีดีขึ้นมาทันที ที่กลายเป็นฮิตถล่มทลายตั้งแต่ปีใหม่ ส่วนหนังอินดี้อย่าง Wishlash ดัดแปลงมาจากหนังสั้นชื่อเดียวกัน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งที่สร้างสรรค์ได้อย่างมีชั้นเชิง
ส่วนผู้เข้าชิงเรื่องอื่นๆ งานดัดแปลงจากหนังสือของ The Imitation Game ก็ไม่ควรมองข้าง เช่นเดียวกับ The Theory of Everything ประวัติของอัจฉริยะ Stephen Hawking ตีความออกมาได้อย่างประทับใจ ขณะที่ Inherent Vice กลายเป็นตัวเลือกที่ติดโผเข้ามาแบบเซอร์ไพร์ส
ผู้ชนะ: “Wishlash” โดย Damien Chazelle | ตัวแปร: “The Imitation Game” โดย Graham Moore | ม้ามืด: “American Sniper” โดย Jason Hall
“รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม” อีกหนึ่งสาขารางวัลของบทภาพยนตร์ มอบให้หนังที่สร้างสรรค์จากแนวความคิดที่สดใหม่ ซึ่งในปีนี้มีตัวเต็งที่โดดเด่นถึง 3 เรื่องด้วยกัน คงปฏิเสธไม่ได้กับแนวความคิดสุดโต่งของผู้กำกับ ที่ลงมือเขียนบทภาพยนตร์ Birdman เอง บทหนังที่ชั้นเชิง บวกกับการถ่ายทอดของทีมนักแสดงชั้นดี ทำให้ออกมาทรงคุณค่า ขณะที่บทภาพยนตร์ที่ใช้เวลายาวนานของ Boyhood ถือเป็นงานทดลองที่เต็มไปด้วยคุณภาพ และพิสูจน์ได้ว่าบทหนังดีๆ ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตเวลา
บทภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง The Grand Budapest Hotel ก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเป็นขวัญใจเทศกาลหนัง ตระเวนเก็บรางวัลจากหลายๆ เวที ล่าสุดก็คว้า BAFTAs จากประเทศอังกฤษ ทำให้บทภาพยนตร์ตลกรวมดาราเรื่องนี้จึงโดดเด่นเป็นพิเศษ ขณะที่เรื่องราวการตีแผ่จิตใต้สำนึกของมนุษย์ จาก Nightcrwaler กับ ปมชีวิตบนสังเวียนการต่อสู้ จาก Foxcatcher แม้จะรั้งท้ายในกลุ่ม แต่ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
ผู้ชนะ: “The Grand Budapest Hotel” โดย Wes Anderson | ตัวแปร: “Birdman” โดย Alejandro González Iñárritu | ม้ามืด: “Boyhood” โดย Richard Linklater
ย้ายมาวิเคราะห์สาขา “รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ในปีนี้ แม้ว่าภาพรวมจะมองเห็นตัวผู้ชนะอยู่ไกลๆ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผู้กำกับที่ดูโดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น Richard Linklater จากการกำกับภาพยนตร์ยาวนานถึง 12 ปี จาก Boyhood กลายเป็นทฤษฎีใหม่ในการสร้าง เน้นและใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ จนกลายเป็นหนังที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ
ขณะที่สีสันและเอกลักษณ์ของ Birdman ทำให้ Alejandro González Iñárritu ขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในสาขาผู้กำกับฯ กับแนวความคิดที่แหวกแนวและถ่ายทอดองค์ประกอบต่างๆ เข้าตาคณะกรรมการ เช่นเดียวกับ Wes Anderson จาก The Grand Budapest Hotel ผู้กำกับคนนี้ก็มีสไตล์เป็นตัวของตัวเอง มีลายเส้นชัดเจนจากผลงานภาพยนตร์ที่เขาได้กำกับ ส่วนอีก 2 ผู้กำกับที่ติดโผเข้าชิง อย่าง Bennett Miller จาก Foxcatcher และ Morten Tyldum จาก The Imitation Game น่าเสียดายที่พวกเขาถูกบรรดาตัวเต็งแย่งซีน
ผู้ชนะ: Richard Linklater จาก Booyhood | ตัวแปร: Alejandro González Iñárritu จาก Birdman | ม้ามืด: Wes Anderson จาก The Grand Budapest Hotel
อีกหนึ่งสาขาที่น่าจับตามอง “รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม” แม้ว่าหลายจะมองแค่ว่าเป็นเพียง “หนังการ์ตูน” แต่ในยุคนี้ได้ให้ความสนใจกับเทคนิคงานสร้างแอนิเมชั่น เทียบเท่ากับภาพยนตร์ทั่วไป ปีนี้เราเห็นตัวเต็งมาลิบๆ แอนิเมชั่นจากค่ายดรีมเวิร์ค อย่าง How to Train Your Dragon 2 การันตีด้วยรางวัลจากเวที Annie และ Golden Globe ขณะที่ Big Hero 6 แอนิเมชั่นจากค่ายดิสนีย์ ก็พอที่จะมีลุ้นอยู่ไม่น้อย
ส่วนผู้เข้าชิงเรื่องอื่นๆ อย่างหนังแอนิเมชั่นนอกกระแส The Boxtrolls ได้เสียงเชียร์จากนักวิจารณ์อยู่ไม่น้อย Song of the Sea แอนิเมชั่นจากฝรั่งเศส และ The Tale of the Princess Kaguya แอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพียงแค่ตัวประกอบในสาขานี้
ผู้ชนะ: How to Train Your Dragon 2 | ตัวแปร: Big Hero 6 | ม้ามืด: Song of the Sea
รางวัลใหญ่ที่สุดของเวทีออสการ์ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ประจำปีนี้ 8 ภาพยนตร์ที่ผ่านเข้ารอบชิง ล้วนแต่เป็นการขับเคี้ยวที่น่าสนุก โดยเฉพาะการแข่งขันที่สูสีกันของ 2 ภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ประจำปีนี้ Birdman ที่ครองสถิติกวาดรางวัลมาทั่วสหรัฐอเมริกา ความลงตัวจากหลายๆ องค์ประกอบ รวมทั้งทีมงานและนักแสดงคุณภาพ ส่งเสริมให้ภาพยนตร์ตลกร้ายเรื่องนี้ คู่ควรกับการคว้าตุ๊กตาทองไปครอง...อยู่แค่เอื้อม
Boyhood หนึ่งในภาพยนตร์ขวัญใจจากทุกเทศกาลหนังในปีที่ผ่านมา สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ แม้ว่าโดยรวมจะเป็นเพียงหนังชีวิตทั่วไป แต่ด้วยเทคนิคการสร้างและการนำเสนอรูปแบบใหม่ ที่น่าตื่นตาในหมู่คนทำหนัง ที่ต้องใช้เวลาสร้างข้ามทศวรรษ กว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบ นี่คงเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่อยากจะมอบตุ๊กตาทองให้ไปครอง
ภาพยนตร์อัตชีวประวัติขวัญใจคนผิวสีอย่าง Selma เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เป็นอีกหนึ่งงานคุณภาพที่ติดโผเข้าชิงรางวัลใหญ่ แม้ว่าจะถูกมองข้ามไปในหลายๆ สาขาก็ตาม American Sniper ตีแผ่ฉากสงครามและผลกระทบจากเหตุก่อการร้าย ขึ้นแท่นเป็นหนังฮิตถล่มทลายเมื่อต้นปี 2015 ก็ควรจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่เข้าชิง The Theory of Everything แม้ว่าจะน่าประทับ แต่ก็ยังโดดเด่นสู้บรรดาตัวเต็งไม่ได้ เช่นเดียวกับ The Imitation Game, The Grand Budapest Hotel และ Wishlash ล้วนแต่เป็นขวัญใจนักวิจารณ์ แต่การได้เข้าชิงออสการ์ก็ถือว่าได้พิสูจน์คุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ แล้ว
ผู้ชนะ: Boyhood | ตัวแปร: Birdman | ม้ามืด: American Sniper