Fifty Shades of Grey เพราะโลกนี้สมควรมี "ติ่ง"
คุณคงได้เห็นปรากฏการณ์ "อันน่าเหลือเชื่อ" ที่เกิดขึ้นกับภาพยนตร์รัก..แสนเร่าร้อน "Fifty Shades of Grey" กันตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย ทำเงินสูงถึง 85 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 3 วันแรก อีกทั้งยังเปิดตัวทั่วโลกกับรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท และยังทำลายสถิติต่างๆ ได้อีกมากมาย นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเพราะพลังของ "ติ่ง" และ "ชะนี"
กับคำถามที่เกิดขึ้น "ทำไม Fifty Shades of Grey ถึงโด่งดังขนาดนี้?" หากวิเคราะห์แบบไม่อ้อมคอม แน่นอนว่า "ฉากร่วมรัก" อันเป็นจุดเด่นจุดขายและรสนิยมส่วนตัวของพระเอก คือปัจจัยหลักที่ทำให้คนตีตั๋วเข้าไปชม เชื่อว่าคนดูเกินกว่าครึ่ง ต้องการจะเข้าไปพิสูจน์ 'Sex Scene' ทีใครๆ ก็กล่าวถึง แม้ว่าจะภาพยนตร์รักเรื่องนี้จะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่เพราะ "จุดนั่น" ยังช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ชายเข้าไปชมภาพยนตร์ได้เช่นกัน
อีกหนึ่งปัจจัยหลัก ที่ทำให้ Fifty Shades of Grey ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม คือ "แฟนหนังสือ" หรือ "ติ่งนิยาย" พลังจากกลุ่มคนกลุ่มนี้ เคยทำให้ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงสร้างจากนิยายหรือหนังสือชุดดังๆ ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง แม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องราวของตัวละครทั้งหมดแล้ว แต่ในฉบับภาพยนตร์นั้น กลายเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มจินตนาการของพวกเขา
ความสำเร็จของ Fifty Shades of Grey ครั้งนี้ ยังทำให้โลกภาพยนตร์รู้ว่า "อย่าประมาทกลุ่มผู้หญิง" ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลวิชาการ แน่นอนว่าประชากรโลก ผู้หญิง เยอะกว่า ผู้ชาย แต่หากเทียบสถิติในวงการภาพยนตร์แล้ว ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ระเบิดตูมตาม วินาศสันตะโร ครองใจคนดูได้มากกว่าภาพยนตร์สำหรับกลุ่มผู้หญิง
แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อสัก 6-7 ปีก่อน "Twilight" เคยประสบความสำเร็จในแบบเดียวกันนี้ จากนิยายรักแวมไพร์กลายเป็นภาพยนตร์ชุดเรื่องดัง ซึ่งมีองค์ประกอบคล้ายกับ Fifty Shades of Grey หลายอย่าง เช่น ผู้กำกับหญิงไม่มีชื่อเสียง ทีมนักแสดงหน้าใหม่ และดัดแปลงจากนิยายเล่มแรก ที่ชี้ชะตาได้แค่ เกิด หรือ ดับ
ส่วนแนวทางการประชาสัมพันธ์ของ Fifty Shades of Grey ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้รุ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นข่าวดังนับตั้งแต่ประกาศสร้าง ดาราชั้นนำมามากมายที่ติดโผแคสติ้งเป็นพระนางเรื่องนี้ ดาราดาวรุ่ง Charlie Hunnam คือตัวเลือกหลักในบทพระเอก แต่เขาถอนตัวออกไป ก่อนจะเริ่มถ่ายทำได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ ส่งผลทำให้ต้องเลื่อนฉายจาก สิงหาคม 2014 เป็น กุมภาพันธ์ 2015
และปฏิเสธไม่ได้ว่า Jamie Dornan และ Dakota Johnson มีส่วนส่งเสริมภาพลักษณ์ของภาพยนตร์ ด้วยเคมีคู่พระนางที่ลงตัว ทำให้ Fifty Shades of Grey มีเสน่ห์เย้ายวนอบอวลไปทั้งเรื่อง แม้ว่าทั้งคู่จะยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ในวงการก็ตาม
ขณะที่กระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์กของ Fifty Shades of Grey ก็ทำสถิติต่างๆ ได้ไม่น้อย กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีคนกล่าวถึงเป็นอย่างมากในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ นับตั้งแต่ย่างก้าวเข้าสู่ปี 2015 กลายเป็นเทรนด์ฮิตระดับโลก ด้วยวิธีการโฆษณาแบบเผยเนื้อหาทีละเล็กทีละน้อย ยี่ยวนเซ็กซี่ ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์คล้อยตาม
ตัวอย่างภาพยนตร์ (Trailer) ตัวแรกของ Fifty Shades of Grey ที่ปล่อยออกมา ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2014 ยังสร้างสถิติมีผู้เข้าชมกว่า 100 ล้านครั้งเพียงไม่ถึงสัปดาห์ กลายเป็นตัวอย่างภาพยนตร์ที่มียอดผู้ชมสูงสุดประจำปี 2014 ไปโดยปริยาย
ในส่วนเนื้อหาและคุณภาพของภาพยนตร์นั้น ล้วนเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้ชม บางครั้ง “ความคาดหวัง” ที่สูงของผู้ชม เพราะสิ่งล่อตาล่อใจที่ปรากฏเห็นในโฆษณา เป็นเหมือนหมอกบังตาที่ทำให้บางคนเข้าไม่ถึงเจตนารมณ์ที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อ
Fifty Shades of Grey เป็นเพียงภาพยนตร์รักโรแมนติกที่ตีแผ่และต่อยอดจากฉบับนิยาย จุดเด่นอยู่ที่รสนิยมทางเพศและจิตใต้สำนึกของตัวละคร ถูกสร้างอยู่บนขอบเขตและกติกาในการสร้างภาพยนตร์ ตอบโจทย์ความบันเทิงที่ไม่อนาจารเกินไป ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้สร้างแค่เพื่อ “สนองตัณหา” แต่ในอีกมุมหนึ่งกลายเป็นการปลุกเสกให้ ตัวหนังสือ กลายเป็น ภาพเคลื่อนไหว แบบถึงใจถึงอารมณ์ ดั่งคำกล่าวของสาวก “ทาสรักมิสเตอร์เกรย์”
อย่างไรก็ตาม จากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่า "ถูกที่" และ "ถูกเวลา" เข้าฉายช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน หนำซ้ำยังได้กลุ่มนอกเป้าหมายอีกเป็นกอบเป็นกำ การนำเสนอเรื่องราวที่กระตุ้นต่อมความกระหายของมนุษย์ ทำให้ Fifty Shades of Grey ได้รับชัยชนะจากประเด็นนี้ไปเต็มๆ
สำหรับ Fifty Shades of Grey ยังคงรอคอยการตีแผ่เรื่องราวต่อไป "Fifty Shades of Darker" และ "Fifty Shades of Freed" คือภาคต่อหลังจากนี้ ที่ยังให้คำตอบไม่ได้ว่า ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่..?