วิจารณ์ละครเวที THE SOUND OF MUSIC

วิจารณ์ละครเวที THE SOUND OF MUSIC

วิจารณ์ละครเวที THE SOUND OF MUSIC
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนส่วนใหญ่รู้จักและคุ้นชื่อ THE SOUND OF MUSIC มาจากหนังคลาสสิคในปี 1965 ผลงานที่มีจูลี่ แอนดรูวส์และคริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์แสดงเป็นคู่พระนางของเรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังกวาดรางวัลบนเวทีออสการ์ในปี 1966 มาถึง 5 สาขาในสาขาใหญ่ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต ไวส์) มานอนกอด 

อันที่จริงแล้วจุดเริ่มต้นทั้งหมดของ THE SOUND OF MUSIC นั้นมีที่มาจากบันทึกความทรงจำของมาเรีย ออกัสต้า ฟอน ทรัปป์ซึ่งมีเนื้อหาในการบอกเล่าชีวิตของครอบครัวฟอน ทรัปป์ตั้งแต่สมัยที่อยู่ซาลซ์ บูรก์ออสเตรียจนถึงยุคที่เธอต้องลี้ภัยออกนอกประเทศหลังจากที่ออสเตรียโดนบรรดานาซีเยอรมันเข้ายึดครองและเธอได้รับการลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา 

เดิมที่ฮอลลีวูดซื้อลิขสิทธิ์ของเวอร์ชั่นหนังเยอรมันเอาไปดัดแปลงเป็นหนังที่พูดภาษาอังกฤษ แต่ก็มีเหตุผลที่บทหนังเรื่องนี้ถูกดัดแปลงไปเป็นละครเพลงแทน โดยมีโฮเวิร์ด ลินด์เซย์และรัสเซล เคราส์เป็นคนเขียนบทให้และตั้งใจให้ริชาร์ด ร็อดเจอร์และออสการ์ แฮมเมอร์สตีนมาแต่งเพลง ผลลัพธ์ที่ได้คือละครเพลงเรื่องนี้โด่งดังเป็นพลุแตกและกลายเป็นผลงานที่อยู่ในความทรงจำของละครบรอดเวย์อีกเรื่อง มันคว้ารางวัลโทนี่ อวอร์ดมาถึง 6 รางวัล รวมถึงละครเพลงยอดเยี่ยมอีกด้วย

มาถึงโปรดักชั่นไทยกันบ้าง ตัวมิวสิคัลยังคงเล่าเรื่องราวของมาเรีย หญิงสาวของสำนักนางชีที่ต้องเดินทางมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับครอบครัวฟอน ทรัปป์ เธอพบว่าผู้การฟอน ทรัปป์ฝึกลูกตัวเองราวกับทหาร แต่มาเรียสอนให้พวกเด็กสนุกไปกับการร้องเพลงและมอบความรักให้กับพวกเขา แม้ว่าตอนแรกผู้การจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเด็กๆเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ระหว่างที่ความรักระหว่างมาเรียกับผู้การจะเริ่มก่อตัวขึ้น นาซีเยอรมันก็บุกเข้ายึดครองออสเตรีย ชีวิตของครอบครัวฟอน ทรัปป์จึงต้องหน้าทางออก 

ในรอบที่ผู้เขียนมีโอกาสไปชมมาเรีย ไนเยอร์รับบทโดยฟาง (FFK) และคุณแม่อธิการรับบโดยปาน ธนพร แวกประยูร ซึ่งฟางรับบทมาเรียได้มีเสน่ห์น่ารักแต่เป็นมาเรียที่เพิ่งผ่านพ้นชีวิตวัยรุ่นมาไม่ได้นานนัก เธอยังสับสนกับชีวิตของตัวเองและมีบางเรื่องที่เธอยังไม่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้โดยเฉพาะเรื่องความรัก ในขณะที่ปาน ธนพรกับบทแม่ชีอธิการนั้น เธอเป็นเหมือนแม่คนที่สองของมาเรีย ที่คอยชี้ทางและแนะนำการใช้ชีวิตที่เหมาะควรให้กับมาเรีย ส่วนเรื่องเสียงร้องนั้นเพลงที่ตราตรึงและไพเราะมากคือเพลง Dixit Dominus และ Confitetemini ที่ปานต้องร่วมร้องกับแม่ชีคนอื่นๆเรียกได้ว่าน้ำเสียงใสและน่าฟังมากๆ 

สิ่งที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันคือบรรดาเด็กๆที่มารับบทบาทลูกของผู้การฟอน ทรัปป์ที่นอกจากจะแสดงเก่งแล้ว พวกเขายังร้องเพลงได้น่าฟัง เรียกได้ว่าเด็กๆเหล่านี้มีอนาคตที่น่าจับตามองมากๆในแวดวงละครเพลง พวกเขามีเสน่ห์ น่ารักและน่าจดจำ

แต่ความดีงามทั้งหมดต้องขอบคุณป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ที่สามารถกำกับภาพรวมของละครเวทีเรื่องนี้ให้ออกมาสนุก นักแสดงแต่ละครมีมิติ มีความน่าจดจำ มีความลึกของคาแรกเตอร์ แม้ตัวละครบางตัวจะมีบทบาทเพียงแค่ 1-2 ฉากเท่านั้น แต่พวกเขาล้วนแล้วแต่ขับเคลื่อนให้ “มนต์รักเพลงสวรรค์” เคลื่อนที่ไปข้างหน้า 

ส่วนอีกหนึ่งคนที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันก็คือ นรินทร์ ประสพภักดีผู้แปลเนื้อเพลงจากเวอร์ชั่นละครบอรดเวย์ให้กลายเป็นเนื้อร้องภาษาไทย ซึ่งมีความสละสลวยของภาษาและยังคงไว้ซึ่งความหมายดั้งเดิมของเพลงได้อย่างครบถ้วนโดยเฉพาะเพลงในความทรงจำของผู้ชมอาทิ โด-เร-มี, จะครบสิบเจ็ด, บอกลาสักที รวมไปถึงเพลงภูผาไม่อาจขวาง 

 

ตอนนี้ละครจะเปิดการแสดงอีกครั้งหลังสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน – 26 เมษายนที่จะถึงนี้ที่เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.thaiticketmajor.com/performance/performance-detail.php?sid=2789

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ วิจารณ์ละครเวที THE SOUND OF MUSIC

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook