วิจารณ์หนัง BIG GAME: ว่าด้วยเรื่องพื้นที่และอำนาจ
BIG GAME เป็นผลงานของผู้กำกับ จาลมารี เฮเลนเดอร์ ที่โด่งดังจากเรื่อง Rare Exports ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของโอสคาริ(ออนนิ ทอมมิลล่า) เด็กหนุ่มขี้อายวัย 13 ปี กำลังพิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะสามารถเป็นชายชาตรีอย่างองอาจตามแบบประเพณีของบรรพบุรุษที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เขาต้องเอาตัวรอดจากการใช้ชีวิตหนึ่งวันหนึ่งคืนในป่าลึกเพียงลำพัง โดยมีอาวุธติดตัวเป็นคันธนูและลูกศรใช้ในการล่าสัตว์ป่า เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายชาตรี
ณ กลางป่าลึกที่โดดเดี่ยวและน่ากลัว โอสคาริได้ยินเสียงดังกึกก้องสนั่นไปทั่วป่า หลังจากนั้นเขาได้พบกับแคปซูลนิรภัยที่ดีดตัวออกมาจากเครื่องบิน แอร์ ฟอส วัน และชายที่ติดอยู่ในนั้นคือประธานาธิบดี(แซมมวล แอล แจ็คสัน) คนสำคัญของสหรัฐอเมริกานั่นเอง โอสคาริรับรู้เรื่องราวว่าประธานาธิบดีกำลังถูกลอบสังหารจากบุคคลที่ไม่หวังดี แม้เขาจะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อยากให้เขาตาย แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในเวลานี้คือการพึ่งพาเด็กชายวัย 13 ปี ในการจับมือกันเพื่อเอาตัวรอด
ถ้ามองข้ามเรื่องราวของฉากวินาศกรรมระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่างบ้าคลั่งแล้ว อันที่จริงตัวหนังเรื่องนี้มันบอกเล่าเรื่องราวของ “อำนาจ” ของผู้คนจากคนละซีกโลก คนหนึ่งเป็นถึงชายที่ว่ากันว่ามีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในโลก ในขณะที่อีกคนเป็นเด็กน้อยในป่าที่น่าจะมีอำนาจน้อยที่สุดในโลกเช่นกัน แต่ทั้งสองคนกลับต้องมาจับมือกันเพื่อเอาชนะคนอีกกลุ่มที่หวังจะปล้นอำนาจจากประธานาธิบดี
อำนาจของประธานาธิบดีกลายเป็นสิ่งไร้ค่าไปโดยปริยาย เมื่อเขาไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ของตัวเอง เมื่อเขามาอยู่ในป่าของโอสคาริแล้ว เขาก็ต้องน้อมรับการ “นำทาง” ของเด็กชาย หรือทำตามวิถีของโอสคาริ นั่นคือการเดินทางไปล่าสัตว์เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายนั่นเอง แม้ตอนแรกทั้งสองจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่เมื่อทั้งคู่เริ่มไว้ใจซึ่งกันและกัน ต่างก็ยอมที่จะเปิดใจถึงขั้นที่ว่าประธานาธิบดียอมเล่า “ความลับ” ที่ไม่มีใครในโลกล่วงรู้มาก่อนให้กับโอสคาริฟังว่าจริงๆแล้วชายที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกอย่างเขาก็มีเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปอยู่ดี
อันที่จริงแนวคิดเรื่องการล่าสัตว์นั้นก็เป็นการบ่งบอกถึงเรื่องอำนาจทางอ้อมอยู่ดี การล่าสัตว์เป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่เขาอยากจะเป็น เพราะเมื่อพ่อเขาอายุ 13 พ่อของเขาล้มหมีในป่าได้ เด็กชายจึง อยากจะเจริญรอยตามและพาประธานาธิบดีเข้าป่าไปด้วยเพื่อให้มีใครสักคนได้เห็นและรับรู้ถึงความสำเร็จของเขา แม้ว่าสิ่งที่เขาได้พบนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจอยู่ไม่น้อย เมื่อความรักของพ่อโอสคาริกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขามองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วพบว่าเขายัง “ไม่พร้อม”
แต่สถานการณ์จริงเมื่อประธานาธิบดีและโอสคาริต้องก้าวผ่านความไม่พร้อมไปด้วยกันเพื่อเอาชีวิตให้รอดจากศัตรู แต่ที่เหนือชั้นไปกว่านั้นก็คือ หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้สองตัวเอกรู้ว่า “ผู้ร้ายตัวจริง” นั้นหาใช่คนที่พวกเขาประจันหน้าอยู่ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มที่ชักใยอยู่เบื้องหลังและรอจังหวะที่จะฉกอำนาจจากประธานาธิบดีมาอีกครั้ง....... เมื่อสบโอกาส
@พริตตี้ปลาสลิด
มอบให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ