วิจารณ์หนัง MAGGIE ดวงใจคนเป็นพ่อ
ถึงแม้ว่าชื่อหนังภาษาไทยของ MAGGIE จะมีชื่อว่า “ซอมบี้ลูกคนเหล็ก” ก็ตาม แต่ตัวหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีความใกล้เคียงซีรีย์ซอมบี้สุดฮิตอย่าง The Walking Dead เลยด้วยซ้ำไป มิหนำซ้ำมันยังปราศจากฉากเร้าอารมณ์โครมครามตามวิถีหนังซอมบี้ หากแต่หนังเรื่องนี้กลายเป็นการสำรวจ “ชีวิต” ของผู้คนในยุคเชื้อซอมบี้ระบาดมากกว่า
โดยปรกติแล้วขนบของหนังตระกูลซอมบี้มักจะให้ความสำคัญกับบรรดาตัวละครในกลุ่มผู้ไม่ติดเชื้อมากกว่า บรรดาผู้ติดเชื้อในหนังกลุ่มนี้มักจะแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นตัวร้ายของเรื่องไปโดยปริยาย พวกเขามักมีสภาพร่างกายเน่าเฟะ มีเลือดและหนองเกรอะกรัง อีกทั้งไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองก่อนจะกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่กระหายเลือด
ในขณะที่หนังอย่าง MAGGIE เลือกจะเล่าเรื่องราวของแมกกี้ (อบิเกล เบรสลิน) เด็กสาวที่ติดเชื้อไวรัสมรณะและร่างกายของเธอกำลังจะเปลี่ยนสภาพไปเป็นปีศาจร้ายกระหายเลือด ความหวังเดียวของแมกกี้คือการที่เวด (อาร์โนลด์ ชวาซสเนกเกอร์) พ่อของเธอต้องพยายามปกป้องแมกกี้ทุกวิถีทางจากเจ้าหน้าที่ที่จะมาเอาตัวแมกกี้ไปเข้าสถานกักกัน ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นเหมือนกับค่ายกักกันที่พ่อลูกอาจจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีก
อันที่จริงแล้วตัวหนังเลือกจะถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว ตัวหนังเลือกจะสำรวจสภาพจิตใจของตัวละครที่มีความเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่เพียงเท่านั้นตัวละครอีกตัวที่มีความสำคัญพอๆกันก็คือแครอลไลน์ (โจลี่ ริชาร์ดสัน) ภรรยาคนใหม่ที่กลายมาเป็นแม่เลี้ยงของแมกกี้ เราจะได้เห็นว่าตัวละครนี้เป็นภรรยาที่อยู่เคียงข้างกับสามีของตนในยามคับขัน (ถ้าเป็นขนบในหนังซอมบี้ตัวละครนี้ น่าจะกลายเป็นตัวละครที่ยอมทรยศสามีและลูกเลี้ยงในการเอาตัวรอด)
ทว่าความน่าสนใจของแครอลไลน์คือตัวละครนี้เลือกจะมาว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอเป็นบทลงโทษของพระเจ้า เนื่องจากเธอเองเป็นคนเคร่งในศาสนา แต่แนวคิดเช่นนี้นี่เองที่ได้กัดกร่อนสภาพจิตใจของเธอและทำร้ายคนในครอบครัวอย่างแมกกี้และเวดทางอ้อม
น่าเสียดายไม่น้อยที่หนังค่อนข้างเนิบนาบและฉากดราม่าในเรื่องนั้นดูจะให้ความสำคัญอยู่แต่ตัวละครของแมกกี้ จนมิติความเป็นพ่อของเวดนั้นดูฉาบฉวยไม่ค่อยลงลึกนึก เพราะอันที่จริงผู้ชมเหมือนจะได้ทำความรู้จักอยู่แค่ตัวละครแมกกี้ในเชิงลึกอยู่คนเดียว ในขณะที่ตัวละครอื่นๆถูกใส่เข้ามาเพื่อรองรับฉากต่อไปของหนังเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูกในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจไปกว่าการที่ดารานำอย่างอาร์โนลด์กระโดดมารับบทดราม่าหนักๆ แต่กว่าที่ผู้ชมจะซึมซับ “ความเป็นพ่อ” ของตัวละครเวด หลายต่อหลายคนก็คงหลับไปไกลและสะดุ้งตื่นอีกทีในฉากไคลแมกซ์ของเรื่องแล้วกระมัง
@พริตตี้ปลาสลิด
2 คะแนนจาก 5 คะแนน