วิจารณ์หนัง Mission Impossible: Rogue Nation ความลับของรัฐ
หลังจากที่หน่วยไอเอ็มเอฟโดนพิจารณาว่าองค์กรของตนนั้นกำลังจะถูกยกเลิก เพราะเป็นองค์กรที่ปฏิบัติการหลายอย่างนั้นอยู่นอกเหนือจากการ “ตรวจสอบ” จากทางภาครัฐ องค์กรที่สังกัดอยู่ในกระทรวงกลาโหมอย่าง CIA จึงรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งกับวีกรรม “วินาศสันตะโร” ที่เกิดขึ้นจากหนังในภาคก่อนๆ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศต่างๆอย่างร้ายแรง และเมื่อทุกอย่างถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก ประกอบกับการที่อีธาน ฮันท์(ทอม ครูซ) ถูกประกาศจับเป็นบุคคลอันตราย พร้อมกับการปรากฏตัวของ ซินดิเคทองค์กรสายลับที่ผันตัวมาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการสร้างความแตกตื่นไปทั่วโลกด้วยการก่อการร้ายแบบแนบเนียน แน่นอนว่าทีมของอีธานต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งการก่อการร้ายและทำลายโลกให้ย่อยยับด้วยการแผงตัวเข้าไปทำภารกิจอันน่าเหลือเชื่อเป็นครั้งที่ 5
ความน่าสนใจนอกเหนือไปจากความตื่นเต้นและลุ้นระทึกตลอดสองชั่วโมงเต็มแล้ว ต้องยอมรับว่าหนังภาคนี้ลดทอนความ “เว่อร์” และเป็นการ์ตูนแบบหนังภาคที่แล้ว Ghost Protocol ลงมาในระดับหนึ่งและใช้สไตล์ของหนังสายลับแบบ Mission: Impossible ภาคแรกเข้าไป ซึ่งมันมีกลิ่นอายของหนังแนวฟิล์มนัวร์ซึ่งตัวละครแต่ละตัวต่างก็มี “พฤติกรรม” ที่มีลับลมคมในและไม่น่าไว้วางใจเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นอีธาน, วิลเลี่ยม แบรนต์(เจเรมี่ เรนเนอร์), ลูเธอร์ สติคเคลล์(วิง เรมส์), ผ.อ.หน่วยซีไอเอ อลัน ฮันลี่ย์(อเล็ค บอลด์วิน) และตัวละครที่น่าจะสนับสนุนเหตุผลที่ว่านี่เป็นหนังสายลับฟิล์มนัวร์อย่างแท้จริงก็คือบทอิลซ่า ฟอสต์(รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน) ในบทบาทของสาวลับสาวชาวอังกฤษที่เหมือนจะมีความลับและลับลมคมในเยอะจนคนดูไม่กล้าปักใจเชื่อได้เลยว่าเธอนั้นฝักใฝ่ฝ่ายใดกันแน่
ความโดดเด่นของตัวละครบทอิลซ่า ฟอสต์นั้นจัดได้ว่าเธอทำให้ตัวละครผู้หญิงในหนังสายลับ “โดดเด่น” มากในฐานะตัวละครผู้หญิงแกร่งและสวยในทุกอิริยาบถ อีกทั้งทรงเสน่ห์จนคนดูหลงใหลและไว้ใจไปกับการกระทำของเธอ ซึ่งคาแรกเตอร์เหล่านี้จัดได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญมากสำหรับตัวละคร “หญิงร้าย” หรือ “นางนกต่อ” ในหนังตระกูลฟิล์มนัวร์อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นในฉากแอ็คชั่นในปริมาณหลายฉากการแสดงของรีเบ็คก้า เฟอร์กูสันนั้นก็เรียกได้ว่าแข็งแรงและมีพลังจนสนตายของคนดูไม่อาจจะละจากเธอได้เลย
ในขณะที่ทอม ครูซกับบทอีธาน ฮันท์เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะยังสามารถเล่นบทสตันท์ผาดโผนมากมายด้วยตัวเอง แต่เราก็เห็น “ความโรยรา” ของวัยที่พรากความกระฉับกระเฉงบางอย่างไปไม่น้อย อย่างไรก็ตามผลงานการกำกับของคริสโตเฟอร์ แม็คควอร์รี่นั้นสามารถเล่าเรื่องราวได้สนุก ชวนลุ้นและที่สำคัญตรงที่ทุกอย่างในหนังค่อนข้างลงตัวและน่าจดจำไม่ว่าจะเป็นสองฉากเสี่ยงอันตรายอย่างการเกาะเครื่องบิน หรือการดำนำเพื่อขโมยรายชื่อระบบ, ฉากโรงละครโอเปร่าที่ใครก็คงไม่ลืมเดรสสีเหลืองของตัวละครอิลซ่าได้ลง, จังหวะการขโมยซีนของไซมอน เพ็กก์กับการรับบทเบนจี้เป็นครั้งที่ 3
Mission: Impossible Rogue Nation ได้สนับสนุนคำกล่าวที่ว่า “นี่เป็นปีทองของหนังสายลับจริงๆ “ หลังจากที่ปีนี้มีหนังอย่าง Kingman: The Secret Service และ Spy เข้าฉายไปแล้ว มันน่าจะบอกได้ว่า เหลือหนังสายลับอีกเรื่องตอนสิ้นปีอย่าง 007: SPECTRE ก็น่าจะยิ่งช่วยสนับสนุนคำพูดดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
4.5 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ