วิจารณ์หนัง DEADPOOL สไตล์ใหม่ของฮีโร่และแอนตี้ฮีโร่

ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจถ้าหากจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าหนังอย่าง DEADPOOL เป็นหนังที่ไร้สาระ และเช่นเดียวกันก็เป็นเรื่องที่สะท้อนใจเหมือนกันที่เราเห็นพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ศึกษาข้อมูลของหนัง DEADPOOL ก่อนที่จะพาบุตรหลานที่อายุต่ำกว่า 10 ขวบเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ (เพราะเข้าใจว่านี่เป็นหนังแบบเดียวกันกับสไปเดอร์แมน!!) และก็เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจอีกเช่นกันที่วงการจัดเรตติ้งในบ้านเราให้เรตติ้งหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 15+ ทั้งที่มันมีฉากรุนแรงประเภทเลือดสาด ฉากเซ็กส์แบบดิบๆ หรือการพ่นคำหยาบตลอดทั้งเรื่อง หลายประเด็นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเสพย์สิ่งบันเทิงของคนในชาติเราเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนากันอีกเยอะแยะเลยทีเดียว

กลับมาเข้าเรื่อง อันที่จริง DEADPOOL นั้นถ้าจะบอกว่าเป็นหนังที่ไร้สาระก็ไม่ผิด แต่ความไร้สาระของหนังเรื่องนี้กลับสามารถมอบความ “บันเทิง” ให้กับผู้ชมที่ถูกจริตกับตัวหนังได้ชนิดที่เราเรียกได้ว่าพีคสุดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยและยิ่งกลุ่มคนที่เป็นแฟนคลับของหนังในกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่แล้วคงต้องร้องกรี๊ดถึงความแสบสันต์ปากจัด(ปากหมา) ในการหยิก จิกกัดวงการหนังซูเปอร์ฮีโร่ได้แบบถึงพริกถึงขิง สุดติ่งกระดิ่งแมวกันเลยทีเดียว 

พล็อตเรื่องคร่าวๆที่สามารถเล่าจบได้แค่หนึ่งย่อหน้าว่า DEADPOOL เป็นหนังที่เกี่ยวข้องกับอะไร มีเรื่องราวอะไร ปมปัญหาของหนังคืออะไร เราสามารถสรุปได้เลยว่า มันเป็นเรื่องราวของเวด วิลสัน (ไรอัน เรย์โนลด์) ที่พบรักกับวาเนสซ่า (โมรีน่า แบ็กคาริน) ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเดดพูล เพราะเจอตัวร้ายอย่างเอแจ็กซ์ (เอ็ด สไครน์) จับเขาไปดัดแปลงเซลล์พันธุกรรมให้กลายเป็นอมตะ! พล็อตของหนังมีอยู่เท่านี้ และที่เหลือก็คือตัวหนังจะพาเราไป “รู้จัก” กับตัวละครเดดพูลอย่างเจาะลึกถึง “สันดาน” เลยทีเดียว

เหตุผลที่ต้องเขียนละเอียดยิบและรุนแรงขนาดนี้ก็เพราะตัวหนังก็ประเคนความรุนแรงแบบสุดๆใส่คนดูไม่แพ้กัน หนังไม่ปราณีคนดูเลย โดยเฉพาะการซัดคำหยาบใส่คนดู แต่กระนั้นการใช้คำรุนแรงดังกล่าวก็ช่วยสะท้อนบุคลิกที่ชัดเจนของฮีโร่(แอนตี้ฮีโร่) รายนี้ที่ไม่ได้เป็นผู้ช่วยเหลือสังคมให้งอกงามหรือวิวัฒน์ไปในทางที่ดีขึ้น หากแต่สนองความต้องการของตนเองล้วนๆ อาทิ ล้างแค้น, ปกป้องคนรัก, สังหารคู่อริแบบไม่อ่อนข้อ จนขั้วตรงข้ามอย่างโคลอสซัส (สเตฟาน คาพิซิค) กลายเป็นฮีโร่แบบโคตรโลกสวยกันไปเลย

ในภาพรวมของ DEADPOOL หลายคนอาจจะรู้สึกได้ว่าหนังไม่มีอะไร แต่เมื่อมองจากทุนสร้างแล้ว ต้นทุนจาก 58 ล้านเหรียญ กับผลลัพธ์ที่ออกมาในสเกลที่เราได้เห็นนี้ จัดได้ว่าเป็นความลงตัวในแง่ของภาพรวม ทั้งความสนุก ตัวตนที่ชัดเจนของคาแรกเตอร์ และแน่นอนว่ามันได้สร้างฐานแฟนคลับให้กับฮีโร่คนใหม่รายนี้กับ เดดพูล แล้วเรียบร้อย 

@พริตตี้ปลาสลิด

4 คะแนนจาก 5 คะแนน