ลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ: ราชสีห์แห่งฮอลลีวู้ด The Hollywood Reporter Thailand
LEONARDO DICAPRIO ลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ: ราชสีห์แห่งฮอลลีวู้ด
นาทีนี้คงไม่มีชายคนใดเป็นที่จับจ้องไปกว่า ลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ เพราะหลังคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016 เขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตัวเอง ด้วยการขึ้นเวทีรับรางวัลออสการ์หลังการเข้าชิง 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 22 ปี ไม่เพียงเท่านั้น! เขายังสร้างประวัติบนโลกอินเทอร์เน็ตด้วยการทุบสถิติการทวีตแสดงความยินดี (และล้อเลียน) มากถึง 440,000 ทวีตต่อนาที!! จนได้รับสมญาใหมว่าเป็น King of Twitter ท่ามกลางกระแสความยินดีขอพาคุณย้อนกลับไปดูเส้นทางชีวิตของราชสีห์แห่งฮอลลีวู้ดตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้
กำเนิดแมวน้อย
ลีโอนาร์โด เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ปัจจุบันมีอายุ 41 ปี เขามีชื่อเต็มว่า ลีโอนาร์โด วิลเฮล์ม ดิคาพรีโอ เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของ ไอร์เมอลิน ดิคาพรีโอ คุณแม่ชาวเยอรมันและ จอร์จ ดิคาพรีโอ คุณพ่อชาวอิตาลี ซึ่งพวกเขาแยกทางกันตั้งแต่ลีโอเพิ่งหัดเดิน ลีโอเติบโตมากับคุณแม่ซะส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ยังสนิทกับคุณพ่อจอร์จ อดีตนักวาดการ์ตูนและนักจัดจำหน่ายหนังสือการ์ตูน ซึ่งนั่นทำให้ลีโอพูดภาษาเยอรมันและอิตาลีได้เล็กน้อย
สาเหตุที่เขาได้ชื่อ “ลีโอนาร์โด” เพราะหนูน้อยเกิดขยับตัวเตะท้องคุณแม่เป็นครั้งแรก ขณะที่เธอกำลังเสพงานศิลปะของลีโอนาร์โด ดาวินชี พอดิบพอดี ซึ่งหากคุณแม่กำลังดูผลงานของศิลปินท่านอื่น เขาคงไม่ได้ชื่อลีโอนาร์โดแน่ๆ
แม้เขาอาศัยในเมืองฮอลลีวู้ดตั้งแต่เกิด แต่ลีโอไม่ได้เติบโตในชีวิตหรูหราอย่างที่ใครหลายคนคิด เขาอาศัยในบ้านเล็กๆ ย่านเสื่อมโทรมของลอสแองเจลิส สถานที่ที่มียาเสพติดและโสเภณีอยู่รอบตัว
“บ้านผมจนครับ” เขากล่าวถึงชีวิตวัยเด็ก “จะบอกว่าผมโตในสลัมก็ไม่ผิด หัวมุมถนนมีแต่โสเภณียืนเรียงกันคิว ไอ้พวกฉกชิงวิ่งราวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ" อย่างไรก็ตาม เขาก็สาบานว่าตนไม่เคยแตะต้องยาเสพติดแม้แต่น้อย เพราะมีภาพฝังใจเมื่อเห็นคนอยากยานอนลงแดงอยู่ประตูหน้าบ้าน เขาจึงตั้งปณิธานว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นอันขาด
จากการส่งเสริมของครอบครัว ลีโอเริ่มค้นพบความสามารถเชิงสร้างสรรค์ของตัวเอง และสนใจใคร่รู้ในศาสตร์การแสดง “ผมชอบเลียนแบบมนุษย์ครับ ชอบเล่นตลกไปรอบๆ ครอบครัว และสร้างบุคลิกใหม่ที่แตกต่างกัน”
เมื่อค้นพบความฝันที่ชัดเจน เขาจึงเดินตามความฝัน โดยเริ่มจากการปรากฏตัวในโฆษณาและละครโทรทัศน์ รับบทเล็กๆ ในซีรี่ส์ The New Lassie ก่อนก้าวกระโดดมายังโลกภาพยตร์จากเรื่อง Critters 3 ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาพร้อมกับพรสวรรค์ทางการแสดง ทำให้เขาได้รับข้อเสนอแสดงบทเด่นๆ ตามมาอีกหลายเรื่อง นำไปสู่ก้าวแรกของพระเอกคนใหม่ในเวลาต่อมา
จากจอแก้วสู่จอเงิน
ตอนที่เพิ่งเข้าวงการ หนุ่มน้อยลีโอเคยถูกผู้จัดการขอเปลี่ยนชื่อจากลีโอนาร์โด เป็น “เลนนี่ วิลเลี่ยมส์” เพราะผู้จัดการคิดว่าชื่อลีโอนาร์โดคล้ายมนุษย์ชนเผ่าเกินไป และอยากเพื่อเสน่ห์ให้ตัวลีโอ แต่จนแล้วจนรอด ลีโอก็ยังใช้ชื่อจริงของเขาจวบถึงปัจจุบัน
ลีโอนาร์โดเริ่มชีวิตการแสดงจากซีรี่ส์โทรทัศน์ ไล่เรียงจาก The New Lassie, The Outsiders, Santa Barbara, Roseanne และ Parenthood ซึ่งซีรี่ส์ดังกล่าว ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลยัง อาร์ตติส อะวอร์ดส์ (Young Artist Award) สาขาเด็กยอดเยี่ยม นับเป็นเวทีแรกที่เขาได้เข้าชิง และเป็นเวทีแรกที่เขาไม่ได้รับรางวัลใดๆ
ในปี 1991 เขาก้าวสู่โลกภาพยนตร์เป็นครั้งแรกเมื่อได้รับบทเล็กๆ ในหนังตลกสยองขวัญแนวไซไฟ Critters 3 ซึ่งเป็นหนังทุนต่ำจัดจำหน่ายในรูปแบบวิดีโอเท่านั้น ก่อนที่เขาจะกลับไปแสดงในซีรี่ส์อีกครั้ง ในบทเด็กไร้บ้านในซีรี่ส์ Growing Pains ทางช่อง ABC
ลีโอนาร์โดกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในปี 1992 ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เขามิได้กลับมาเล่นๆ ลีโอพกความสามารถมาอย่างเต็มเปี่ยมในเรื่อง This Boy's Life หนังดราม่าที่ดัดแปลงจากอัตชีวประวัติ ของนักเขียน โทเบียส วูลฟ์ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับพ่อเลี้ยง นำแสดงโดยโรเบิร์ต เดอ นิโร ซึ่งเดอ นิโรเป็นผู้เลือกลีโอมาร่วมแสดงด้วยตัวเอง จากจำนวนเด็กที่เข้ามาแคสติ้งกว่า 400 คน
และในปีเดียวกัน เขาก็ยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก เมื่อแสดงนำในภาพยนตร์ What's Eating Gilbert Grape ร่วมกับจอห์นนี่ เดปป์ เขาปลดปล่อยความสามารถทางการแสดงอย่างเต็มที่ในบทเด็กพิเศษผู้พิการทางสมอง ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น!
“การแสดงหนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยแสดงมาเลยครับ” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาก็พลาดรางวัลนี้ให้กับทอมมี่ ลี โจนส์ จาก The Fugitive และนั่นคือจุดเริ่มต้นของคำสาปออสการ์ที่ลีโอต้องฝ่าฝัน!
ยุคทองของลีโอ
ในปี 1995 ลีโอนาร์โดยังคงสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง โดยเขาไล่ล่าบทเด่นจากภาพยนตร์ที่มีแนวทางแตกต่างกัน 3 เรื่อง เริ่มจากการแสดงนำในหนังคาวบอยตะวันตก The Quick and the Dead, การแสดงหนังดราม่าเกี่ยวกับการก้าวผ่านช่วงวัยรุ่น (Coming of Age) ใน The Basketball Diaries, และหนังเกย์ย้อนยุค Total Eclipse
ถัดมาเพียงหนึ่งปี ลีโอพุ่งทะยานความโด่งดัง เมื่อเขาได้รับเลือกให้แสดงนำในภาพยนตร์รักอมตะที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์โศกนาฏกรรมทางความรักของวิลเลียม เชกสเปียร์ Romeo + Juliet หนังโดดเด่นที่การรักษาบทสนทนาในแบบฉบับบทประพันธ์ดั้งเดิม โดยมิได้เปลี่ยนสำนวนแต่อย่างใด ลีโอแสดงเป็น โรมิโอ ส่วนนางเอก จูเลียต รับบทโดย แคลร์ เดนส์
Romeo + Juliet กอบโกยรายได้ 147 ล้านทั่วโลก พร้อมส่งชื่อลีโอให้กลายเป็นนักแสดงทำเงินคนใหม่แห่งวงการ ก่อนเขาจะตอกย้ำความโด่งดังจนขีดสุด ด้วยการรับบท แจ็ค ดอว์สัน ในภาพยนตร์ Titanic ในอีก 2 ปีต่อมา โดยถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของลีโอนาร์โด ด้วยความที่เป็นหนังทุนสร้างสูงที่สุด (ณ ขณะนั้น) 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์อันดับที่ 1 ยาวนาน 12 ปี และกวาดรางวัลออสการ์มากถึง 11 รางวัล (แน่นอน ไม่มีรางวัลนักแสดงสำหรับลีโอ) สร้างคู่จิ้นคู่ใหม่แห่งวงการกับ เคต วินสเล็ต พร้อมส่งให้ลีโอติดอันดับ 1 ใน 50 ผู้ชายหน้าสวยในนิตยสาร People magazine ถึง 2 ปีสีซ้อน (1997 และ 1998)
Leonardo’s Filmography: ย่างก้าวการแสดงของราชสีห์ลีโอ
ลีโอนาร์โดพัฒนาฝีมือการแสดงขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ รักษามาตรฐานการแสดงจนเป็นที่ยอมรับในวงการได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม ตลอดชีวิตเขามีโอกาสเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 5 ครั้ง แต่กว่าที่เขาจะคว้ารางวัลติดมือกลับบ้านต้องรอมาถึงปี 2016 เพื่อความรวดเร็วในการไล่เรียงผลงานการแสดงในวงการฮอลลีวู้ด The Hollywood Reporter Thailand ของย่นย่อเส้นทางของเขาไว้ในกระดาษคู่นี้
ยุคเริ่มต้น
1989 - The New Lassie (TV Series)
ผลงานการแสดงเรื่องแรกของหนุ่มน้อยลีโอวัย 15 ปี โดยเริ่มจากบทเล็กๆ ในซีรี่ส์โทรทัศน์เล็กๆ
1990 - The Outsiders (TV Series)
1990 - Santa Barbara (TV Series)
1991 - Roseanne (TV Series)
แสดงร่วมกับ โทบี้ แม็กไกวร์ ทำให้เขาสองคนเป็นเพื่อนรักจวบถึงปัจจุบัน
1991 - Parenthood (TV Series)
1991 - Critters 3
ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกกับหนังตลกสยองขวัญไซไฟที่ต้องต่อกรกับเหล่าสัตว์ประหลาดฟันแหลมคม
1992 - Poison Ivy
1992 - Growing Pains (TV Series)
ยุคก้าวสู่วงการภาพยนตร์
1993 - This Boy's Life
ภาพยนตร์แจ้งเกิดของลีโอ ฉายแววพรสวรรค์การแสดงที่นักวิจารณ์ต่างๆ เริ่มจับตามอง
1993 - What's Eating Gilbert Grape
ตีบทเด็กผู้พิการทางสมองแตกกระจุย! ส่งลีโอเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิต ทว่าแพ้ให้กับทอมมี่ ลี โจนส์ จาก The Fugitive
1994 - The Foot Shooting Party (Short)
1995 - The Quick and the Dead
1995 - The Basketball Diaries
นักแสดงร่วม มาร์ค วอห์ลเบิร์ก เคยเอ่ยปากเกลียดลีโอระหว่างการถ่ายทำ แต่ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพื่อนกัน
1995 - Total Eclipse
รับบทเกย์ครั้งแรกและครั้งเดียว แสดงร่วมกับคู่ขาต่างวัย เดวิด ธิวลิส โดยเฉพาะฉากจูบกระแทกจิ้นที่สาววายต้องจิกหมอน!
ยุคทองของลีโอ
1996 - Romeo + Juliet
ความหล่อทะลุตู้ปลาทำให้ลีโอโด่งดังเป็นพลุแตก แต่ก็มีเรื่องอื้อฉาวหลังกองถ่าย เมื่อความสัมพันธ์คู่พระนางมิได้ลงรอยกันสักเท่าไหร่ กระทั่งสาวแคลร์เอ่ยปากรับไม่ได้ที่ลีโอชอบทำตัวกวนประสาทอยู่เสมอ หลังจบการถ่ายทำพวกเขาจึงไม่มองหน้ากันอีกเลย
1996 - Marvin's Room
1997 - Titanic
จุดสูงสุดของอาชีพ ประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์ รายได้ และชื่อเสียง ไม่เพียงเท่านั้น! ในปี 2009 ลีโอนาร์โดและเคต วินสเล็ต ยังร่วมกันจ่ายค่าบ้านพักคนชราแก่ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากเรือไททานิกอีกด้วย
1998 - The Man in the Iron Mask
ท้าทายการแสดงด้วยการรับบทเป็นฝาแฝดฟิลิปป์และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สองตัวละครที่บุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
1998 - Celebrity
2000 - The Beach
ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถ่ายทำในประเทศไทย ณ อ่าวมาหยา เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และเกิดกรณีดราม่าระหว่างชาวบ้านและกองถ่าย
2001 - Don's Plum
หนังยอดแย่ที่ลีโอต้องคว้าสิทธิ์ทางกฏหมายเพื่อระงับไม่ให้หนังเรื่องนี้ออกฉาย
2002 - Gangs of New York
2002 - Catch Me If You Can
สวมบทนักต้มตุ๋นในตำนานแฟรงค์ อบาเนล ในหลากหลายอาชีพทั้งหมอ ทนาย และนักบิน แสดงร่วมกับทอม แฮงค์ กับบทตำรวจที่ตามล่ากัดไม่ปล่อย
ยุคชะตากรรมออสการ์
2004 - The Aviator
การรับบทฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ วิศวกรเครื่องบินผู้เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) ทำให้ลีโอนาร์โดที่เคยเป็นโรคนี้มีอาการกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ตัวหนังส่งลีโอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายเป็นครั้งแรก แต่ชวดให้กับเจมี่ ฟ็อกซ์ ในบทนักดนตรีตาบอดจาก Ray
2006 - The Departed
รีเมคจากภาพยนตร์ฮ่องกง Infernal Affairs แม้จะมีข้อกังขาในคุณภาพ แต่หนังก็คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์
2006 - Blood Diamond
รับบทพ่อค้าเถื่อนผู้ตามล่าหาเพชรสีเลือด ระหว่างถ่ายทำลีโอถูกชะตากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ กระทั่งตัดสินใจอุปการะเลี้ยงดูห่างๆ การแสดงอันเข้มข้นทำให้เขาเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 3 แต่ก็พ่ายให้กับฟอเรสท์ วิทเทคเกอร์ จาก The Last King of Scotland
2008 - Body of Lies
2008 - Revolutionary Road
การกลับมาแสดงร่วมกันของคู่จิ้นเคต วินสเล็ต กับลีโอนาร์โด ในบทสองสามีภรรยาที่กำลังประสบปัญหาชีวิตคู่
2010 - Shutter Island
สุดยอดหนังหักมุมแห่งปี ลีโอในบทตำรวจต้องตามหาคนไข้ที่หลบหนีออกจากสถาบันโรคจิตบนเกาะแห่งหนึ่ง แต่มันมีเรื่องราวลึกลับที่มากกว่านั้น!
2010 - Inception
ภาพยนตร์สุดล้ำเกี่ยวกับนักโจรกรรมความฝันของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน หนังประสบความสำเร็จอย่างมากโดยเฉพาะฉากจบที่ถกเถียงกันจนเป็นวาระแห่งชาติ!
2011 - J. Edgar
2012 - Django Unchained
หนังดิบๆ การแสดงดิบๆ ของผู้กำกับดิบๆ เควนติน ทาแรนทิโน่ พลิกบทบาทเป็นตัวร้ายที่โหด-ดิบ-เถื่อนซะใจโจ๋
2013 - The Great Gatsby
ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังในชื่อเดียวกัน ลีโอกลับมาแสดงในลุคผู้ดีมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ชายผู้ทำทุกอย่างเพื่อความรัก แม้เธอจะมีสามีแล้วก็ตาม
2013 - The Wolf of Wall Street
ภาพยนตร์ที่สร้างโอกาสให้ลีโอมีสิทธิ์คว้ารางวัลออสการ์มากที่สุด ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมในบทจอร์แดน เบลฟอร์ท โบรกเกอร์จอมโลภผู้เห็นเงินเป็นพระเจ้า แต่ท้ายที่สุดก็แพ้ให้กับแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ที่ลงทุนลดน้ำหนักเพื่อสวมบทคนติดเชื้อ HIV ใน Dallas Buyers Club
2015 - The Audition (Short)
2015 - The Revenant
สิ้นสุดการรอคอย! ภาพยนตร์ที่ส่งให้ลีโอนาร์โดคว้ารางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิต!! กับบทฮิวจ์ กลาส หนึ่งในทีมสำรวจที่ถูกทิ้งให้ตายเพียงลำพังหลังโดนหมีกริซลี่ทำร้ายปางตาย ด้วยการถ่ายทำที่เรียกว่าใช้ความทรหดทางร่างกายถึงขีดสุด ทำให้เขาได้รางวัลออสการ์ไปครอง
Environmental Activism: บทบาท “เจ้าป่า” นักสิ่งแวดล้อม
“The Revenant คือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เราพบว่าปี 2015 เป็นปีที่อุณหภูมิโลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ กองถ่ายเราจึงต้องย้ายสถานที่ลงไปถ่ายทำแถบขั้วโลกใต้เพื่อเจอหิมะ สภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องจริง และกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ นับเป็นภัยคุกคามเร่งด่วนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องเผชิญหน้า เราจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และหยุดผลัดวันประกันพรุ่งกันเสียที”
นี่คือส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์บทเวทีออสการ์ หลังลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ ขึ้นรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เพื่อเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงวิกฤตโลกร้อนที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นความใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกหนึ่งบทบาทที่ลีโออุทิศตนเพื่อโลกสีเขียวใบนี้
ย้อนกลับไปในปี 1998 หลังปิดกล้อง Titanic ลีโอนาร์โดก่อตั้งมูลนิธิ ลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ (Leonardo DiCaprio Foundation) และเริ่มโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทันที โดยมุ่งเน้นสนับสนุนให้ความร่วมมือกับองค์กรสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก่อนต่อยอดมาสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับสัตว์ป่าจากภาวะสูญพันธุ์ เพื่อสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศอย่างองค์รวม
ปัจจุบันมูลนิธิลีโอนาร์โดสนับสนุนโครงการทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ บริจาคเงินแก่องค์กรการกุศลจำนวนมาก อาทิ จำนวนเงิน 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่องค์กร Save The Planet, 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพิทักษ์สัตว์ทะเล, 61,000 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนสิทธิชาวเกย์, 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ และ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่ออนุรักษ์เสือทั่วทั้งโลก กระทั่งประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน ยังเคยกล่าวชื่นชมเขาว่าเป็น ‘ลูกผู้ชายตัวจริง’
ขณะที่ชีวิตส่วนตัว หนุ่มลีโอก็พยายามดำเนินชีวิตประจำวันตามแบบฉบับวิถีสีเขียวอยู่เสมอ หลังคาบ้านติดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ใช้รถไฟฟ้า และพยายามขับรถไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อวัน ก่อตั้งทีมแข่งรถซิ่งไฟฟ้าเพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ทั้งยังซื้อเกาะแห่งหนึ่งในประเทศเบลีซ ด้วยความตั้งใจว่าจะสร้างรีสอร์ตเชิงนิเวศน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“การสร้างบางสิ่งบางอย่างมันไม่ใช่แค่สร้างสิ่งแวดล้อม แต่มันคือการฟื้นฟู” เขากล่าว
ในปี 2007 เขาประยุกต์ศาสตร์ภาพยนตร์กับความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการลงมือเขียนบท อำนวยการสร้าง และบรรยายเสียงใน The 11th Hour ภาพยนตร์สารคดีตีแสกปมวิกฤติอันตรายจากสภาวะโลกร้อน โดยมีแขกรับเชิญเป็นเหล่านักวิทยาศาสตร์ นักการเมือง และผู้เชี่ยวชาญ อาทิ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ, สตีเฟน ฮอวก์กิ้ง และวิลเลียม แม็คโดนาฟ ฯลฯ มากล่าวให้ความรู้ถึงผลกระทบจากวิกฤตินี้
ช่วงปี 2013 หลังสิ้นสุดการแสดงใน The Wolf of Wall Street เขาประกาศพักงานแสดงชั่วคราว เพื่อให้เวลากับงานสิ่งแวดล้อม โดยเขาให้เหตุผลว่ารู้สึกเหนื่อยล้าจากการแสดง และขอทุ่มเวลาเต็มที่ให้กับงานอนุรักษ์ “ผมอยากทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นอีกสักนิด ผมจะบินไปทั่วโลกเพื่อทำสิ่งดีๆ สำหรับสิ่งแวดล้อม”
และหากคุณตามทวิตเตอร์ของเขาจะพบว่า ลีโอนาร์โดทวีตเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นประจำ เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์มาโดยตลอด กระทั่งนิตยสาร Time ยกย่องว่าเป็นดาราผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้ฉลาดมากที่สุดในปี 2014 และล่าสุดเขาก็ได้รับรางวัล Crystal Award จากสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) สำหรับการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ
“เราต้องสนับสนุนผู้นำที่ไม่เข้าข้างกลุ่มที่ก่อมลพิษรายใหญ่ แต่สนับสนุนผู้นำที่เป็นกระบอกเสียงแก่มวลมนุษยชาติ แก่ชนพื้นเมืองทั่วโลก แก่อีกหลายล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน แก่ลูกหลานของเรา และแก่ผู้คนที่เสียงของเขาถูกกลืนหายไปจากความละโมบของเกมการเมือง”
สิ้นเสียงคำขอบคุณของลีโอนาร์โดบนเวทีออสการ์ สมควรแล้วที่เขาจะได้รับการปรบมือกึกก้องอย่างยาวนาน เพราะไม่เพียงเป็น “เจ้าแห่งการแสดง” ลีโอนาร์โดยังเป็น “เจ้าป่า” ผู้อนุรักษ์อย่างแท้จริง
The Hollywood Reporter Thailand นำเสนอเรื่องราวข่าวสารในวงการภาพยนตร์โลก เอเชีย และวงการภาพยนตร์ไทย โดดเด่นด้วยการนำเสนอข้อมูลแบบเจาะลึก รวมถึงบทสัมภาษณ์ของนักแสดง และผู้กำกับที่น่าสนใจ โดยเล่ม 2 ที่จะออกแจกฟรีในวันที่ 17 มีนาคม 2559 ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาเข้มข้นคุณภาพดังต่อไปนี้
- ค้นห้องแห่งความลับกับบรี ลาร์สัน ดาวรุ่งคนใหม่แห่งวงการภาพยนตร์
- เส้นทางชีวิตของลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ กับ 22 ปีที่รอคอยบนเวทีออสการ์ ที่ในที่สุดก็คว้ารางวัลไว้ในกำมือได้สำเร็จ!
- ชวนชมภาพบรรยากาศพรมแดงในงานออสการ์ ไม่ว่าจะเป็นเคต แบลนเชตต์, นาโอมิ วัตส์, เลดี้ กากา ฯลฯ และลุคล่าสุดของสาวๆ ในค่ำคืนอันทรงเกียรติ
- เมื่อโตมร ศุขปรีชา ชวนคุยเรื่อง Gender ผ่านหนังสองเรื่องควบ! The Danish Girl และ Carol
- บทสนทนากับแฟรงค์ มิลเลอร์ หนึ่งในนักเขียนการ์ตูนผู้สร้างซีรี่ส์ Dark Knight และผู้อยู่เบื้องหลัง Batman v Superman: Dawn of Justice
- บทสัมภาษณ์อิเลีย ไนชูเลอร์ ผู้กำกับหน้าใหม่ที่ท้าทายมุมมองการถ่ายทำใน Hardcore Henry จนถูกขนานนามว่าเป็น “เควนติน ทาแรนทิโน่คนต่อไป!”
ติดตามเนื้อหาคุณภาพและบทสัมภาษณ์แบบเจาะลึกได้ที่ www.facebook.com/hollywoodreporterthailand หรือตามจุดแจกจ่ายฟรีตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส, รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที และจุดวางต่างๆ พร้อมกันได้ตามรูป