ดูแล้วบอกต่อ วิจารณ์หนัง Me Before You ความแฟนตาซีของผู้หญิงชนชั้นกลาง
จริตอยู่ที่พล็อตหนังโรแมนซ์นั้นมันมีอยู่ไม่กี่สูตร เช่นเดียวกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการปราบเหล่าร้ายหรือเล่าประวัติของตัวละคร เช่นเดียวกันกับหนังโรแมนซ์ที่สูตรหนังแทบจะตายตัวด้วยแพทเทิร์น ชายพบหญิง ชายตกหลุมรักหญิง ชายสูญเสียหญิง ชายและหญิงรักกันตลอดไป (หรือจากกันตลอดไป) ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าหนังแต่ละเรื่องมันจะมีวิธีการปรุงแต่งเรื่องราวระหว่างแพทเทิร์นเหล่านี้ยังไงให้กลมกล่อมและคนดูรู้สึกคล้อยตามตัวละครได้อย่างไม่ขัดเขิน
Me Bofore You สร้างในสิ่งที่คนดูน่าจะหลงรักได้อันประกอบไปด้วย
1.คู่พระนางที่มีเสน่ห์ - สอบผ่าน
2.ฉากหลังที่งดงาม ชวนฝัน (บ้านพระเอกที่รวยมีอันจะกิน มีเงินรักษาตัว - เมืองเป็นเมืองท้องเที่ยวมีปราสาทโบราณที่เป็นวิวชวนฝัน) - สอบผ่าน
3.ตัวละครมีแรงขับเคลื่อนชัดเจน (นางเอกต้องดูแลพระเอกที่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว) - สอบผ่าน
4.บรรดาตัวละครสมทบที่น่าจดจำ (แม่ผู้เป็นห่วงลูกชาย, พี่สาวนางเอกที่ฝากความหวังของครอบครัวไว้กับนางเอก, บุรุษพยาบาลหนุ่มเจ้าเสน่ห์, แฟนนางเอกที่ดูเหมือนจะสนใจเรื่องการลงแข่งไตรกีฬามากกว่านางเอกนิดหน่อย) - สอบผ่าน
ทว่า 4 องค์ประกอบที่ "สอบผ่าน" เหล่านี้เมื่อเอามันมาประกอบเข้าไว้ด้วยกันแล้ว มันกลับไม่ลงตัว เมื่อช่วงแรกหนังเลือกจะโฟกัสความสัมพันธ์อันลุ่มๆดอนๆของนางเอกอย่างลู (เอมิเลีย คลาร์ก) กับวิล เทรย์นอร์ (แซม คลาฟลิน) เศรษฐีแบงค์หนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุโดนรถมอเตอร์ไซด์ชนและทำให้เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงมือลงไป ด้วยความที่เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำให้แม่ของวิลต้องจ้างคนมาดูแล แน่นอนว่าเรื่องราวในช่วงแรกเรา "ควรจะได้เห็น" ความไม่ลงรอยระหว่างทั้งสอง แต่ทุกอย่างก็คลี่คลายไปอย่าง่ายดายจนเกิดคำถามว่าสิ่งที่ทำให้วิล เริ่มสนใจนางเอก คือการที่หล่อนแต่งตัวบ้าๆบอๆไม่มีเทสต์ และกาที่เขาเรียกเธอมาดูหนังเกย์ฝรั่งเศสแล้วเธอก็ตกหลุมรักหนังที่มี "ซับไตเติ้ล" ! จนไปบอกแฟนตัวเองว่าฉันอยากดูหนังยุโรปที่มีซับไตเติ้ล ทว่าแฟนหนุ่มของเธอกลับไม่สนใจและเลือกจะตีตั๋วไปดูหนังของวิลล์ ฟาเรลล์แทน! (แฟนเธอทำอะไรผิด แต่เขาแค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่แฟนของเธอทำ ปัญหาอยู่ตรงที่ลูไม่บอกเหตุผลเขาไปตรงๆ!!!)
Me Bofore You เป็นหนังที่บรรดาสาวๆจะ "แทนภาพ" ตัวเองให้กลายเป็น "ลู" ได้อย่างไม่ขัดเขิน และเมื่อบรรดาคนดูสาวๆเลือกจะแทนตัวเองเป็นตัวละครนี้แล้ว ตัวละครนี้ก็จะพาผู้ชมไปอยู่ในจุดที่เรียกว่ามันเป็นตัวละครที่แฟนตาซีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งอยากจะเป็นเลยก็ว่าได้ เพราะสำหรับคนที่อยากจะได้พบกับชีวิตอันแสนสุขนั้นตัวละครลู เริ่มต้นจากการเป็นหญิงสาวชนชั้นกลางที่ต้องทำงานเพื่อจุนเจือครอบครัวที่พ่อตกงาน (แต่ในหนังชีวิตครอบครัวของเธอก็ไม่ได้ดูลำบากนัก ทุกคนในบ้านยังหัวเราะร่ายิ้มกันอย่างมีความสุข ถ้าลำบากของจริงลองดูพวกรายการชีวิตจริงยิ่งกว่าละครที่เด็กในบ้านต้องทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อแม่พิการโน่น) , หลังจากที่ต้องออกจากงานที่ร้านขนม ทำให้ลูมองหางานใหม่และได้งานที่เธอต้องไปดูแลมหาเศรษฐี สิ่งที่เธอตอบตกลงก็เพราะเธอ "อยากได้เงิน" อันเป็นปัจจัยหลัก
แต่หลังจากที่ได้ "ดูแล" ชายหนุ่มแล้ว ลูกลับเริ่มอยากจะให้ผู้ชาย (รูปงามและรวย) มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้ตัวว่ากำลังทำเกินกว่าแค่การเป็นคนที่ถูกจ้างมาทำงานเพื่อดูแล ซึ่งในที่นี้ก็คือความผูกพันนั่นเอง เมื่อพฤติกรรมระหว่างหนุ่มสาวถูกละลายลง ลู กลับเริ่มตกหลุมรักวิลล์ โดยที่เธอไม่รู้ความจริงเลยว่าตัววิลล์เองนั้นคิดอะไรที่เตรียมการไว้กับชีวิตของเขาอย่างแม่นมั่นก่อนที่จะพบลูแล้ว ดังนั้นเมื่อถึงจุดพลิกผันของเรื่องตัวลูที่รู้สึกผิดหวัง เธอจึงร่ำไห้และรู้สึกว่าตัวเอง "ไร้ค่า" ที่มิอาจเปลี่ยนใจวิลล์ได้
จากจุดนี้ไปอาจจะเป็นการสปอยล์ แต่เพื่อสนับสนุนความคิดของตัวเองการเขียนเพื่ออธิบายเรื่องราวเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการขยายความต่อไป
เมื่อวิลล์ตัดสินใจที่จะไม่ยื้อชีวิตที่ทำให้เขาเหมือนเป็นผักปลา เพราะชีวิตเดิมก่อนพิการนั้นเขาเป็นคนที่สามารถทำทุกสิ่งและทุกอย่างได้ กระทั่งยืนเฉยๆก็มีคนชายตามอง เพราะแน่นอนว่าเขารูปงามและรวยในแบบที่หญิงทุกคนปรารถนา จริงอยู่ที่ลูหวัง "เงิน" ค่าจ้างเพื่อจุนเจือครอบครัว แต่หลังจากที่เธอได้มาเลี้ยงดูวิลล์ ในบ้านสวยๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ช่างห่างไกลจากความยากลำบาก เพราะเงินที่ครอบครัววิลล์มี (และความเข้าอกเข้าใจของพ่อแม่เขา) ทำให้ลูไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากเย็น (ถ้าความยากเย็นนั้นเปรียบเทียบกับตัวละครบุรุษพยาบาลได้เลยที่ต้องวิ่งฝ่าหิมะดูแลคนไข้ในหลายๆบ้าน) การเสพย์ติดความสบายแบบไม่รู้ตัวของตัวละครลู ยิ่งทำให้เธอห่างเหินกับแฟนหนุ่มของเธอเองโดยไม่รู้ตัว
สายตาของแฟนหนุ่มแพทริก(แมททิว เลวิส) หนึ่งในตัวละครที่น่าสงสารที่สุดคนหนึ่งของเรื่อง เขาอาจจะเป็นผู้ชายทึ่มๆ ที่ไม่รู้ว่าผู้หญิงต้องการอะไร แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ลืมของขวัญวันเกิดของเธอ และการวางแผนไปเที่ยวนอร์เวย์กับลูนั้น จริงอยู่ที่ความฝันอันสูงสุดของชายที่บ้าการออกกำลังกายนั้นคือการไปแข่งไตรกีฬาที่ผาดโผนและเพื่อชวนแฟนสาวของตนไปเที่ยวชมบรรยากาศต่างแดน แต่ดูเหมือนลูก็ไม่ได้อยากจะไปเที่ยวขนาดนั้น (เพราะเธอไม่ได้ชอบการออกกำลังกายแม้แต่น้อย ตัวละครนี้บ่นว่าการปั่นจักรยานเป็นเรื่องที่เธอเกลียด) ดังนั้นความฝันอันสูงสุดของชายชนชั้นกลางจึงถูกแฟนสาวปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เพราะแฟนสาวของเขาต้องบินไปเที่ยวกับหนุ่มพิการในช่วงบั้นปลายชีวิตในระดับไฮคลาสและเกินฝันกว่าเงินในกระเป๋าของเธอจะเอื้อมถึง..........
แน่นอนว่าลู "รัก" ในตัววิลล์ และแน่นอนว่าเธอก็เผลอตัวที่หลงรักความ "สบาย" ที่ได้รับมาเป็นของแถมด้วยเช่นกัน และพินัยกรรมที่วิลล์ได้ทิ้งไว้ให้กับลู จึงกลายเป็นเหมือนโชคสองชั้นที่เงิน "ส่วนหนึ่ง" ของเขาก็กลายมาเป็นฝันที่เป็นจริง เพื่อให้ลูได้ออกไปใช้ชีวิตหรูหราแบบที่ชนชั้นของวิลล์ทำกันเป็นเรื่องปกติ เดินทางไปปารีส แต่งตัวสวยๆ จิบชายามเช้า เข้าร้านน้ำหอม และมีความสุขกับการใช้เงิน โดยที่ไม่ต้องทำงานหลังขดหลังแข็งอีกต่อไป ภาพพาฝันที่เกิดขึ้นในตอนท้าย ไม่ได้ทำให้เราซาบซึ้งกับการจากไปของวิลล์ แต่เรากลับรู้สึกว่า ชายคนนี้เห็นแก่ตัว เขาเลือกความสุขของชีวิตด้วยการจากโลกใบนี้ไปและพยายามทำให้ตัวเอกรู้สึกดีก่อนลาโลกด้วยการเอาเงินทำให้ผู้หญิงที่ดูแลเขาไปท่องโลก (ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาน่าจะแค่สงสารเธอมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วตัวละครนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนใจจากสิ่งที่เขาตั้งเป้าเอาไว้แต่แรกแม้ว่าลูบอกว่าเขารักเธอแค่ไหน)
ในขณะบรรดาหนังซูเปอร์ฮีโร่จะทำให้ผู้ชมเพศชายอยากเป็นตัวละครนี้ตัวละครนั้น Me Bofore You ก็เป็นหนังที่ทำให้ผู้ชมเพศหญิง อยากจะมีโอกาสได้เป็นตัวละครอย่างลู ผู้มีโอกาสได้ "ดูแล" และได้พบกับชายรูปงามที่ทั้งหล่อและรวย แถมท้ายเรื่องเธอยังได้มรดกของเขาอีก หนังโรแมนติกเรื่องนี้จึงเป็นความ "แฟนตาซี" เช่นเดียวกับหนังการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ในยุคแรกๆ ที่นางเอกของเรื่อง "โชคดี" มากกว่า แข็งแกร่งด้วยลำแข้งของตัวเองแบบเจ้าหญิงยุคหลังที่ว่าด้วยทฤษฎีแนวคิดที่ว่า "จงทำงานหนักแล้ววันหนึ่งคุณจะประสบความสำเร็จ"
@พริตตี้ปลาสลิด
2 คะแนนจาก 5 คะแนน
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ