ดูแล้วบอกต่อ วิจารณ์หนัง The Conjuring 2 วิญญาณยังคงตามติด

The Conjuring ภาคแรกนั้น เราคงไม่สามารถเรียกอะไรได้มากกว่าคำว่า “ปรากฏการณ์” ที่หนังสามารถทำเงินได้อย่างถล่มทลาย ได้รับคำชื่นชมจากทั้งคนดูและนักวิจารณ์พร้อมๆกัน อีกทั้งมันยังกลายเป็นแบรนด์ภาพยนตร์สยองขวัญที่แข็งแกร่งจนสามารถแตกภาคแยกออกมาเป็น Annabelle ตุ๊กตาผีสิงที่มีเรื่องราวเป็นของตัวเองได้อีกต่อหนึ่ง 

ความดีงามทั้งหมดของภาคแรกนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับ “เจมส์ วาน” กำกับหนังสยองขวัญไฟแรง และแน่นอนว่าไม่ใช่หนังแนวสยองขวัญอย่างเดียว หลังจากที่เขารับเชิญให้ไปถ่ายทำ Furious 7 (ภาคสุดท้ายของพอล วอล์คเกอร์) เขาก็ทำได้ดีไม่น้อยเช่นเดียวกัน และในอนาคตกับการกุมบังเหียนหนังซูเปอร์ฮีโร่ของค่าย DC อย่าง AQUAMAN ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองเช่นกันว่าเขาจะสามารถทำออกมาได้ดีแค่ไหน 

สำหรับเรื่องราวในภาคที่สองเล่าเรื่องราวของบ้านในลอนดอนอย่างเอนฟิลด์สถานที่ที่มีผีสิง เมื่อลูกสาวคนเล็กในบ้านถูกผีชายชราเข้าสิงร่างและแสดงอาการแปลกๆ ไม่เพียงเท่านั้นข้าวของในบ้านก็เคลื่อนที่ได้เองร้อนจนถึงหูสองมือปราบผีอย่างเอ็ดและวอร์เรน ที่ต้องเดินทางมาตรวจสอบความจริงที่เกิดขึ้น 

สไตล์ของหนัง The Conjuring 2 นั้นยังมาพร้อมกับบรรยากาศหลอกหลอนคุกคาม ที่เรียกได้ว่าเล่นเอาคนดูในโรงตกใจกันอย่างพร้อมเพรียง จังหวะในการโจมตีคนดูนั้นเรียกได้ว่ามาพร้อมทีเผลอ และเล่นกับความคาดหวังของคนดูได้อย่างสัมฤทธิ์ผล หลายครั้งหนังเหมือนจ้องจะเล่นงานหลอกคนดู แต่ก็เลือกที่จะเบรกจังหวะดังกล่าวเอาไว้ก่อน และเลือกจะโจมตีคนดูในช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์นั้นน่าจะปลอดภัยแล้ว ตัวละครไม่น่าจะโดนคุกคาม แต่ก็โครม! ป๊อปคอร์นกระจาย เก้าอี้สะเทือน

อีกประการหนึ่งที่ยังคงโดดเด่นและเป็นสไตล์ของแฟรนชายส์ภาคต่อเรื่องนี้ก็คือการออกแบบมุมกล้องของหนัง ที่เรียกได้ว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หลายฉากปราศจากการ “คัต” หรือการตัดเพื่อเปลี่ยนมุมกล้อง ฉากที่โดดเด่นและน่ากลัวมากคือฉากที่ตัวละครเอ็ดต้องพูดคุยโดยการหันหลังเพื่อคุยกับวิญญาณชายแก่ที่นั่งบนเก้าอี้นวม ฉากนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นฉากที่น่ากลัว ชวนขนลุกและคุกคามคนดูที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง หรือกระทั่งฉากภาพวาดของผีแม่ชี ที่การแพนกล้องของหนังก็เล่นกับความมืดและเงาขององค์ประกอบภาพ ในการสร้างความไม่น่าไว้วางใจของสถานที่และเลือกจะช็อคคนดูในหมัดสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม The Conjuring 2 อาจจะมาพร้อมกับความน่ากลัวที่ยังคงเส้นคงวา แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะนำมันไปเปรียบเทียบกับภาคแรกที่เน้น “บรรยากาศ” มากกว่าจะโจมตีคนดูด้วยเสียงแบบภาคที่ 2 ซึ่งประกอบกับความยาวของหนังที่สิริรวมเกือบ 2 ชั่วโมงนั้นก็ทำให้หนังเรื่องนี้ค่อนข้างนานมากเช่นกัน 

แต่โดยรวมแล้ว The Conjuring 2 ยังเป็นภาคต่อที่คงคุณภาพและสไตล์ของตัวเองเอาไว้อย่างชัดเจน 

@พริตตี้ปลาสลิด 

4 คะแนนจาก 5 คะแนน