Oscars 2017 เห็นลางๆ เปิดโผแรก..เรื่องไหนจะมาวิน
เพียงไม่กี่อึดใจ...เราก็ก้าวข้ามมาสู่ช่วงครึ่งปีหลังกันอีกแล้ว หากจะสำรวจภาพรวมของวงการภาพยนตร์ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะยังคงมีแค่ ซูเปอร์ฮีโร่ กับ แอนิเมชั่น จากสตูดิโอผู้สร้างยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่ยังโดดเด่น แต่ลองย้ายสายตามาดู "หนังสายรางวัล" ในปี 2016 นี้กันบ้าง แม้ว่าตอนนี้จะยังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างสักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะมองออกเป็นเค้าลางได้แล้ว...
มองการณ์ไกลถึง รางวัลออสการ์ 2017 ที่จะมาถึงนั้น ถ้าให้นิยามสั้นๆ คงต้องบอกว่า เป็นปีที่ "หนังคนผิวสี" ท่าทางจะมาแรง ก็ไม่รู้เป็นเพราะเหตุดราม่าจากงานครั้งที่ผ่านมาหรือเปล่า ที่เกิดการบอยคอตของดาราผิวสี อีกทั้งปีนี้..สังคมอเมริกันก็มีประเด็นเหยียดสีผิวเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่..เราอาจจะได้แชมป์ตุ๊กตาทองปีล่าสุด..เป็นของ "คนผิวสิ"
เพราะอะไร Sanook! Movie ถึงมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ แต่เชื่อเถอะว่า "The Birth of a Nation" หนังจากนักแสดงมากฝีมือ เน็ท พาร์คเกอร์ ที่หันมากำกับและเขียนบทหนังยาวเรื่องแรก น่าจะเฉิดฉายบนเวทีออสการ์ครั้งนี้ อันที่จริงตัวหนังก็กระหึ่มมา ตั้งแต่เทศกาลหนังซันแดนซ์ เมื่อมกราคมที่ผ่านมา การันตีด้วย 2 รางวัลใหญ่ และกำลังจะเข้าฉายในเดือนตุลาคมนี้
The Birth of a Nation นักวิเคราะห์ต่างมองว่า หนังมีสูตรคล้ายๆ กับ 12 Years a Slave หนังรางวัลออสการ์เมื่อ 2 ปีก่อน ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการปลดแอกทาสผิวสีของอเมริกัน ปลุกไฟสามัคคี ตีแผ่การแบ่งแยก เผยความเกลียดชัง และเสนอประวัติศาสตร์ที่น่าหดหู่ ซึ่งกำลังเข้าถึงสังคมอเมริกันในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าหนังอาจจะทำรายได้ได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ด้วย
ส่วนหนังที่พอจะมาต่อกรกับเรื่องข้างบนได้ ก็คงจะต้องเป็น "Loving" หนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ เจฟ นิโคลล์ส (Take Shelter) ที่สร้างจากเรื่องจริงในการฝ่าฟันของคู่รักต่างสีผิว ชายผิวขาว กับ หญิงผิวสี เมื่อความรักกลายเป็นอาชญากรรม ความทรหดของทั้งคู่ถูกขนาดนามให้เป็นอีกหนึ่งคู่รักต้นแบบของอเมริกันชน หนังได้รับคำชื่นชมและเสียงปรบมืออย่างล้นหลามจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ และจะเข้าฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ขณะที่ผู้กำกับฝีมือดี อังลี (Life of Pi) ก็กลับมาในปีนี้ พร้อมกับหนังดราม่าตีแผ่ทหารอเมริกัน "Billy Lynn’s Long Halftime Walk" ที่ว่าด้วยเรื่องของทหารหนุ่มวัยรุ่นอายุ 19 ปี ที่ต้องเป็นแนวหน้าร่วมรบในสงครามอิรัก และกลับมาเยี่ยงฮีโร่ แต่หลายคนกลับไม่รู้เลยว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้..เขาต้องฝ่าดงกระสุนมากี่ล้านนัด โดยหนังจะเข้าฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้
"Sully" หนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ คลินต์ อีสต์วู้ด (American Sniper) สร้างจากเหตุการณ์จริงของเที่ยวบิน US Airways 1549 ที่กัปตันตัดสินใจบินร่อนลงจอดบนแม่น้ำฮัดสันได้สำเร็จ ช่วยชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือได้อย่างปาฏิหาริย์ "Silence" หนังดราม่าศตวรรษที่ 17 ของนักบวชที่เดินทางไปเผยแผ่ศาสนาที่ประเทศญี่ปุ่น นี่คือผลงานล่าสุดของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ (The Wolf of Wall Street)
นอกจากนี้ยังมี "Snowden" หนังดราม่าชีวประวัติของ เอ็ดเวิร์ด สโนวเด็น ผู้เลื่องชื่อที่ได้ โอลิเวอร์ สโตน (Savages) เป็นผู้กำกับ "The Founder" ตีแผ่ความสำเร็จของร้านอาหารฟาสฟู้ดชื่อดังก้องโลก จากผู้กำกับ จอห์น ลี แฮนค็อก (Saving Mr. Banks) รวมถึงหนังเพลงมีชั้นเชิง "La La Land" จากฝีมือผู้กำกับ เดเมียน ชาเซลล์ (Whiplash) และ “American Pastoral” หนังดราม่าหนักๆ ผลงานกำกับหนังครั้งแรกของดาราดัง อีวาน แมคเกรเกอร์
ส่วนที่ลืมไปไม่ได้เลยคือผลงานล่าสุดของ วู้ดดี้ อัลเลน (Irrational Man) อย่าง “Cafe Society” ที่ครองใจนักวิจารณ์ แล้วยังมี "Manchester by the Sea" หนังดราม่าครอบครัวตัวเต็งตั้งแต่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ส่วนฟีลกู๊ดน้ำดีจากดิสนีย์อย่าง "The Queen of Katwe" ก็ไม่ควรมองข้าม
หนังที่ได้รับเสียงชมดังสนั่นจากเมืองคานส์ "American Honey" เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ รวมทั้งอีก 2 หนังดราม่าที่นำแสดงโดย มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ก็น่าจับตามอง อย่าง "Patriots Day" จากเหตุวินาศกรรม บอสตัน มาราธอน กับหนังระทึกขวัญ "Deepwater Horizon" ที่ถูกมองว่าจะเป็น The Martain ของปีนี้
หากวิเคราะห์เกี่ยวกับ "สาขาการแสดง" ของเวทีออสการ์ปีนี้ เราก็พอจะมีข้อมูลพอประมาณ สามารถวิเคราะห์ได้ลางๆ ว่า ในปีนี้นักแสดงคนไหนน่าจะนำโด่งขึ้นเป็นหัวแถว เข้าชิงรางวัลต่างๆ ก่อนจะนำไปสู่เวทีออสการ์ คงต้องจับตาดูเขาผู้นี้ "โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน" ที่รับบทนำดราม่าหนักๆ ใน "Loving" บทกัปตันเครื่องบินฮีโร่ของ "ทอม แฮงค์ส" ใน "Sully" และ "อีธาน ฮอว์ค" กับการเป็นเจ้าพ่อเพลงแจ๊สใน "Born to Be Blue"
ที่ขาดไม่ได้คือ "เน็ท พาร์คเกอร์" ที่ยังมีสิทธิ์ลุ้นเข้าชิงสาขานักแสดงนำและผู้กำกับภาพยนตร์จาก "The Birth of a Nation" ทั้งคู่ "เลียม นีลสัน" ก็มีลุ้นในบทสมทบจาก "Silence" ที่ว่ากันว่าเป็นบทที่ดีที่สุดในอาชีพการแสดงของเขา ส่วนฝ่ายหญิงในปีนี้ "ไวโอล่า เดวิส" ก็โดดเด่นมากๆ จากบทในหนังผิวสีอีกเรื่อง "Fences" ขณะที่ "รูธ เนกก้า" ก็เป็นอีกสาวผิวสีที่มีความหวังจาก "Loving"
แน่นอนว่ายังเป็นอีกปีที่ได้ลุ้นของ "เจนนิเฟอร์ ลอวเรนซ์" กับหนังโรแมนซ์ไซไฟ "Passengers" เช่นเดียวกับเจ้าเดิม "เมอรีล สตรีฟ" ปีนี้มาในสายตลกดราม่า "Florence Foster Jenkins" อีกหนึ่งเจ้าแม่สายรางวัล "มิเชลล์ วิลเลียมส์" ก็น่าจะได้กลับมาชิงอีกรอบจาก "Manchester By the Sea" ส่วนเจ้าของออสการ์ปีล่าสุด "อลิเซีย วิกานเดอร์" ก็อาจมีลุ้นได้ติดโผอีกครั้งกับเรื่อง "The Light Between Oceans"
ภาพรวมในเบื้องต้น ออสการ์ 2017 น่าจะเป็นการมาของ "ความเป็นผิวสี" แต่หลังจากนี้บรรดาโผตัวพ่อตัวแม่..ตัวเต็งต่างๆ ก็เริ่มจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ค่อยมาลุ้นกันต่อดีกว่า..ว่าบรรดาหนังที่ได้มองการณ์ไกลเอาไว้จะใช่หรือไม่ใช่มากน้อยแค่ไหน งานประกาศผลรางวัลออสการ์ 2017 ครั้งที่ 89 จะจัดขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ