ดูแล้วบอกต่อ วิจารณ์หนัง The Purge: Election Year เสียงของเราไม่เท่ากัน
เรื่องราวของ The Purge คือหนังที่มีคอนเซปที่แปลกใหม่ และพาคนดูไปสู่เรื่องราวใหม่ๆอยู่เสมอ มันเริ่มต้นจากพล็อตที่ว่าด้วยค่ำคืนหนึ่งของในแต่ละปี จะถูกประกาศให้เป็น “วันล้างบาป” วันที่อาชญากรรมทุกรูปแบบจะถูกกฎหมาย แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 12 ชั่วโมงแห่งความบ้าคลั่ง ผู้คนออกไล่ล่าฆ่าคนอื่นภายใต้หน้ากาก เหตุการณ์ในภาคแรกเกิดขึ้นกับครอบครัวคนรวยย่านชานเมืองที่โดนบุกรุกและพวกเขาก็ต้องเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์นั้น ก่อนที่เรื่องราวในภาคที่ 2 อย่าง The Purge: Anarchy จะพาคนดู “ออกจากบ้าน” แล้วไปเผชิญหน้ากับการไล่ล่าที่เกิดขึ้นบนท้องถนน
แต่สำหรับ The Purge: Election Year จะบอกเล่าเหตุการณ์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งการแข่งขันระหว่างผู้ลงสมัครที่ต่างเชื่อมั่นในความสุดโต่งของแต่ละแนวคิด เมื่อฝ่ายหนึ่งอยากจะยกเลิก “คืนล้างบาป” ในขณะที่อีกฝากหรือขั้วอำนาจเก่าอยากจะคงไว้ซึ่งประเพณีดังกล่าว
เมื่อพิจารณาตามแนวคิดแบบผู้กุมอำนาจเดิมนั้น เพราะพวกเข้าเชื่อว่าการล้างบาปในแต่ละปีจะทำให้อาชญากรรมลดต่ำลง แต่อันที่จริงแล้วภายใต้แนวคิดที่เหมือนจะดูดีนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นแผนอันแยบคายของผู้มีอำนาจในการลดจำนวนประชากรลงโดยเฉพาะกลุ่มคนยากคนจน ซึ่งเป็นตัวการทำให้เศรษฐกิจตกต่ำและรัฐบาลต้องเจียดเงินด้านสาธารณะสุขมาให้คนกลุ่มนี้
แน่นอนเมื่อหนังภาคนี้ขยายจักรวาลของตัวเองพูดในเรื่องของระบบ “การเมือง” The Purge ก็พาคนดูมาไกลกว่า 2 ภาคที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเป็นหนังระทึกขวัญสยองขวัญแล้ว มันยังวิพากย์ระบบทุนนิยมได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งมันยังตั้งคำถามถึงระบบศีลธรรม เมื่อหนังเผยให้เห็นฉากหนึ่งที่ว่า “คืนล้างบาป” นั้นแทบจะกลายเป็นวันท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ เพื่อเดินทางเข้ามาหาความสนุกจากการฆ่าคน จนมีการขนานนามว่านี่เป็นการท่องเที่ยวเชิงฆาตกรรม
โลกที่ตัวละครกำลังดำรงอยู่นั้นเป็นโลกแบบไหน เป็นโลกที่ไม่เคยมีพื้นที่ให้สำหรับชนชั้นล่างที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ทำงานกันอย่างหลงขดหลังแข็งเพื่อเอาตัวรอดในค่ำคืนที่ความปลอดภัยไม่มีเหลืออยู่ ยิ่งไปกว่านั้นการที่หนังเผยให้เราเห็นถึงตัวละครลานีย์ (เบ็ตตี้ กาเบรียล) สาวผิวสีที่อดีตเคยเป็นสก๊อยหัวรุนแรงที่ปรับปรุงตัวเพราะได้รับความช่วยเหลือจากโจ(มิเคลตี้ วิลเลียมสัน) เจ้าของร้านขายของชำ จนเธอเปลี่ยนตัวเองจากคนเลว เธอผันตัวเองเป็นอาสาสมัครขับรถพยาบาลช่วยเหลือเหยื่อในคืนล้างบาป การมีอยู่ของตัวละครนี้ทำให้เราเห็นทัศนะที่ว่า การเชื่อมั่นในการกลับตัวของมนุษย์มีอยู่จริง
The Purge: Election Year เป็นหนังที่ดูสนุก ในขณะเดียวกันมันยังถ่ายทอดแง่มุมต่างๆของความเป็นมนุษย์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ แม้ว่าหนังจะเทน้ำหนักให้คนจนดูมีเลือดมีเนื้อมากกว่าบรรดาคนรวยก็ตาม แต่ในภาพรวมแล้ว นี่จัดได้ว่าเป็นภาคต่อที่น่าสนใจและเป็นมากกว่าแค่หนังนองเลือดธรรมดาเรื่องหนึ่งของปี
@พริตตี้ปลาสลิด
4 คะแนนจาก 5 คะแนน
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ