วิจารณ์หนัง Alice Through the Looking Glass ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด
หลายปีก่อนเราเชื่อว่าแฟนหนังและสาวกของดิสนีย์คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อของหนังไลฟ์แอ็คชั่นอย่าง Alice in Wonderland ผลงานกำกับของทิม เบอร์ตัน ที่ดัดแปลงวรรณกรรมขึ้นชื่อ ให้มีสไตล์ของความเพี้ยนและแปลกประหลาด หนังภาคแรกประสบความสำเร็จในแง่รายได้ แม้คำวิจารณ์จะค่อนข้างก้ำกึ่ง แต่ความโดดเด่นของงานโปรดักชั่นทำให้หนังได้รับรางวัลออสการ์ในสาขาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และออกแบบศิลป์ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตามหลายปีผ่านไปดิสนีย์ตัดสินใจทำภาคต่อในชื่อ Alice Through the Looking Glass เล่าเหตุการณ์หลายปีผ่านไปหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก ในโลกความเป็นจริงอลิซทำอาชีพกัปตันเรือเดินสมุทร ท่ามกลางทัศนคติอันคร่ำครึโบราณที่ชายหนุ่มยังต้องเป็นช้างเท้าหน้า อลิซจึงถูกดูแคลนจากสังคม หลังจากงานเลี้ยงในคืนหนึ่งอลิซถูกเรียกตัวกลับไปยังวันเดอร์แลนด์และค้นพบว่าแมด แฮตเตอร์ (จอห์นนี เด็ปป์) ตรอมใจเนื่องจากนึกถึงอดีตที่เขาต้องพลัดพรากจากครอบครัวของตัวเอง และหนทางเดียวที่จะช่วยเขาได้คือการ "ย้อนเวลา" กลับไปช่วยครอบครัวของแฮตเตอร์ คือการเดินทางไปหา "เวลา" (ซาชา บารอน โคเฮน) ผู้ครอบครองโครโนสเฟียร์อันเป็นกุญแจสำคัญในการเดินทางเปลี่ยนแปลงเวลา
ภารกิจในภาคนี้ของอลิซจึงคล้ายกับหนังไซไฟท่องเวลาเพื่อแก้ไขอดีต เพียงแต่หนังก็พยายามให้เหตุผลอย่างหลวมๆว่าการเดินทางไปเปลี่ยนแปลงอดีตนั้นอาจจะนำมาซึ่งความล่มสลายของดินแดนมหัศจรรย์ทั้งหมด แต่เพื่อช่วยเพื่อนรักอลิซก็ไม่ฟังคำเตือนของ “เวลา”
การเดินทางกลับไปยังอดีตทำให้อลิซรับรู้เรื่องราว “การเติบโต” ของตัวละครแต่ละตัวไม่ว่าจะเป็นแฮทเตอร์, อิเรซเบ็ธ ราชินีแดง, มิราน่า ราชินีขาวผู้อ่อนโยนและใจดี ซึ่งทำให้เธอเข้าใจเหตุและผลรวมถึงความเป็นไปของอุปนิสัยของพวกเขาปัจจุบัน
ทว่าการที่หนังภาคนี้พยายามจะเล่า “ปมปัญหา” ของตัวละครทั้งสาม ที่กล่าวไปในย่อหน้าที่แล้ว มันยิ่งกลับทำให้หนังไปลดทอนเหตุผลของหนังภาคแรก จนคนดูอาจจะรู้สึกว่าถ้าตัวละครราชินีแดงและขาวทะเลาะปานจะฆ่ากันด้วยเหตุผลแค่หนังภาคนี้พยายามบอก มันยิ่งดูไร้เหตุผลสิ้นดี แต่ถ้าหากเราแกล้งทำเป็นลืมๆหนังภาคแรกไป แล้วมองแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังภาคนี้ที่เหมือนอิเรซเบ็ธและมิราน่าไม่พูดคุยกันเพราะปมที่หนังพยายามบอกให้คนดูเข้าใจก็พอจะรับได้
อย่างไรก็ตามการที่เราพยายามๆทำเป็นไม่สนใจในตรรกะของหนัง ก็จะพบว่า Alice Through the Looking Glass เป็นภาคต่อที่พอดูได้ พอผ่านๆ ไม่ได้ย่ำแย่เหลือทน เพียงแต่ตัวละครในเรื่องอาจจะดูมีความน่ารำคาญ และหนังก็ออกจะเดินเรื่องหนืดเนือยไปสักหน่อย แต่คิดว่ามันก็เป็นหนังที่เหมาะกับการชมบนจอใหญ่ๆ เนื่องจากงานสร้างยังอลังการและสวยงามคุณภาพระดับเดียวกับภาคแรก
2.5 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ