ท่ามกลางกระแสเสียงแตกกระจายของหนังเรื่องล่าสุดของค่ายมาร์เวลอย่าง DOCTOR STRANGE บ้างก็ก่นด่าว่านี่คือหนังมาร์เวลที่ค่อนข้างแย่ที่สุด บ้างก็บอกว่านี่เป็นหนังมาร์เวลที่ตื่นตาที่สุด แต่ในมุมมองของผู้เขียนแล้วค่อนข้าง “ชอบ” วิธีการแนะนำตัวละครใหม่อย่าง “หมอแปลก” ก็ถือได้ว่าโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีวิธีการนำเสนอที่แพรวพราว มีมุกตลกที่ได้ผลและมีตัวละครที่น่าจดจำไม่น้อย

DOCTOR STRANGE เล่าเรื่องราวของศัลยแพทย์อย่าง สตีเฟ่น สเตรนจ์(เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบตช์) เขาเป็นคนมีฝีมือ เช่นเดียวกันกับอีโก้ของเขา แต่แล้วเขาเกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ส่งผลให้เขาต้องสูญเสียความสามารถในการผ่าตัดไป ด้วยความรู้สึกที่เขาอยากจะให้ของตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาออกเดินทางรอนแรมไปยังต่างถิ่นหลังจากได้ยินว่ามีสำนักฝึกวิชาในธิเบตที่จะช่วยฟื้นฟูความสามารถของตนให้กลับมา

ที่สำนักฝึกวิชานั้นเขาได้พบกับดิเอนเชี่ยนวัน (ทิลด้า สเวนตัน) แรกพบสตีเฟ่น สเตรนจ์ไม่เชื่อในความสามารถของดิเอนเชี่ยนวัน เขาต่อต้าน แต่เมื่อดิเอนเชี่ยนวันทำให้เขาเห็นความสามารถที่แท้จริง สเตรนจ์จึงน้อมตัวขอสมัครเป็นศิษย์ หลังจากนั้นสเตรนจ์ก็ได้ค้นพบว่าตนเองสามารถควบคุมเวลาและนี่คือคนที่ต้องปกป้องโลกจากปีศาจร้ายอย่างดอร์มามูที่หวังจะครองโลกใบนี้

ถึง DOCTOR STRANGE จะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ทีดูเผินๆแล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากบรรดาฮีโร่คนอื่นๆ ในจักรวาลอเวนเจอร์ส (ฮีโร่สู้ผู้ร้าย) แต่เนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้ ยังพยายามจะพูดถึงการต่อสู้ภายในจิตใจของตัวละคร (สตีเฟ่น สเตรนจ์) ที่เป็นคนใฝ่หาความสมบูรณ์แบบในชีวิต แพ้ไม่เป็น และใช้ระบบความคิดแบบวิทยาศาสตร์ (เป็นเหตุเป็นผล) แต่หลังจากที่เขาไม่สามารถค้นหาทางออกของชีวิตได้ การได้ฝึกวิชากับดิเอนเชี่ยนวัน ทำให้เขาได้เปิดโลกของความเชื่อและเรื่องราวของ “จิตใจ” เป็นครั้งแรกที่เขาได้ค้นพบ “ความสามารถ” อีกด้านที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

นอกจากการต่อสู้ในจิตใจตัวเองแล้ว ศัตรูตัวสำคัญของมวลมนุษย์ไม่ใช่แค่ ดอร์มามูที่หวังจะครอบครองโลกใบนี้ หากแต่เป็นกาลเวลาที่ไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่อาจจะเอาชนะ “เวลา” ได้ตลอดไป ตามสัจธรรมของมนุษย์ที่ต้องล้วนแล้วแต่ต้องเกิดแก่เจ็บตายไปตามวัฏจักร ดังเช่นคำสอนของดิเอนเชี่ยนวัน ที่ถ่ายทอดคำพูดนี้แก่สตีเฟ่น สเตรนจ์ ให้เข้าใจว่า ถึงแม้เขาจะสามารถควบคุมเวลาได้ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจจะ “เอาชนะ” เวลาได้อยู่ดี เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เวลาก็จะเดินต่อไปเรื่อยๆแต่ด้วยสังขารอันโรยราของมนุษย์ก็จะไม่สามารถอยู่เหนือเวลาได้อยู่ดี

DOCTOR STRANGE จึงไม่ได้เป็นแค่หนังฮีโร่กลวงๆที่ดูเอาความบันเทิงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดแนวคิดในวิถีโลกตะวันออกได้อย่างน่าสนใจ

@พริตตี้ปลาสลิด

4 คะแนนจาก 5 คะแนน

อัลบั้มภาพ วิจารณ์หนัง DOCTOR STRANGE วายร้ายตัวจริงของมวลมนุษย์ ภาพที่ 7 / 9

วิจารณ์หนัง DOCTOR STRANGE วายร้ายตัวจริงของมวลมนุษย์

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

อิทธิพล Tony Stark มีผลกระทบต่อโลก Earth-838 โปรดิวเซอร์หมอแปลก 2 ยืนยัน

ฟีดแบ็กผู้ชมอเมริกาดูหมอแปลก 2 ใน Disney+ มากกว่าในโรงหนัง

เฉลยข้อสงสัย ใครคือหญิงสาวใน End Credit ตัวแรกของ Doctor Strange in the Multiverse of Madness

ไม่งงแน่ 5 เรื่องต้องดูก่อนไปพบ Doctor Strange in The Multiverse of Madness