วิจารณ์หนัง Trolls ทุกอย่างต้องมีความพอดี

 

ถึงในบ้านเราจะไม่ค่อยมีกระแสเท่าที่ควร อันที่จริงควรบอกว่าแอนิเมชั่นที่ไม่ได้มาจากค่ายดิสนีย์ ส่วนมากก็มักจะเงียบกว่า เพิ่งจะมีแอนิเมชั่นจากทางฝั่ง universal studio ที่สามารถตีตลาดบ้านเราได้เริ่มทัดเทียมกับค่ายดิสนีย์ แต่สำหรับค่าย dream work แล้วหลายเรื่องก็ยังมีสภาพเป็นลูกผีลูกคนอยู่

อันที่จริง trolls นั้นก็มีพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างง่าย ไม่สลับซับซ้อน อันที่จริงคงต้องบอกว่ามันคล้ายกับนิทานก่อนนอนสอนเด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบด้วยซ้ำไป ซึ่งมันเล่าเรื่องราวของโทรลล์ ผู้มองโลกในแง่ดีสุดโต่งวันๆเอาแต่ร้องรำทำเพลง ในขณะที่เบอร์เกนคือพวกชอบมองโลกในแง่ร้ายสุดโต่งเช่นกันและพวกมันก็เชื่อว่าจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อได้กินโทรลล์ หลังจากที่วันหนึ่งเบอร์เกนบุกโจมตีหมู่บ้านโทรลล์ ป๊อปปี (แอนนา เคนดริค) โทรลล์ผู้มีความสุขที่สุดในโลก กับแบรนช์ (จัสติน ทิมเบอร์เลค) โทรลล์จอมหวาดระแวงที่อารมณ์เสียตลอดเวลา จึงได้ร่วมกันออกเดินทางไปช่วยเหลือเพื่อนๆ ทำให้ทั้งสองได้เรียนรู้กันและกัน รวมไปถึงได้เรียนรู้การปรับตัวด้วย

อันที่จริงถ้ามองถึงสาระที่แฝงมาในตัวหนังแล้ว นี้ trolls เป็นการสำรวจว่าเราปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไรและที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เราปฏิบัติต่อตนเองอย่างไร และความสุขที่แท้จริงนั้นต้องมาจากภายใน หาใช่ไปแสวงหาจากวัตถุอื่นมาเพื่อเติมเต็มตัวเอง

แน่นอนการสร้างความสมดุลในชีวิตก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเช่นกัน การมองโลกในแง่บวกเกินไป หรือแง่ลบจนเกินไป หนังก็ทำให้เราเห็นว่าไม่มีอะไรที่สุดโต่งแล้วเป็นผลดีสักอย่าง การดีใจมากเกินไปก็ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้ เช่นเดียวกันถ้าหากมองโลกในแง่ลบจนเกินไปชีวิตก็ไม่มีความสุข trolls นำเสนอว่าเราทุกคนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการคิดและการกระทำเชิงบวก โดยเน้นความสำคัญของการทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายอันน่าหวั่นเกรงก็ตาม

น่าเสียดายที่ trolls อาจจะมีความน่าเบื่อน่ารำคาญพอสมควร (ในช่วงแรกของหนัง) ที่พยายามใส่มุกตลกเจ็บตัว หรือมุกฮากริบ ซึ่งเอาเข้าจริงด้วยคาแรกเตอร์สุดโต่งของตัวละครทั้งสองฝ่าย ทำให้คนที่ชอบคาแรกเตอร์ตัวละครชอบก็ชอบไปเลย รำคาญก็รำคาญไปเลย (ซึ่งผู้เขียนรู้สึกอย่างหลังมากกว่า) ทำให้อารมณ์ร่วมในหนังช่วงแรกลดลงพอสมควร (เผลอเกือบจะเดินออกจากโรงหนังแล้ว) แต่โชคดีที่ช่วงครึ่งหลังของหนัง เรื่องราวสนุกขึ้นผิดหูผิดตามีอะไรพลิกล็อคให้เราอยากจะรู้ต่อว่าหนังจะแก้เกมยังไงใส่ความน่าสนใจในหนังเข้ามาอย่างไรอีก

ข้อดีอีกประการก็คือหนังเรื่องนี้มีเพลงประกอบที่ค่อนข้างไพเราะติดหู ไม่ว่าจะเพลงเก่าที่เอามาปรับทำนองและร้องใหม่ หรือเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ก็ตาม ซึ่งเอาจริงๆแล้วเอาเงินค่าตั๋วหนังไปซื้อซีดีเพลงประกอบภาพยนตร์มาฟังยังจะรู้สึกคุ้มค่า คุ้มราคามากกว่าอีก

2 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด