หนังไทยภายใต้บรรยากาศเดือนธันวาคม กับภาพรวมหนังไทยปี 2559

หนังไทยภายใต้บรรยากาศเดือนธันวาคม กับภาพรวมหนังไทยปี 2559

หนังไทยภายใต้บรรยากาศเดือนธันวาคม กับภาพรวมหนังไทยปี 2559
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2559 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่สภาพตลาดหนังไทยยังดูซบเซา ตลอดปีนี้มีหนังไทยเข้าฉายรวม 49 เรื่อง หลายคนที่อ่านถึงตรงนี้อาจจะเข้าใจว่าปีนี้หนังไทยเข้าฉายไม่ถึง 10 เรื่องก็เป็นได้ เพราะกว่าครึ่งหนึ่งเป็นหนังไทยฟอร์มเล็กมากเข้าฉายแบบจำกัดโรง บางเรื่องก็ฉายแบบเฉพาะกลุ่มและแทบไม่มีตัวตนอยู่ในโรงหนังด้วยซ้ำ เนื่องจากหนังปราศจากงบการประชาสัมพันธ์ พอหนังเข้าฉายแบบไม่มีกระแส ไม่มีคนสนใจ ทุกอย่างก็อันตรธานหายวับไปกับตา ราวกับหนังไทยเรื่องนั้นไม่เคยได้รับการสร้างขึ้นมาด้วยซ้ำไป


กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันกันสักหน่อย จะว่าไปแล้วผมเคยได้อ่านข้อความจากพี่ผู้กำกับภาพยนตร์ท่านหนึ่งเคยว่าเอาไว้ว่า “หนังไทยปัจจุบันคนไม่ดูเพราะ ปัจจุบันหนังเป็นความบันเทิงราคาแพง คนดูไม่จ่ายเงินเพื่อไปดูหนังโรแมนติกหรือหนังพล็อตซ้ำๆที่พวกเขาสามารถหาดูได้ทางฟรีทีวี และคนเบื้องหลังสายหนัง(คนเขียนบท คนทำโปรดักชั่นเก่งๆ) ก็หันไปทำงานให้กับทางทีวีดิจิตอลกันหมด(เพื่อความอยู่รอด)” เหตุผลดังกล่าวสอดรับการสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี ที่วงการหนังไทยปีนี้ก็ดูจะซบเซาไม่น้อย

 


เมื่อพิจารณาจากความหลากหลายแล้วหนังไทยที่ทำเงินก็วนเวียนอยู่กับหนังไม่กี่ประเภทนั่นก็คือหนังตลกและหนังโรแมนติก (ซึ่งต้องพะยี่ห้อของค่ายหนังด้วย) และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วการลงทุนทำหนังของนายทุนก็จะต้องอาศัยดาราหน้าเดิมๆ หรือเป็นที่รู้จักเพื่อเอาไว้กวักมือเรียกผู้ชม แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถการันตีความสำเร็จของหนังได้เช่นเดียวกัน เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนังอย่าง “20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น” ก็ไม่ได้ทำเงินเปรี้ยงปร้าง สัปดาห์แรกที่หนังเข้าฉายยังเรียกได้ว่า “เงียบ” เกินความคาดหมาย ทั้งที่เหล่าเซเล็บและบรรดานักวิจารณ์ต่างก็ชื่นชมทั้งการแสดงของใหม่ ดาวิกา และตัวบทภาพยนตร์ที่กินใจ จนอาจจะกล่าวได้ว่าถึงคนไหนไม่ได้ชื่นชอบหนัง แต่มันก็ไม่ใช่หนังไทยที่คนดูจะเกลียดลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามกระแสปากต่อปากก็ไม่ได้ทำงานตามที่คาด จนถึงเวลานี้หนังอาจจะทำเงินอยู่แค่ราวๆ 22 ล้านบาทเท่านั้นเอง


ขนาดมีดาราระดับ “ซุปตาร์” อย่างใหม่ ดาวิกา แต่หนังก็ไม่สามารถเรียกกลุ่มผู้ชมได้ทั้งหมด เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นมาจาก “ตัวอย่างภาพยนตร์” ที่ตัดออกมาในเวอร์ชั่นแรกค่อนข้างดูเป็นหนังตลกฝืด มากกว่าหนังขายเรื่องราว ทำให้ผู้ชมตัดสินใจมองข้ามหนังเรื่องนี้ไปโดยปริยาย


อ่านบทวิจารณ์ของ “20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น” อย่างละเอียดได้ที่ : http://movie.sanook.com/64433/

“ปากต่อปาก ก็ไม่สามารถทัดทานความประทับใจในครั้งแรกที่ผู้ชมเห็นตัวอย่างหนัง



ส่วนหนังของค่ายหนังอารมณ์ดี GDH อย่าง “พรจากฟ้า” กลับไม่ได้กระแสตอบรับดีแบบ “แฟนเดย์” เมื่อกลางปี ถึงแม้ผู้ที่ได้ไปชมแล้วต่างก็ชอบหนัง 2 ใน 3 เรื่องเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น หนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องนี้ ก็ทำเงินไปที่ประมาณ 28-30 ล้านบาทและท้ายที่สุดหนังอาจจะปิดยอดการฉายราวๆไม่เกิน 40 ล้านบาท
อ่านบทวิจารณ์ของ “พรจากฟ้า” อย่างละเอียดได้ที่ : http://movie.sanook.com/64557/



แต่ชะตากรรมของพรจากฟ้าอาจจะถือว่ายังดีกว่าหนังเรื่อง ปั๊มน้ำมัน (A Gas Station Movie) ของผู้กำกับ กอล์ฟ - ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ที่เข้าฉายได้เพียงสัปดาห์เดียว โรงหนังก็ถอดรอบออกอย่างรวดเร็วและลาโรงแบบคนดูไม่ทันตั้งตัว (ล่าสุดหนังยังฉายอยู่ที่โรง HOUSE RCA) สืบเนื่องมาจากหน้าหนังที่ดูแฟนตาซีและไม่รู้ว่ากำลังขายอะไร เป็นผลทำให้ผู้ชมส่วนมากมองข้ามแบบไม่สนใจใยดี ทั้งที่บรรดาผู้ชมที่มีโอกาสได้ดูแล้ว ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือหนังไทยที่มีการแสดงที่ดี มีเรื่องราวที่น่าประทับใจ แต่ผิดตรงที่ “หน้าหนัง” ดูไม่เชิญชวนคนดูอย่างรุนแรง จนท้ายที่สุดหนังทำเงินไปแค่ 68,000 บาท (เท่านั้น!!!!)


อ่านบทวิจารณ์ของ “ปั้มน้ำมัน” อย่างละเอียดได้ที่ : http://movie.sanook.com/64745/



เดือนธันวาคมยังมีหนังไทยอิสระอย่าง “ดาวคะนอง” ผลงานการกำกับของ “อโนชา สุวิชากรพงศ์” ซึ่งบอกเล่าและการตั้งคำถามถึงวงการภาพยนตร์ผ่านตัวละครเด็กสาวคนหนึ่ง และตัวหนังยังมีการหยิบเอาประวัติศาสตร์ไทยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลา เอามาถ่ายทอดกันแบบตรงๆ มีการตัดสลับเหตุการณ์ไปมา เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ “ท้าทายความคิดผู้ชม” ตัวหนังมีนักแสดงชื่อดังอย่างเป้-อารักษ์, ต่าย เพ็ญพักตร์, สายป่าน อภิญญา แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามมันก็ไม่ได้เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แฟนคลับของนักแสดงเข้าโรงหนังอยู่ดี เพราะด้วยเนื้อหา และความหนักของเรื่องราวแล้ว “หนังที่ไม่บันเทิง” อาจจะไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ชมหมู่มาก เนื่องจากผู้ชมต้องการความ “สนุก” จากหนังมากกว่าจะมาครุ่นคิดกับเรื่องราวให้ปวดสมอง แต่ถึงอย่างนั้นการมีอยู่ของหนังกลุ่มนี้ก็ถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้วงการหนังไทย “มีทางเลือก” ให้กับผู้ชมที่เบื่อหนังพล็อตซ้ำๆซากๆ ได้มีทางเลือกที่ต่างออกไป (หนังยังยืนโรงฉายอยู่ติดตามรอบฉายได้ทาง https://www.facebook.com/daokhanongmovie/)


ตัวอย่าง ดาวคะนอง 

 



นอกจากนี้ 15 ธันวาคมยังมีหนังเรื่อง Motel Mist โรงแรมต่างดาว ของผู้กำกับผู้กำกับ: ปราบดา หยุ่น เข้าฉายหลังจากที่ก่อนหน้านี้หนังได้เปิดฉายรอบสื่อมวลชนล่วงหน้ากว่า 1 เดือน แต่หนังเลือกจะแบนตัวเองเพราะนายทุนได้ดูหนังแล้วเกิดตกใจกับความ “แรง” ของภาพที่ปรากฏบนจอภาพยนตร์ หนังดูท่าทีว่าจะไม่ได้ฉายในปีนี้ แต่ท้ายที่สุดหนังก็ได้เข้าโรงฉายตามวันที่ระบุแบบจำกัดโรงฉาย

 



อย่างไรก็ตามหนังไทยเรื่องสุดท้ายของปี 2559 ก็คือเรื่อง จำเนียรวิเวียนโตมร I LOVE YOU TWO" ผลงานการกำกับของ ยอร์ช ฤกษ์ชัยของค่ายหนัง M39 มีนักแสดงนำอย่างชมพู่ อารยา, บอย ปกรณ์ และ อาเล็ก ธีรเดช เรื่องราวการแย่งชิงหญิงสาวของสองชายหนุ่มรูปหล่อ คราวนี้เราก็ต้องมาดูกันว่าพลังดาราระดับแม่เหล็กของทั้งสามคนนี้จะช่วยให้หนังทำเงินมากแค่ไหน


ตัวอย่าง จำเนียรวิเวียนโตมร I LOVE YOU TWO 



ถ้ามองย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หนังไทยที่น่าจะได้รับการพูดถึงและเป็นกระแสอยู่บ้างได้แก่


อวสานโลกสวย (21 มกราคม) หนังมีความพิเศษคือเข้าฉายใน 2 เวอร์ชั่น คือฉบับเรต น18+ และฉบับเรต ฉ20- ตัวหนังมีการแสดงที่น่าจดจำของสายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข

ลูกทุ่ง ซิกเนเจอร์ (11 กุมภาพันธ์) หนังหลายชีวิตที่เอาเพลงลูกทุ่งมาขับเคลื่อนเรื่องราว น่าเสียดายหนังไม่ค่อยมีกระแสเท่าไหร่

หลวงพี่แจ๊ส 4G (6 เมษายน) ภาคต่อของหลวงพี่เท่ง แต่เปลี่ยนตัวเอกเป็นแจ๊ส ชวนชื่น ทำเงินสูงถึง 400 ล้านบาท!

Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน (13 เมษายน) หนังสยองขวัญนำแสดงโดยมาริโอ้ เมาเร่อ และวิว วรรณรท สนธิไชย ผลงานการกำกับของก้องเกียรติ โขมศิริ

บุปผาอาริกาโตะ (5 พฤษภาคม) การปลุกผีบุปผาของผู้กำกับยุทธเลิศ สิปปภาค แต่นำแสดงโดย เก้าสุภัสสรา ธนชาต และบรรดาทีมนักแสดงจาก “แฟนฉัน”

เทริด (19 พฤษภาคม) ผลงานการกำกับของเอกชัย ศรีวิชัย กับการหยิบเอาศิลปการแสดงของภาคใต้อย่างรำ มโนราห์มานำเสนอ

ธุดงควัตร (7 กรกฎาคม) ของผู้กำกับ บุญส่ง นาคภู่ หนังอินดี้ที่หยิบเอาศาสนาพุทธมาเป็นประเด็นให้คนดูชวนขบคิด

ขุนพันธ์ (14 กรกฎาคม) การหยิบเอาตำนานของขุนพันธ์มาเล่าเป็นหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ของปี นำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, กฤษดา สุโกศล แคลปป์, ชูพงษ์ ช่างปรุง, ภคชนก์ โวอ่อนศรี, สนธยา ชิตมณี,และพิมลรัตน์ พิศลยบุตร

The Island Funeral มหาสมุทรและสุสาน (21 กรกฎาคม) หนังอินดี้ผลงานการกำกับของ พิมพกา โตวิระ

แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว (1 กันยายน) หนังรักโรแมนติกของคนไร้ตัวตน นำแสดงโดย มิว- นิษฐา จิรยั่งยืนและเต๋อ - ฉันทวิชช์ ธนะเสวี

ป๊าด 888 แรงทะลุนรก (6 ตุลาคม) หนังที่หยิบเอาเรื่องราวของรถเมล์สาย 8 เอามายั่วล้อสังคมไทย กำกับการแสดงโดย พชร อานนท์

From Bangkok to Mandalay ถึงคน..ไม่คิดถึง (10 พฤศจิกายน) หนังร่วมทุนระหว่างไทย-พม่า มีฉากหลังเป็นเมืองต่างๆในพม่า

ทั้งหมดทั้งมวลอาจจะเป็นการพูดถึงหนังไทยในช่วงเดือนธันวาคมและนำเสนอ ทิศทางการดูหนังไทยของผู้ชมในช่วงเวลาปัจจุบันแบบผิวเผิน บางทีเราอาจจะต้องทำการจับตามองเรื่องเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะช่วงเวลานี้เรียกได้ว่า “หนัง” อาจจะไม่ใช่ “ทางเลือก” สำหรับผู้ชมอีกต่อไปแล้ว และบางครั้งการ “เลือกเสพย์” หนังของคนในยุคปัจจุบันก็มี “ตัวแปร” หลายอย่างที่ค่ายหนังและคนทำหนังต้อง “ไว” และจับกระแสให้ทันท่วงที


@พริตตี้ปลาสลิด

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ หนังไทยภายใต้บรรยากาศเดือนธันวาคม กับภาพรวมหนังไทยปี 2559

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook