วิจารณ์หนัง Sword Master หนังจีนกำลังภายในที่ยั่วล้อขนบ

ผลงานหนังจีนฟอร์มยักษ์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายดังของ “ซาเสี่ยวเอี้ย” จากผลงานของปลายปากกานักเขียนอย่าง “โกวเล้ง” ภายใต้การดูแลการสร้างของ “ฉีเคอะ” บอกเล่าเรื่องราวของเจี่ยวเฮียวฮง (หลินเกิงซิน) คุณชายสามแห่งหมู่บ้านกระบี่เทพเจ้า จอมยุทธกระบี่ผู้เก่งกาจที่สุดในปฐพี แต่แล้ววันหนึ่งเขาเกิดเบื่อหน่ายการเสียเลือดเนื้อไปกับโลกแห่งศิลปะป้องกันตัว จึงตัดสินใจหนีจากทุกสิ่ง ก่อนจะปล่อยข่าวปลอมว่าตัวเขานั้นได้ตายไปแล้ว จากนั้นจึงไปซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่เขากลายเป็นเพียงนักการภารโรงที่ผู้คนรู้จักกันในนามว่า อากิก และใช้ชีวิตอย่างหมาวัดที่ตกหลุมรักดอกฟ้าอย่างหญิงบริการนามว่า เสี่ยวลี่ (เจียงเมิ่งเจี๋ย)

ขณะเดียวกัน มียอดฝีมือกระบี่แห่งยุทธจักอีกคนนามว่า อี้จับซา (เหอหยุนตง) ที่มักถูกผู้คนรอบข้างจำผิดว่าเขาคือคุณชายสาม ความปรารถนาของเขาคือการได้ประลองยุทธ์กับคุณชายสามดูสักครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับอากิก กลับจำไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วหนุ่มภารโรงคนนี้ คือคู่ประลองในฝันของเขา อีกทั้งยังได้สอนวิชายุทธศาสตร์ลับให้กับอากิกอีกด้วย

ในขณะนั้น ฉิวตี้ (เจียงอวี้เหยียน) อดีตคู่หมั้นของคุณชายสาม รู้สึกโกรธเกลียดเขาเพราะคุณชายทิ้งเธอไปในวันแต่งงาน เพื่อล้างแค้นที่ถูกหักอก เธอจึงยุยงอี้จับซาเพื่อจะล่อให้คุณชายสามกลับออกมาจากการซ่อนตัว และวางแผนล่อลวงให้เกิดการประลองยุทธครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น

ถึงแม้ฉีเคอะจะมาดูแลภาพรวมงานสร้าง แต่ผลงานการกำกับของเอ๋อตงเซิน ไม่แน่ใจว่าด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ภาพรวมของหนังเรื่องนี้จึงออกมา “ประหลาด” และ “ตลก” เกินเบอร์ที่มันควรจะเป็น ตัวละครในหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าแสดงแบบ “โอเวอร์แอ็คติ้ง” กันตลอดเวลา หรือพูดง่ายๆว่าพวกเขาแสดงกันเป็นละครเวทีแต่ฉายในจอภาพยนตร์!

ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการเล่า การตัดต่อของหนังก็เรียกได้ว่ากระโดดไปกระโดดมาอย่างรวดเร็วฉับไว จนบางครั้งก็ยากแก่การจะจับต้นชนปลายและทำความเข้าใจภาพรวมของหนังว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนเรื่องแรงจูงใจของตัวละครยิ่งไม่ต้องหาเลย พวกเขาเหมือนอยากจะทำอะไรก็ทำ จนท้ายที่สุดแล้วเราคนดูก็ได้แต่นึกในใจว่า หนังจะพาเราไปไหนและทุกอย่างจะไปขมวดปมยังไง

ถ้ามองในแง่ดีก็คือ หนังพยายามจะยั่วล้อขนบของหนังจีนกำลังภายในที่ว่าด้วยพล็อตของจอมยุทธ์ผู้ละทิ้งตัวตน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถวิ่งหนีเงาของตัวเองได้และต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ รวมถึงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนดีขึ้น

ในภาพรวมหนังอาจจะดู “ทีเล่นทีจิรง” แต่ถ้าใครรู้สึกว่าหนังมันมั่วซั่วบ้างก็คงไม่แปลก เพราะวิธีการเล่าเรื่องของมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

@พริตตี้ปลาสลิด
3 คะแนนจาก 5 คะแนน