บทพิสูจน์การเป็น Judge ของแหม่ม คัทลียา "พูดตรง ไม่กลัวดราม่า"

บทพิสูจน์การเป็น Judge ของแหม่ม คัทลียา "พูดตรง ไม่กลัวดราม่า"

บทพิสูจน์การเป็น Judge ของแหม่ม คัทลียา "พูดตรง ไม่กลัวดราม่า"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่มีข่าวลือต่างๆ นานาหลุดออกมา เกี่ยวกับตำแหน่ง "กรรมการคนใหม่" ที่จะมานั่งเก้าอี้ที่ยังว่างของ ไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์ ซีซั่น 6 ตอนนี้คงได้รู้กันแล้วว่าเธอคนนั้นคือ "แหม่ม" คัทลียา แมคอินทอช การมารับบทบาทใหม่ของอดีตนางเอกชื่อดังคนนี้ั จะสร้างสีสันอะไรในรายการ เรามีบทสัมภาษณ์มาฝาก 

 

การเข้ามาเป็นกรรมการครั้งนี้กลัวการเปรียบเทียบกับกรรมการคนอื่นหรือเปล่า
ไม่กลัว เพราะทุกคนมีความโดดเด่น เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าห้ามไม่ให้คนเปรียบเทียบได้ไหม คงห้ามไม่ได้ ตัวแหม่มเองไม่ได้กังวลเรื่องนี้ อย่างที่บอกว่าต้องมีทั้งคนติ คนชม เพราะฉะนั้นมันจะมีทั้งคนที่ไม่ได้เปรียบเทียบ และก็เอาไปเปรียบเทียบ เราห้ามไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เราจะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด

แหม่ม คัทลียา เป็นกรรมการที่เชียวชาญด้านไหน
แหม่มน่าจะเน้นในเรื่องของแอคติ้ง การแสดงบนเวที กับสิ่งที่เค้าแสดง ว่าสื่อถึงคนดูได้ขนาดไหน แสดงแล้วเราเข้าใจขนาดไหน เรารู้สึกกับสิ่งที่เขาสื่อออกมาขนาดไหน เราเอาประสบการณ์จากการเป็นนักแสดง หรืองานพิธีกรมาปรับใช้ มาให้ความรู้ กับสิ่งที่เขาแสดงบนเวที หลักการของการโชว์ เรื่องฟอร์แมตต่างๆ ต้องมีอยู่แล้ว แต่เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้ากรรมการชอบ ดูแล้วสนุก มีความสุข เราก็สามารถให้เค้าผ่านได้ 

กลัวว่าแฟนคลับของน้องๆ ที่มาโชว์ จะพูดถึงเราในทางลบไหม
สมัยนี้มันมีทั้งแง่บวกและแง่ลบ แต่ว่าจะมีคนเตือนมาก่อนล่วงหน้าว่า จะดีหรือ และ มันก็ท้าทายดี เป็นอีกหนึ่งงานที่เป็นงานในวงการบันเทิงที่เราไม่เคยทำ เพราะฉะนั้นการได้รับฟีดแบ็ค ทั้งแง่ลบและบวก เราต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ถามว่าอยากฟังในแง่ลบไหม ก็ไม่มีใครอยากฟังหรอก แต่เราก็น้อมรับ ถ้าเกิดติเพื่อก่อ ติเพื่อแนะนำให้เราไปพัฒนาเราก็ยืนดี ในแง่ของการตัดสินในแง่ของกรรมการ เราก็ตัดสินไปตามเนื้อผ้า ตัดสินตามโชว์ต่างๆ อันไหนดีก็ชม อันไหนที่พัฒนาได้เราก็จะบอก แต่อันไหนที่ไม่ได้จริงๆ เราก็ใช้ความตรง ความจริงใจในการตัดสิน

รู้สึกยังไงกับการที่เราต้องคอมเม้นท์จริงจัง
มีความสนุกสนานกับสิ่งแปลกใหม่ แต่ก็มีความลำบากในในแง่ที่ว่า ทำอย่างไรดีเพราะเราอยากให้ทุกคนเข้ารอบ อยากให้ทุกคนชนะหมดเลย มันเป็นสิ่งที่เราอยากให้เป็น แต่เป็นไปไม่ได้ ต้องมีแค่ทีมเดียวที่เป็นผู้ชนะ ก็โชคดีที่พี่ดี้ พี่แมร์ พี่เบน และทีมงานคอยแนะนำ ไม่ต้องไปเศร้าหรือเครียดมาก ทำตามหน้าที่กรรมการให้ดีที่สุด

เสน่ห์ของรายการ TGT 6 คืออะไร
เสน่ห์ของรายการนี้คือ เป็นอะไรที่เราคาดเดาไม่ได้ กรรมการเองก็ตื่นเต้นในทุกๆ โชว์ ที่จะขึ้นมาบนเวที เรารอลุ้นว่าโชว์นี้จะเป็นอย่างไร จะตื่นตาตื่นใจแค่ไหน เราลุ้นตลอด คนที่ทราบจะรู้ว่าเราทำงานกันหนักมาก เช้าถึงดึก มีบางวันถึงตี 4 แต่ถามว่าง่วงไหม ก็มี แต่ด้วยความที่เราคาดเดาไม่ได้ มันเลยทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลา ว่าโชว์ต่อไปจะเป็นยังไง เป็นเรื่องที่เราคาดเดาไม่ได้

แหม่ม คัทลียา มีวิธีการเลี้ยงลูกแบบไหน
เลี้ยงเหมือนหลายๆ ครอบครัวทั่วๆ ไป รักลูก ใส่ใจ เอาใจใส่ดูแล ให้เวลา อยู่กับเค้าเยอะๆ ไปรับไปส่งที่โรงเรียน ถ้ามีกิจกรรมอะไรก็จะไปร่วม คือตัวเองก็เป็นคนติดลูก ทุกเวลาที่ว่างจะให้ลูกไว้ก่อน ส่วนเวลาส่วนตัวก็เอาไว้เวลาที่ลูกไปโรงเรียน ไปเรียนพิเศษ เราถึงจะเอาเวลานั้นไปทำกิจกรรมส่วนตัว มันก็เป็นความสุข หลักการสำคัญที่สุดที่แหม่มรู้สึกที่ถ่านทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่ ก็คือความใกล้ชิด ความอบอุ่น แล้วก็เวลา สำคัญที่สุด ของเล่นไม่จำเป็นต้องมีล้นบ้าน แต่เวลาที่พ่อแม่มีให้ลูก อันนี้คือแกนสำคัญเลย กับความรักที่มีให้เค้าเต็มที่

นิสัยเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
สามคนเลี้ยงมาเหมือนกัน ให้เวลาเหมือนกัน รักเท่ากัน แต่นิสัยไม่เหมือนกันเลย แหม่มเชื่อว่าเด็กแต่ละคน แม้กระทั่งตัวเราเอง หรือแหม่มกับพี่วิลลี่เอง เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่คาแรคเตอร์ไม่เหมือนกัน ลูกๆ ทั้งสามคนมีเสน่ห์คนละแบบเลยค่ะ

มีเวลาสวีทกับสามีบ้างหรือเปล่า
เราไม่ได้เป็นคู่รักหวานแหวว คู่รักวัยรุ่น ต้องไปฉลองทุกเทศกาล เราเลยจุดนั้นมาหมดแล้ว เราก็อยู่ในวัยที่มีครอบครัว มีเวลาให้กันมากที่สุด และโชคดีที่แหม่มกับสามีจัดสรรเวลาได้ ในเรื่องของการทำงาน เวลาว่างที่อยู่กับลูก หลักการใช้เวลาร่วมกันก็คือการอยู่พร้อมหน้ากันทั้ง 5 คน พ่อ แม่ ลูก อันนั้นสำคัญและเติมเต็มที่สุด

วางอนาคตของลูกๆ ไว้อย่าไงรบ้าง
ไม่ได้มีกฎกติกา ว่าคนนี้ต้องเป็นหมอ คนนั้นต้องเป็นนักแสดง ต้องรับราชการ ไม่ได้กำหนดเลย เพียงแต่อยากให้เค้าได้รับการศึกษามากที่สุด เท่าที่เราจะส่งเสียได้ เราพยายามส่งเค้าให้ไกลที่สุด ในเรื่องการศึกษา ทั้งแหม่มและสามีเชื่อมาตลอดว่า การศึกษาจะเป็นสิ่งเดียวที่จะติดตัวลูก ไปตลอดชีวิต และไม่มีใครจะเอาไปจากเค้าได้ ก็จะทำให้เค้าได้ใช้การศึกษา ไปดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้


 

สุดท้ายนี้คนดูอาจจะต้องตัดสินเอาเองว่า บทบาทการเป็นกรรมการ จะเข้มข้นและคำพูดของเธอประกาศิตในการตัดสินผู้เข้าแข่งขันได้เฉียบขาดขนาดไหนต้องมาดู ทั้งนี้สามารถดูคลิปย้อนหลังรายการได้ที่ tgt.sanook.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook