วิจารณ์หนัง ดาวคะนอง ความพร่าเลือนในห้วงความทรงจำของประวัติศาสตร์
เชื่อว่าหลายคนเพิ่งจะเคยรู้จักชื่อหนัง “ดาวคะนอง” หลังจากที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีสุพรรณหงส์ อีกทั้งการที่หนังเรื่องนี้คว้ารางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อโนชา สุวิชากรพงศ์ ยิ่งทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าหนังเรื่องนี้มีดีอะไร และทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเฉือนเอาชนะหนังเรื่องอื่นๆที่เข้าชิงรางวัลในสาขาเดียวกันไปได้
ดาวคะนองเป็นหนังที่เรียกร้องหลายอย่างในการทำความเข้าใจกับหนังค่อนข้างมาก แน่นอนว่าสิ่งที่จะทำให้คุณดูหนังเรื่องนี้แล้ว “เข้าใจ” ในสิ่งที่ตัวหนังนำเสนอนั้น พื้นความรู้เรื่องประวัติศาสตร์การเมืองไทยเป็นเรื่องจำเป็น ไม่เพียงเท่านั้นทักษะในการดูภาพยนตร์ของผู้ชมนั้น ก็ต้องมีความเข้าใจในเรื่องการเลือกใช้เฟรมภาพ มุมกล้อง หรือกระทั่ง อาศัยการตีความและใช้ความคิดอย่างหนักพอสมควร
ตัวหนังมีความทะเยอทะยานทั้งบทและวิธีการเล่าเรื่อง เพราะหนังเลือกจะเล่า ด้วยการซ้อนทับระหว่าง เรื่องเล่า ภาพยนตร์ และผู้เล่าเหตุการณ์อีกที ซึ่งถ้ามองอย่างหยาบๆแล้ว หนังเรื่องนี้เหมือนจะประกอบไปด้วย 3 พาร์ทนั่นคือเรื่องของผู้กำกับภาพยนตร์หญิงที่กำลังทำสารคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองเดือนตุลาฯ คู่ตัวละครวัยรุ่น (เป้ อารักษ์ – สายป่าน) ที่เราจะได้รับทราบว่าตัวละครเหล่านี้แท้ที่จริงคือนักแสดงภาพยนตร์ที่กำลังอยู่ในหนังที่กำลังตัดต่ออยู่ และพาร์ทสุดท้ายก็เล่าเรื่องราวของคนเบื้องหลังในการทำงานตัดต่อภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวอยู่
ความยากประการหนึ่งในการทำความเข้าใจ “ดาวคะนอง” เป็นความท้าทายการดูหนังเรื่องนี้ แน่นอนมันกระตุ้นความคิดของผู้ชมและแน่นอนก็ย่อมมีผู้ชมที่อาจจะเกิดอาการมึนจนไม่สามารถทำความเข้าใจหนัง หรือต่ออะไรติด เนื่องจากขาดพื้นความรู้บางประการไป
เหนืออื่นใดคือเป้าหมายสำคัญใน ดาวคะนอง ความในการสื่อสารกับผู้ชมว่าจิตวิญญาณของประวัติศาสตร์นั้นอาจจะอยู่ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นความทรงจำ ภาพยนตร์ เรื่องเล่า หรือแม้กระทั่งภาพหรือสัญลักษณ์ และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ถูกผ่านการตีความ ผ่านชุดความคิดที่แตกต่างออกไป ซึ่งหนังก็ไม่ได้มีท่าทีของการตัดสิน ตีตรา แต่ทำหน้าที่เป็นคนสังเกตุการณ์และหยิบมาเล่าในมุมมองต่างๆ
บทสรุปของหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ จบลงด้วยการบอกว่าชีวิตของตัวละครในหนังลงเอยอย่างไร ซ้ำร้ายมันอาจจะดูล่องลอยเหมือนปราศจากจุดจบด้วยซ้ำไป เพราะสุดท้ายแล้ว ดาวคะนองก็ทำหน้าที่เป็นแค่รูปแบบในการถ่ายทอดชุดความคิดของผู้กำกับอย่าง อโนชา สุวิชากรพงศ์ ที่มีต่อประวัติศาสตร์การเมืองไทย นั่นเอง
@PRETTYPLASALID
4.5 คะแนนจาก 5 คะแนน
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ