มอง 5 มุมกับ The Face Thailand 3 EP12 คุณค่าของความขยัน
เหตุการณ์ใน The Face Thailand Season 3 EP11 เมื่อจูลี่กลายเป็นคนล่าสุดที่ต้องเดินออกไปจากรายการ ทำให้ทีมคริสเหลือแค่เพียงเกรซเป็นคนสุดท้ายในทีม ขณะที่ทีมลูกเกดและทีมบีกลายเป็นทีมที่เหลือลูกทีมถึงทีมละ 3 คน และในสัปดาห์ที่ 12 จะต้องมีคนที่ถูกเลือกเข้าไปในสัปดาห์สุดท้ายที่เป็นช่วงไฟนอลวอล์คจะเกิดอะไรขึ้นในสัปดาห์นี้บ้าง
มุมที่ 1 คิดให้ต่าง คิดให้แปลก
มาสเตอร์คลาสในสัปดาห์ล่าสุด เมนทอร์บีได้มาให้ความรู้กับน้องๆเรื่องการถ่ายแบบแฟชั่นวิดีโอ โดยแต่ละคนได้รับโจทย์ถ่ายแบบแฟชั่นวิดีโอเพื่อถ่ายทอดความเป็นแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอย่าง ASAVA ที่ถ่ายทอดความฉลาดและความสง่างามของผู้หญิงมาลงในแบรนด์เสื้อผ้า สำหรับ POEM มีคาแรกเตอร์ที่เรียบร้อยอยู่ในกรอบแต่มีความหัวสมัยใหม่ MILIN สาวที่กล้าแสดงออก กล้าลองผิดลองถูก และแบรนด์เครื่องประดับอย่าง O Thongthai ที่เป็นเครื่องประดับสไตล์ไทยซึ่งมีความหลากหลาย
ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนทำได้ค่อนข้างดีตามมาตรฐาน แต่กลายเป็นคนที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดคือ “เทีย” ที่ออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหว และใช้สินค้าที่ตัวเองมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นคือมีช่วงเวลาที่เธอหันหลังหลบมุมกล้องเพื่ออมแหวน เพื่อตอกย้ำอีกครั้งว่าเธอกำลังถ่ายแฟชั่นวิดีโอแบรนด์เครื่องประดับอยู่นั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจว่าเธอจะกุมชัยชนะในมาสเตอร์คลาสวันนี้
มุมที่ 2 อย่าประเมินคำว่า "เต้น" ต่ำเกินไป
เชื่อว่าสังคมไทยยังเข้าใจคำว่า “เต้น” ผิดไปเยอะพอสมควร คำว่าเต้นได้กับเต้นเป็นนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มนุษย์ทุกคนสามารถเต้นได้ แต่การเต้นให้ลงจังหวะและเข้าใจในท่วงท่า รวมไปถึงการถ่ายทอดอารมณ์ของเพลง คือศาสตร์(วิชา) ของศิลปะแขนงหนึ่งเลยทีเดียว และมันยังเป็นเรื่องจำเป็นที่จะช่วยถ่ายทอดบุคลิกภาพโดยเฉพาะในอาชีพนักแสดงหรืออาชีพจำพวกศิลปิน การเต้นนั้นจัดเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่ควรได้รับการบรรจุเข้าไว้ในหลักสูตรการเรียนรู้ยุคปัจจุบัน เพราะมันเป็นศาสตร์ที่ช่วยฝึกทั้งสมองซีกซ้ายและขวา และยังสร้างความมั่นใจไปพร้อมๆกัน และยังเสริมสร้างพัฒนาการของมนุษย์อีกด้วย
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือโจทย์ในสัปดาห์นี้กับการพรีเซนต์สินค้า พร้อมทั้งต้องมีการเต้นอยู่ในเอ็มวีด้วย ความยากที่เหล่าเมนทอร์ทั้งสามพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ การจดจำท่าเต้นช่วงเวลาอันสั้นจากญาญ่า แล้วนำไปถ่ายทอดต่อให้ลูกทีมนั้น ขนาดเมนเทอร์คริสที่เป็นครูสอนเต้นอยู่แล้วยังบอกว่ายาก ดังนั้นเข้าใจได้เลยว่าศาสตร์เรื่องการเต้นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้และบ่มเพาะประสบการณ์มาพอสมควร
ดังนั้นมีโอกาสควรหาเวลาไปเรียนเต้นเพิ่มเติมนะจ๊ะ บรรดานักเต้นสายย่อทั้งหลาย
มุมที่ 3 แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เมนทอร์ลูกเกดเป็นคนที่แสดงให้เราเห็นมาโดยตลอดสามซีซั่นว่า ไหวพริบเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในเกมนี้ ถึงเธอจะไม่ได้เก่งกาจเรื่องการเต้น (แค่ตอนเธอจดจำท่าขอญาญ่าแล้วเต้นให้เราดูก็พอจะรู้แล้วว่าเธอรอดหรือไม่รอด) สิ่งที่ง่ายที่สุดและจะทำให้ลูกทีมของเธอเข้าใจท่าทางได้มากที่สุดคือการถ่ายวิดีโอมานั่นเอง แล้วค่อยไปแกะท่าเอาทีหลัง
รายการไม่ได้มีข้อห้ามในการอัดวิดีโอ ซึ่งถ้ารายการไม่ให้ทำจะมีการทักท้วงแต่การไม่มีใครติงมา เมนทอร์ลูกเกดจึงใช้ไหวพริบของเธอนำจุดดังกล่าวมาถ่ายทอดให้กับลูกทีม ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังโฟกัสในสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำแคมเปญวันนี้ คือท่าเต้นไม่สำคัญเท่ากับช่วงที่ต้องพรีเซนต์ท่าตอนลงแป้ง เมื่อถึงเวลาในการทำแคมเปญ แต่ละทีมล้วนแต่ถ่ายทอดออกมาได้ตามขีดความสามารถของแต่ละคน ส่วนใครทำดี ดรอป หรือตลกแค่ไหนสามารถไปดูเป็นรายคนได้ทางแฟนเพจ https://www.facebook.com/pg/thefaceth
มุมที่ 4 บางครั้งการพูดให้ความหวังก็เป็นการทำร้ายคนที่เรารักมากที่สุด
สิ่งที่สะเทือนใจที่สุดในรายการของ EP นี้คือการที่เทีย กล่าวถึงพี่บีว่า “พี่บีเป็นเมนทอร์คนเดียวที่เห็นอะไรบางอย่างในตัวเทียที่คนอื่นๆไม่เห็น ตั้งแต่ที่พี่บีเลือกเทียเข้ามา เทียไม่เคยหยุดพยายาม ทั้งที่หนูไม่ค่อยได้ถูกพี่ชม แต่สิ่งนั้นทำให้เทียไฟต์มากขึ้นเรื่อยๆทุกวีค เพื่อที่จะพิสูจน์ให้พี่เห็นว่าพี่ไม่ได้เลือกผิดคน ถ้าพี่เลือกเทียให้เดินไฟนอลวอล์ค เทียจะทำให้พี่ภูมิใจและหนูจะนำตำแหน่ง The Face Thailand มาให้ทีมบีอีกครั้ง”
สิ่งที่บีตอบกลับกับลูกทีมของเธอ “สกายทำได้ดีมาตลอด แต่พออยู่ในรายการสักพักนึง มันก็เริ่มดรอปลง สกายก็รู้ตัว เพราะสกายทนแรงกดดันไม่ได้ เทียพัฒนาขึ้นเรื่อยๆให้พี่เห็นยิ่งช่วงท้ายๆเทียยิ่งพัฒนาขึ้น พี่ก็เห็นถึงความตั้งใจ มันยากสำหรับพี่จริงๆไม่รู้จะเลือกใคร”
แต่ท้ายที่สุดชื่อที่เธอพูดออกมาก็คือ “สกาย” แต่ในโมเมนต์นั้นสายตาของเทียยังเต็มไปด้วยความผิดหวังที่มันฟ้องออกมาในสายตาของเธอ กระทั่งช่วงที่เธอต้องออกจากรายการจริงๆว่าเธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่เธอรู้สึก “อกหัก” มากกว่า
มุมที่ 5 ครบเครื่องเป็นเรื่องของความตั้งใจ
เทีย เป็นตัวอย่างหนึ่งที่บอกให้คนดูเห็นว่าบางครั้งการเป็นคนพยายาม เป็นคนมีพัฒนาการนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นผู้ชนะ หรือเป็นคนที่ถูกเลือกเสมอไป แน่นอนว่าความพยายามเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เรามีโอกาสพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น
การเป็นเด็กที่ขยันที่สุดแต่เราก็ไม่ได้ถูกเลือก
มันหมายความว่าอะไร ?
มันหมายความว่าโลกนี้ไม่ได้ถูกตัดสินใจจากมุมมองของคนที่คิดแบบเดียวกัน จริงอยู่ที่โลกนี้ต้องการคนขยัน คนสวย และคนที่ดีพร้อมแต่ก็อย่าลืมว่านั่นอาจจะไม่ใช่องค์ประกอบของชัยชนะ มันไม่มีอะไรในโลกนี้ยุติธรรมเสมอไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะต้องหยุดสู้แล้วรอใครสักคนมามองเห็นค่าของเรา คนเรามีคุณค่าก็ต่อเมื่อเราทำให้ตัวเองมีค่าเท่านั้น ต่อให้ใครมองไม่เห็นวันนี้สักวันก็จะมีคนเห็นเอง
สู้ต่อไปนะ . . . . . เทีย
@PRETTYPLASALID
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ