10 เรื่องน่ารู้ก่อนดู Guardians of the Galaxy 2
Guardians of the Galaxy ออกฉายในปี 2014 กลายเป็นหนังที่สามารถทำเงินสูงสุดในช่วงซัมเมอร์นั้น หนังโกยเงินในอเมริกาไปแล้ว 333 ล้านเหรียญ และสามารถทำเงินในตลาดต่างประเทศไป 440 ล้านเหรียญ ทำให้เกิดรายรับรวมทั่วโลกทั้งสิ้น 773 ล้านเหรียญ การสานต่อโครงการภาคต่อจึงเดินหน้าต่อทันที แล้วภาคนี้มีอะไรที่จำเป็นต้องรู้ก่อนไปดู Guardians of the Galaxy 2 บ้างตามไปรู้พร้อมๆกัน
1.เกิดอะไรขึ้นในหนังภาคนี้
ปีเตอร์ ควิลล์หรือที่รู้จักในนาม สตาร์-ลอร์ดพร้อมพลพรรคทีมสุดเกรียนยังพาทุกคนท่องจักรวาล ตอนนี้ทีมยังรับจ้างทำงานทุกอย่างเพื่อสิ่งเดียวนั่นคือ “เงิน” และ “ชื่อเสียง” เมื่อทีมรับงานในการปกป้องการรุกรานดาวคอนซอร์เทียม ที่ปกครองโดยราชินีอเยช่า ที่มีผิวร่างกายเป็นสีทองทั้งตัว ในขณะเดียวกันยังมีเรื่องราววุ่นวายมากมายที่พวกเขาต้องปวดหัว ทั้งศัตรูหน้าเก่า และมิตรสหายหน้าใหม่
2.ความแตกต่างที่สัมผัสได้
ที่มาของ Guardians of the Galaxy เกิดขึ้นมาจากการสรรค์สร้างของอาร์โนลด์ เดรค และ จีน โคลัน ในปี 1969 ให้เป็นทีมฮีโร่ในศตวรรษที่ 31 ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีบุคลิกที่โดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งเมื่อถูกดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์แล้วสไตล์ของหนังมาร์เวลเรื่องนี้มีความแตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆอย่างสิ้นเชิง ประกอบกับเจตนาของตัวผู้กำกับเองที่ทำความเข้าใจตัวละครในหนังอย่างถ่องแท้ว่าเขาคือกลุ่มคนนอกที่มาอยู่รวมตัวกันและพยายามทำให้ทุกอย่างสำเร็จลงตัว และเรื่องราวเหล่านี้สามารถเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย
3.เรื่องราวของการเป็นครอบครัว
แก่นของหนัง Guardians of the Galaxy ภาคแรกนั้นคือการรวมกันเป็นครอบครัว ขณะที่หนังภาค 2 พูดถึงเรื่อง การอยู่กันแบบครอบครัว ตัวละครทุกตัวเป็นครอบครัวเดียวกัน และการอยู่กันแบบครอบครัวนั้นยากยิ่งกว่าการรวมกันเป็นครอบครัวเสียอีก มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก ในภาคแรกตัวละครหลายตัวเป็นคนนอก พวกเขามารวมตัวกัน แต่พวกเขาจะเป็นยังไงต่อไปโดยตัวละครแต่ละตัวจะมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง
4.สตาร์ลอร์ดกับเรื่องราวของพ่อ
คริส แพรตต์ คือนักแสดงที่กลับมารับบทบาทปีเตอร์ ควิลล์หรือสตาร์-ลอร์ด เขายังคงถึงพ่อของตนเองและยังต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมอีกครั้ง ที่ทุกคนภายในกลุ่มต่างให้ความไว้วางใจ โดยหนังภาคแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ ปีเตอร์ควิลล์กับพ่อของเขาและคนที่ทำหน้าที่เหมือนพ่อในชีวิตเขา
5.กาโมร่าและแดรกซ์
โซอี้ ซัลดาน่า กลับมารับบท กาโมร่า มือสังหารผิวสีเขียว เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ต้องมีการรับมือกับความสัมพันธ์ภายในครอบครัว เรื่องที่เธอถูกรับเลี้ยงโดย ธานอส และน้องสาวของเธอคือ เนบิวล่า ในภาคแรกดูเหมือนกาโมร่าจะเป็นคนดีและเนบิวล่าจะเป็นตัวร้ายแต่ในหนังภาคนี้เราจะเห็นความซับซ้อนมากกว่านั้น
ส่วนเดฟ บาทิสต้า กลับมารับทบ แดรกซ์ ผู้น่าเกรงขามที่มาพร้อมรอยสักเต็มตัว แดรกซ์เป็นตัวละครที่ซับซ้อนที่มีทั้งความโหดและความน่ารักอยู่ในตัว และไม่ค่อยรู้ตัวโดยธรรมชาติเวลาพูดอะไรแบบขวานผ่าซาก ในภาคนี้ เพราะเขาพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะไม่มองทุกอย่างเป็นเส้นตรง เขายังไม่เก่งมากนักในภาคนี้ แต่มันสร้างให้ตัวละครมีมิติอย่างมาก
6. ร็อคเก็ตและเบบี้กรูท
ในภาคนี้ร็อคเก็ตยังคงคาแรกเตอร์ยียวนกวนประสาทเหมือนเดิม โดยเจ้าแร็คคูนที่โดนตัดต่อพันธุกรรมทั้งร่างกายและสมอง ทำให้มันสามารถปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ โดยในภาคนี้ยังได้แบรดลีย์ คูเปอร์กลับมาให้เสียงพากย์อีกครั้ง
ขณะที่เบบี้กรูทนั้น เขาไม่มีความทรงจำของกรูทที่เป็นผู้ใหญ่และเขาเป็นเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ทำอะไรยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ภาษาสักเท่าไหร่ ตัวละครนี้ยังคงได้วิน ดีเซลกลับมาให้เสียงพากย์อีกครั้ง
7.การกลับมาอีกครั้งของยอนดู
ยอนดู ถือว่าเป็นตัวละครที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และตัวหนังได้ปูทางหลายๆอย่างไว้ในภาคแรก ว่ายอนดูคือใคร เขาเป็นคนดีในแบบนึงและเป็นคนไม่ดีในอีกแบบนึง ไมเคิล รูเกอร์ เหมาะมากที่จะมารับบทนี้ เพราะเราคาดเดาไม่ได้เลยว่า เขาจะต่อยคุณหรือเขาจะเข้ามากอดคุณกันแน่ มิตรภาพของปีเตอร์ ควิลล์ และยอนดูคือความสัมพันธ์หลักของหนังภาคนี้
8.เพลงประกอบ VOL.2
Guardians of the Galaxy Vol. 2 เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น อารมณ์ขัน และการแสดงอันเยี่ยมยอดมันยังถูกเติมเต็มด้วยเทปรวมฮิตและเพลงประกอบใหม่ๆ เพลงที่นำมาใช้ประกอบเมื่อเทียบกับภาคแรกแล้วจะมีโทนดนตรีที่มีความหรูหรามากกว่า แต่ถือได้ว่าเป็นการรวมเพลงที่น่าสนใจ ในภาคแรกเรานำเอาเนื้อเพลงเข้ามารวมอยู่ในสคริปต์เป็นการเล่าเรื่อง แต่ละเพลงตรงกับฉากของเรื่อง อาทิเพลงอย่าง Yusuf / Cat Stevens – ‘Father and Son’, The Sneepers featuring David Hasselhoff – ‘Guardians Inferno’ หรือ George Harrison – ‘My Sweet Lord’ เป็นต้น
9.เจมส์ กันน์ กับโทนหนังภาคนี้
เจมส์ กันน์ ผู้กำกับจากหนังภาคก่อนยังคงกลับมารับหน้าที่ในการเล่าเรื่องราวในหนังหนังภาคต่อ โดยเขาอยากให้ภาพยนตร์ในภาคนี้ให้ความรู้สึกย้อยไปถึงช่วงต้นของนวนิยายทุนต่ำ ในยุค 1950 และ 1960 เขาจึงค้นคว้าจากงานศิลปะแบบวินเทจของ วอลลี่ วู้ด และหนัง “แฟลช กอร์ดอน” ในปี 1980 ซึ่งได้สานต่อใจความของภาคแรกและพามันไปสู่สถานที่อื่น
10.ฉากมากกว่าแต่สถานที่น้อยกว่า
ภาค 2 ทีมผู้สร้างได้ย้ายการถ่ายทำทั้งหมดไปอยู่ที่ ไพน์วู้ด แอตแลนต้า สตูดิโอส์ ใน ฟาเยตตวิลล์, จอร์เจีย ด้วยโรงถ่ายกว่า 18 โรง ทำให้กลายเป็นสตูดิโอส์คอมเพล็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ตั้งอยู่นอกฮอลลีวูด Guardians of the Galaxy Vol. 2 ค่อนข้างยากในแง่ของการออกแบบงานสร้างมากกว่าภาค 1 เพราะเรามีฉากมากกว่าแต่สถานที่น้อยกว่า ดาวโซเวอร์เรนมีความเป็นงานศิลปะของยุค 1950 บนการออกแบบงานตกแต่งในยุค1930 อย่างชัดเจน ฉากอีเล็คเตอร์ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก ใช้ได้จริง 100% เป็นฉากที่ใช้ได้หลายแบบ มีการตกแต่งภายในยานแบบ 360 องศา และฉาก ไอรอน โลตัส ที่เป็นบาร์โปรดของเหล่าราเวนเจอร์ส
@PRETTYPLASALID
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ