8 เรื่องน่ารู้ก่อนดู King Arthur: Legend of the Sword
ตำนานของกษัตริย์ คิง อาเธอร์ คือหนึ่งในวรรณกรรมระดับโลกที่ถูกดัดแปลงในหลากหลายรูปแบบ โดยทุกครั้งที่มีการสร้างออกมาก็มักจะได้รับความสนใจอยู่เสมอ และครั้งนี้เรื่องราวของกษัตริย์ผู้สามารถดึงดาบออกมาจากก้อนหินได้ จะถูกนำมาเล่าใหม่อีกครั้งภายใต้ฝีมือการกำกับภาพยนตร์ของ กาย ริชชี่ และนี่คือ 8 เรื่องราวที่คุณควรรู้ก่อนดู King Arthur: Legend of the Sword
1.เรื่องราวของคิง อาเธอร์สมัยเด็ก
ในเวอร์ชั่นนี้หนังจะเริ่มต้นเล่าเรื่องเมื่อพระบิดาของอาร์เธอร์ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่เขายังเล็ก วอร์ทิเจิร์น อาของอาร์เธอร์ จึงยึดบัลลังก์มาเป็นของตน อาร์เธอร์ถูกริบสิทธิ์แต่กำเนิดและไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นใคร เขาเติบโตมาอย่างปากกัดตีนถีบในย่านเสื่อมโทรมของเมือง แต่เมื่อเขาดึงดาบขึ้นมาจากหิน ชีวิตของเขาก็กลับตาลปัตรและเขาก็ต้องยอมรับชาติกำเนิดที่แท้จริงของตน
2.การก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในมุมมองของผู้กำกับ
ผู้กำกับอย่างกาย ริชชี่ คิดว่าเรื่องเล่าที่ดี มักให้คนออกเดินทางเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง ให้เขาได้พัฒนาจากอุปนิสัยขั้นพื้นฐานกลายเป็นผู้ที่สมควรก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่” ริชชีกล่าว เขาร่วมเขียนบทและอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ ในเวอร์ชั่นของนี้ ชีวิตของอาร์เธอร์เริ่มต้นจากการเป็นคนต่ำต้อย เป็นเด็กยากจนที่อาศัยอยู่ในซ่อง วิ่งเล่นตามถนน ฝึกต่อสู้และหลบหลีกกฎหมายกับเพื่อนฝูง จากนั้นการกระทำของคนอื่นๆ ซึ่งบางคนก็มีเจตนาดีและบางคนก็มีเจตนาไม่ดีนัก ก็ได้บังคับให้เขาต้องขยายขอบเขตศักยภาพของตัวเอง
3.นี่ไม่ใช่คิง อาเธอร์ในแบบที่เคยดูมา
ตามความเห็นของมือเขียนบทภาพยนตร์อย่าง อกีวา โกลด์สแมน มองว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวของกษัตริย์อาร์เธอร์ฉบับที่พ่อของคุณเคยดูมาอย่างแน่นอน ตัวละครนี้เขาไม่ใช่คนที่นำดาบออกจากหินด้วยความกระวนกระวายใจว่า จะเป็นเรารึเปล่า จะใช่เรารึเปล่านี่เป็นคนที่คิดว่า เรามาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย ขออย่าให้เป็นเราเลย ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าการดึงดาบออกมาได้จะมีความหมายอย่างไรต่อตัวเขาด้วยซ้ำ แค่รู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่น่าพอใจแน่ แล้วเขาก็คิดถูก
4.การดัดแปลงเรื่องราวในแบบฉบับใหม่
เรื่องราวของกษัตริย์อาร์เธอร์นั้นมีมากมายหลายเวอร์ชั่น ตั้งแต่เรื่องที่ให้เขาเป็นนักรบเซลติกจนถึงเป็นทหารนายกองโรมัน ตำนานได้รับการเล่าขานสืบต่อกันมาและถูกดัดแปลงให้เหมาะสมกับเงื่อนไขในแต่ละยุคสมัย เนื่องจากเรื่องนี้ผ่านการตีความที่หลากหลายมาตั้งแต่แรก ทีมงานจึงเลือกปรับเรื่องราวให้เข้ากับคนยุคนี้ แน่นอนว่าเรื่องราวของกษัตริย์อาร์เธอร์คงไม่สมบูรณ์หากขาดเวทมนตร์ ทว่าแทนที่จะมีแต่มังกร ทีมผู้สร้างกลับต้องการสร้างสรรค์โลกในตำนานที่แปลกใหม่มีเอกลักษณ์พร้อมด้วย ช้างตัวยาวกว่าสนามฟุตบอลและงูตัวใหญ่เท่ารถไฟใต้ดิน
5.พ่อมดเมอร์ลิน ตัวละครเล็กๆแต่สำคัญมาก
ตัวละครเมอร์ลิน(คามิล ลีไมซีสกี้) มีอิทธิพลต่อเรื่องราวแม้ว่าแทบจะไม่ปรากฏในเรื่องเลยก็ตาม เมอร์ลินเป็นผู้นำเวทมนตร์มาสู่ตำนานกษัตริย์อาร์เธอร์ แต่ทีมงานต้องการวาดภาพใหญ่ที่ครอบคลุมแนวคิดเรื่องเวทมนตร์อย่างที่ผู้ชมไม่เคยเห็นกันมาก่อน ลองนึกถึงเรื่องราวความเป็นมาเบื้องหลังโลกอันกว้างใหญ่ของเมอร์ลิน ว่าเหล่านักเวทย์อาจมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างไรในโลกของมนุษย์ รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการกระทำของคนเหล่านี้ ถึงอย่างไรหนังเรื่องนี้ก็เป็นการนำเสนอภาพยุคกลาง ผ่านเลนส์ของผู้กำกับกาย ริชชี เพราะฉะนั้นคาดหวังได้ว่าจะพบความน่าประหลาดใจในหนังเวอร์ชั่นนี้
6.ศึกระหว่างอาหลาน
ตัวละครวอร์ทิเจิร์น อาของอาร์เธอร์ ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง จู๊ด ลอว์ มาสวมบทนี้ ศึกแก่นของหนังในเวอร์ชั่นนี้ที่นำมาซึ่งฉากต่อสู้นั้นเริ่มต้นมาจากเรื่องที่ว่าแต่ละฝ่ายจะยอมทำมากแค่ไหนเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย อันที่จริงวอร์ทิเจิร์นคงไม่ต้องมาตกที่นั่งลำบาก ถ้าไม่ใช่เพราะความทะนงตนและความทะเยอทะยานอันไม่มีที่สิ้นสุดได้ผลักดันเขาให้ออกค้นหา “กษัตริย์แต่กำเนิด” ถ้าเพียงแต่เขาปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไป หลานชายของเขาก็คงไม่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ดังที่ตัวอาร์เธอร์เองก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าเขาไม่เคยมีอำนาจใดๆ และไม่ได้อยากได้อำนาจนั้นด้วย
7.ฉากแอ็คชั่นตื่นเต้นระทึกใจ
นอกจากฉากเวทมนตร์อันน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ฉากแอ็คชั่นก็เป็นส่วนสำคัญในหนังเรื่องนี้ ม่ว่าจะเป็นการยิงธนู การฟันดาบเข้าห้ำหั่นกัน การวิ่งลัดเลาะผ่านตรอกซอกซอยในเมือง รวมทั้งการผสมผสานระหว่างศิลปะการต่อสู้กับการใช้กำปั้นเปล่าๆ ทั้งหมดนี้นำเสนอท่ามกลางฉากทิวทัศน์อันชวนตื่นตาของสหราชอาณาจักรทั้งในเวลส์และสก็อตแลนด์ ตลอดจนโรงถ่ายลีฟส์เดนอันกว้างใหญ่ของ Warner Bros. พร้อมด้วยดนตรีประกอบสุดเร้าใจ
8.ถอดรหัสความรู้สึกของคิง อาเธอร์
อาร์เธอร์ซึ่งเติบโตในซ่องโสเภณีในย่านที่อาจเรียกได้ว่าเป็นย่านเสื่อมโทรมของเมือง เขาวิ่งไปตามตรอกซอกซอยในเมืองกับแก๊งค์เพื่อนๆ โดยไม่เคยล่วงรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตน แต่ด้วยความโชคร้าย อาร์เธอร์ถูกส่งตัวไปยังปราสาทคาเมล็อตเพื่อเข้ารับการทดสอบเช่นเดียวกับชายหนุ่มทุกคนในวัยนั้น นั่นคือการทดสอบดึงดาบออกจากหิน สำหรับคนส่วนใหญ่มันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า เพราะมีชายเพียงคนเดียวในหมู่พวกเขาที่จะทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาอาร์เธอร์เป็นคนยากจนมาตลอด เขาต้องไขว่คว้าเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่เคยได้รับอะไรจากใคร ผู้รับบทบาทนี้อย่างชาร์ลี ฮันแนม มองตัวละครที่เขากำลังสวมบทบาท อีกทั้งตัวละครตัวนี้มีธรรมชาติความเป็นผู้นำมากกว่าที่ตัวเขารู้ และเขาก็จะได้รู้ตลอดเรื่องราวในหนัง อาร์เธอร์ทั้งมีเสน่ห์และเจ้าเล่ห์ เป็นทั้งผู้ปกป้องและอันธพาลในเวลาเดียวกัน และเป็นคนหัวไวเพราะความจำเป็นจากการใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบด้วย
@PRETTYPLASALID
ตัวอย่าง King Arthur: Legend of the Sword
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ