10 เรื่องน่ารู้ก่อนดู Pirates of the Caribbean: Salazar’s Revenge
1.การทวงแค้นของกัปตันซาลาซาร์
กัปตันแจ็คผู้อับโชคกำลังรู้สึกเหมือนว่าสายลมแห่งหายนะกำลังพัดผ่านมาทางเขาในตอนที่กะลาสีปีศาจ ที่นำโดยกัปตันซาลาซาร์ผู้น่าสะพรึงกลัวได้หนีออกมาจากสามเหลี่ยมปีศาจ ด้วยความมุ่งหมายที่จะสังหารโจรสลัดทุกคนในน่านน้ำ โดยเฉพาะแจ็ค ความหวังในการรอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของแจ็คอยู่ที่ตรีศูลแห่งโพไซดอนในตำนาน แต่ในการตามหาสิ่งของชิ้นนี้ให้เจอ เขาจำเป็นต้องผูกมิตรกับคาริน่า สมิธ นักดาราศาสตร์สาวสวยผู้ปราดเปรื่องและเฮนรี่ กะลาสีหนุ่มหัวดื้อแห่งราชนาวี ด้วยเรือดาย์อิ้ง กัล (นกนางนวลใกล้ตาย) ที่เล็กและซอมซ่ออย่างน่าสมเพชของเขา กัปตันแจ็คไม่เพียงแต่ต้องการจะพลิกโชคชะตาที่ตกอับของเขาเท่านั้นแต่เขายังต้องการรักษาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองให้พ้นจากศัตรูที่น่าหวั่นสะพรึงและร้ายกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญหน้ามาอีกด้วย
2.การกลับมาของนักแสดงดั้งเดิม
นักแสดงหน้าเดิมจากภาคก่อนที่กลับมาได้แก่
จอห์นนี่ เดปป์ ที่กลับมารับบทแจ็ค สแปร์โรว์ โจรสลัดผู้รักอิสระเสรี
จอฟฟรีย์ รัช กลับมาอีกครั้งในบทกัปตันบาบอสซ่า ผู้ซึ่งตอนนี้ได้บัญชาการเรือควีน แอนส์ รีเวนจ์ ซึ่งเป็นเรือเก่าของแบล็คเบียร์ด และนั่งเสวยสุขบนกองเงินกองทอง
เควิน อาร์. แม็คเนลลี ในฐานะโจชมี กิ๊บส์ ต้นหนของแจ็ค ผู้เล่าขานตำนานจอมโม้และตัวเขาเองก็คุ้นเคยกับขวดเหล้ารัมไม่ต่างกัน
3.วายร้ายคนใหม่
ฮาเวียร์ บาร์เด็ม ผู้นำสไตล์ทดลองที่ท้าทายของเขามาสู่การสร้างบทผู้ร้ายที่มีมิติประกบกัปตันแจ็ค กัปตันซาลาซาร์ผู้น่าสะพรึงกลัว ผู้เป็นที่รู้จักนามของ “เอล มาทาร์ เดล มาร์” (“นักฆ่าแห่งท้องทะเล”) ซาลาซาร์ พร้อมด้วยกะลาสีปีศาจของเขา ได้หมายมั่นปั้นมือที่จะสังหารโจรสลัดทุกคนให้พ้นจากน่านน้ำแคริบเบียน ไม่เพียงแต่เพราะความภักดีต่อราชวงศ์สเปนของเขาเท่านั้น แต่ยังเพราะความแค้นที่เขามีต่อโจรสลัดคนหนึ่งเป็นพิเศษอีกด้วย
4.ณเดชเวอร์ชั่นอินเตอร์
เบรนตัน ธเวทส์ (หลังจากที่เขาแสดงใน Gods of Egypt ก็มีแฟนคลับชาวไทยบอกว่าหน้าเขาเหมือนกับณเดช คูกิมิยะราวกับแฝด) ผู้สร้างความประทับใจให้กับทีมผู้สร้างจากภาพยนตร์เรื่อง “The Giver” และ “Son of a Gun” ได้รับบท เฮนรี่ ทหารหนุ่มในราชนาวี ผู้ออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือพ่อที่เขาแทบจะไม่รู้จักให้รอดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้าย สำหรับธเวทส์ ความตื่นเต้นในการได้รับเลือกให้แสดงใน “Salazar’s Revenge” ถูกยกระดับขึ้นไปอีกด้วยความจริงที่ว่าเขายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ในตอนที่ภาคแรกเข้าฉาย และเขาก็เป็นแฟนของแฟรนไชส์นี้ตั้งแต่นั้นมา
5.จาก Maze Runner สู่สาวชาวเรือ
คายา สโคเดลาริโอ นักแสดงชาวอังกฤษ ผู้ใช้ความโด่งดังจากซีรีส์ “Skins” และหนังแฟรนชายส์อย่าง The Maze Runner ของเธอให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้รับเลือกให้รับบท คาริน่า นักดาราศาสตร์และนักคณิตกรสาวคนเก่งและดื้อรั้น ความงามของเธอเลิศเลอไม่แพ้ความเฉลียวฉลาดและความอดทนของเธอเลยล่ะ แทนที่จะเป็นดาบหรือกริช “อาวุธ” ของเธอกลับเป็นไดอารี่ของกาลิเลโอ ที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้เธอโดยพ่อที่เธอไม่เคยได้รู้จัก มันเป็นหนังสือแนะนำกลุ่มดาว ซึ่งอาจจะกลายเป็นกุญแจนำไปสู่สมบัติที่ล้ำค่าที่สุด...สมบัติที่รวบรวมพลังของท้องทะเลทั้งมวลเอาไว้ก็ได้
6.สำรวจน่านน้ำแห่งใหม่
ทีมงานก็เลือกที่จะตั้งกองที่สวรรค์ของนักท่องเที่ยว โกลด์ โคสต์ในรัฐควีนส์แลนด์ ทางชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย และกองถ่ายยังเดินทางไปยังโลเคชั่นอื่นๆ อาทิทั่วชายฝั่งออสเตรเลียด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะชายหาดมอร์ตัน, เขตอนุรักษ์เลนน็อกซ์ เฮดแลนด์, เฮสติ้ง พอยท์, ภูเขาแทมบอริน และหมู่เกาะวิทซันเดย์ที่โด่งดัง ก่อนที่จะเข้าเทียบท่าที่แวนคูเบอร์ รัฐบริติช โคลัมเบีย เพื่อการถ่ายทำช่วงสุดท้าย 13 วัน
7.สิ่งปลูกสร้างและเรือเดินสมุทร
ทีมงานต้องออกแบบและสร้างสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก ตั้งแต่หมู่บ้านแคริบเบียนทั้งหมด ไปจนถึงสุสานของเทพเจ้าที่ก้นบึ้งมหาสมุทร รวมถึงเรือสิบสามลำ ซึ่งบางลำมีความยาว 160 ฟุต รวมถึงเรือแบล็ค เพิร์ลและควีน แอนส์ รีเวนจ์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และ เรือไซเลนต์ แมรี่ เรือยักษ์ซึ่งเป็น “ปราสาทสเปนลอยได้” ของกัปตันซาลาซาร์ โดยมีป้อมปราการและหอคอยอยู่ตรงด้านหลัง ปืนใหญ่ที่หมุนได้อยู่บนดาดฟ้าเรือและรูปปั้นอัศวินยุคกลางสวมเกราะเต็มยศประดับประดาอยู่เต็มดาดฟ้าเรือและภายนอก สิ่งที่ห้อยปิดฐานยิงปืนเอาไว้ราวกับผู้พิทักษ์มฤตยูก็คือหัวปีศาจมีเขาสีทอง ราวกับจะเพื่อขู่ขวัญศัตรูหรือพวกโจรสลัดให้กลัวมากยิ่งขึ้น หรืออาจเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงหัวใจที่ดำทมิฬของกัปตันเรือลำนี้ก็เป็นได้ ทั้งในเวอร์ชันก่อนและหลังเป็นวิญญาณ รวมถึงเรือของราชนาวีอังกฤษ เรือโจรสลัดและดายอิ้ง กัล เรือซอมซ่ออย่างน่าสมเพช
8.สองผู้กำกับชาวนอร์เวย์
โยคิม รอนนิ่ง และ เอสเพน แซนด์เบิร์กสองผู้กำกับชาวนอร์เวย์ ซึ่งทั้งสองคนมักกำกับหนังร่วมกันอยู่เสมอ และทั้งคู่โด่งดังมีชื่อเสียงมาจากหนังเรื่อง Bandidas ที่นำแสดงโดยสองสาวฮอตอย่างแซลม่า ฮาเย็คและเพเนโลเป้ ครูซ แต่ผลงานเรื่องสำคัญที่ทั้งคู่กำกับหนังนอร์เวย์เรื่อง Kon-Tiki (2012) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของนักสำรวจชาวนอร์เวย์ที่ใช้แพไม้เดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกกว่า 4300 ไมล์ในปี 1947 ก่อนจะได้รับการเสนอชื่อเข้ารางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม เป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอดิสนีย์เลือกทั้งสองมากำกับแฟรนชายส์โจรสลัดในครั้งนี้
9.ทำเงินในทุกภาคที่เข้าฉาย
Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl (2003) สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งสิ้น 654 ล้านเหรียญสหรัฐ
Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest (2006) สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งสิ้น 1,066 ล้านเหรียญสหรัฐ
Pirates of the Caribbean: At World’s End” (2007) สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งสิ้น 963 ล้านเหรียญสหรัฐ
Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides (2011) สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งสิ้น 1,045 ล้านเหรียญสหรัฐ
เรียกได้ว่าเป็นแฟรนชายส์หนังที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในทุกภาคที่ออกฉาย แม้จะสวนทางกับคำวิจารณ์ที่ว่ายิ่งสร้างหนังยิ่งออกทะเลไปไกลแบบกู่ไม่กลับ
10.เครื่องแต่งกายนับพันชุด!
นอกจากบรรดานักแสดงจะกลับมาในแฟรนชายส์นี้อย่างพร้อมหน้า เพ็นนี โรส คอสตูม ดีไซเนอร์ก็กลับมาพร้อม ช่างตัดเย็บชาวออสเตรเลีย 30 ชีวิตในแผนกของเธอ ซึ่งส่วนมากมาจากวงการละครเวทีและโอเปรา และได้รับการสนับสนุนจากกองทัพช่างตัดเย็บ ศิลปินเท็กซ์ไทล์ ช่างเก็บงานศิลป์ ช่างตัด ช่างย้อม ช่างเย็บและผู้ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ โรสและทีมงานได้ใช้งานซาวน์สเตจพื้นที่ 15-20,000 ตารางฟุตที่วิลเลจ โร้ดโชว์ สตูดิโอส์ ในโกลด์ โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถูกใช้เป็นโกดังเก็บเสื้อผ้า หมวก รองเท้าและเครื่องประดับกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งทุกชิ้นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามชื่อ ประเภท เพศและอายุของตัวละคร
ตัวอย่าง Pirates of the Caribbean: Salazar’s Revenge
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ