[รีวิว]Wonder Woman แกล สวยเกิ๊น หนังก็ห่วงเด็กเกิ๊น
การปรากฏตัวครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ ในฐานะซูเปอร์ฮีโร่หญิงแถวหน้าทางฝั่งดีซี หลังจากชิมลางแนะนำตัวเองไปแล้วใน Batman V Superman และได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี กับการได้สาวแกล กาด็อต นางงามอิสราเอล หน้าสวยสูงยาวมาสวมชุดเจ้าหญิงอเมซอนได้เข้าตาเอามาก ๆ วอร์เนอร์จึงมั่นใจกับการเปิดไฟเขียวให้กับโปรเจ็คต์แยกเดี่ยว Wonder Woman เป็นเบอร์แรกของปี 2017 และเมื่อเป็นฮีโร่ฝ่ายหญิงวอร์เนอร์ก็ตัดสินใจสร้างมุมมองแบบหญิง ๆ ด้วยการใช้ผู้กำกับหญิงมารับหน้าที่ ก็ได้แพตตี้ เจนกินส์ ที่เคยมีเครดิตดีมาจาก Monster หนังที่ส่งให้ชาลิซ เธียรอน คว้าออสการ์นำหญิงปี 2004
หนังเปิดเรื่องด้วยบรรยากาศภาพที่แตกต่างจากบรรดาหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่คุ้นตากัน ด้วยการย้อนไปเล่าจุดกำเนินของไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเผ่าอเมซอนที่อยู่บนเกาะลึกลับ เป็นเผ่าที่มีแต่นักรบหญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเทพซูสเพื่อเตรียมรับมือกับแอรีส ลูกชายของซูสที่เป็นเทพแห่งสงครามหลังจากโดนซูสกำจัดไปแล้วในอดีตกาล และอาจจะกลับมาสร้างวิกฤตให้กับโลกมนุษย์อีกครั้ง ไดอาน่าปรากฎตัวในภาพเด็กน้อยที่มีความสนใจอยากฝึกฝนการต่อสู้ จึงได้รับการฝึกสอนจากแอนทีโอพีน้าสาวจนแข็งแกร่ง เราได้เห็นไดอาน่าในสามช่วงวัย จากเด็กน้อยเป็นเด็กโตแค่ไม่กี่นาที แล้วก็กลายเป็นแกล กาด็อตที่โชว์ลีลาเหาะเหินให้ดู ไม่นานผู้พันเทรเวอร์ก็ปรากฎตัวมา เครื่องบินของผู้พันตกใกล้เกาะอเมซอนไดอาน่าเห็นเหตุการณ์และช่วยชีวิตเทรเวอร์ไว้ได้ และตามมาด้วยฉากต่อสู้ของเหล่านักรบหญิงอเมซอน เป็นฉากรบฉากแรกที่ลากยาวและเต็มไปด้วยแอ็คชั่นเท่ ๆ ของเหล่านักรบรุ่นป้า ชาวอเมซอนได้ทราบเรื่องราวของสงครามโลกที่เกิดจากการรุกรานของลูเดนดอร์ฟนายพลเยอรมัน ไดอาน่ามั่นใจว่านายพลคือร่างหนึ่งของแอรีสและขอติดตามเทรเวอร์ออกไปกำจัดนายพล เราก็เลยได้เห็นซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นผู้หญิงวิ่งนำผู้ชายเป็นฝูง
ช่วงที่ไดอาน่าเหยียบย่างเข้าสู่ลอนดอน เปิดโอกาสให้หนังสอดแทรกอารมณ์ขันได้มากขึ้น กับมุกป้ำเป๋อแบบบ้านนอกเข้ากรุงของไดอาน่าที่ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกสิ่งทีได้พบเห็น ฉากลองชุดได้โชว์มาดนางแบบของแกลให้ได้เห็นกันชัด ๆ สวยทุกชุดจริง ๆ ช่วงนี้หนังได้เอ็ตต้า ผู้ช่วยของเทรเวอร์มาช่วยเติมมุกให้ได้ขำเล็ก ๆ กันบ้าง หนังเปิดตัวละครอีก 3 นาย ในฐานะเพื่อน ๆ ของเทรเวอร์ที่จะร่วมทีมเฉพาะกิจไปสังหารลูเดนดอร์ฟ แรกทีดูเหมือนทั้ง 3 จะมาช่วยเพิ่มสีสันให้กับหนังด้วยความสามารถที่แตกต่างทั้งสไนเปอร์มือฉมัง พรานอินเดียนแดง และอดีตคอมมานโดที่ผ่านมาหลายศึก แต่จนแล้วจนรอดทั้ง 3 ก็ไม่ได้มีซีนที่ได้โชว์ความสามารถแต่อย่างใด
ชั่วโมงสุดท้ายหนังเข้าสู่โหมดแอ็คชั่นแบบเต็มตัว นับตั้งแต่นาทีที่ไดอาน่าในชุดวันเดอร์วูแมนวิ่งลุยเดี่ยวเข้าสู่สนามรบ และนับเป็นฉากที่ดีที่สุดเท่ที่สุดในเรื่องแล้ว จากนี้เราก็ได้เห็นไดอาน่าโชว์ฉากต่อสู้อีกหลายฉาก แต่ละฉากชื่นชมว่าออกแบบท่าทางการต่อสู้ออกมาได้พลิ้วไหวสวยงาม แต่ที่ผิดหวังคือไคลแมกซ์ของเรื่องที่ไดอาน่าต้องเจอกับบอส1 และการเผยตัวของบอส 2 ที่เหมือนจะเป็นเซอร์ไพรซ์ของเรื่องแต่กลับพาเรื่องไปแบบค่อนข้างหลุดโลก จบด้วยฉากต่อสู้ด้วยการยิงแสงสีที่ปราศจากความรู้สึกตื่นเต้นและร่วมลุ้นแต่อย่างใด แต่น่าจะตื่นตาสำหรับผู้ชมรุ่นเล็ก ที่หนังดูจะห่วงใยผู้ชมกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อยถึงได้ออกมาเป็นเรต PG-13 กลายเป็นหนังที่ขาวสะอาดปราศจากมลพิษ ไม่มีเลือดให้เห็นแม้แต่หยดเดียว ไม่มีคำสบถให้ได้ยินสักคำ ฉากที่ดูแล้วน่าจะล่อแหลมสุดกับเรต Pg-13 ก็คือฉากเปลือยของคริส ไพน์ ที่มีเพียงมือกุมจุ๊ดจู๋ไว้แค่นั้น ผู้สร้างคงนึกว่ามีแบบนี้บ้างนะเพื่อเอาใจผู้ชมฝ่ายหญิง
การได้แกล กาด็อต มาใส่ชุดวันเดอร์ วูแมน นับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสุด ด้วยหุ่นนางแบบและความสูงถึง 178 ซม. แกล ดูทั้งแข็งแกร่งและสูงเพรียว การปรับเปลี่ยนชุดฟอร์มดั้งเดิมให้ดูทะมัดทะแมงดุดันขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์เสื้อเกาะอกและกระโปรงสั้นไว้ แกล สวยได้ทุกนาทีที่อยู่บนจอ กล้องก็ขยันโคลสอัพหน้าเธอบ่อย ๆ ด้วย เวลายิ้มให้กล้องโชว์ฟันขาว ๆ เรียงสวย เรียกได้ว่าสะกดคนดูได้อยู่ทั้งชายและหญิง ฉากเปิดตัวในชุดวันเดอร์วูแมนครั้งแรกก็ดูเท่และสง่า ในช่วงท้าย ๆ ของการถ่ายทำแกลตั้งท้องลูกคนที่สองแล้วด้วย จนช่วงที่เธอกลับเข้าฉากเพื่อถ่ายซ่อมเธอก็ท้องป่องได้ 5 เดือนแล้ว ทีมงานต้องแปะกรีนสกรีนที่ท้องเธอและไปลบออกในขั้นตอนซีจี
สรุป หนังพยายามหาทางแปลกใหม่ด้วยการดำเนินเรื่องราวบนบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเรื่องราวย้อนยุคไม่ค่อยจะเป็นแนวที่ถูกใจคนดูนัก เห็นได้จาก Captain America: The First Avenger (2011) ที่เปิดเรื่องด้วยสงครามในอดีตก็ทำรายได้อยู่ในท้ายตารางของหนังมาร์เวล แล้วเสริมด้วยเรื่องราวเทพฝรั่งเข้าไปอีกเลยได้อารมณ์แบบ Immortal และ Percy Jackson ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รสชาติแปลกตา สวยงาม บนเส้นเรื่องที่ค่อนข้างราบเรียบไม่มีสถานการณ์พลิกผันให้เห็นฝ่ายดีได้ตกอยู่ในสถานการณ์ให้น่าเอาใจช่วย มีมุกขำขันแทรกอยู่พองาม ลงท้ายด้วยไคลแมกซ์ที่ดูมีความเป็นการ์ตูนมากและน่าจะถูกใจกับผู้ชมรุ่นเล็กที่เห็นยอดมนุษย์ฝ่ายดีฝ่ายร้ายมาปล่อยแสงใส่กัน คลอด้วยดนตรีฮึกเหิม “Is She With You” เพลงเปิดตัว Wonder Woman จากหนัง Batman V Superman ที่กลายมาเป็นธีมประจำตัวและถูกนำมาเรียบเรียงอีกหลายเวอร์ชั่นเพื่อมาทำหน้าที่ดนตรีประกอบในหลาย ๆ ฉาก หนังมีฉากเอนด์เครดิตท้ายสุดเป็นการปรากฎตัวของซูเปอร์แมน ผู้เขียนไม่ได้อยู่ดูนะครับ
เสริมท้ายด้วยเกร็ดไม่ต้องรู้ก็ได้จากหนัง
เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่เพศหญิงเรื่องแรกในรอบ 12 ปี ก่อนหน้านี้คือ Elektra (2005) มีความพยายามสร้าง Wonder Woman มาตั้งแต่ปี 1996 เปลี่ยนหน้าผู้กำกับมาหลายหน้าทั้ง อีวาน ไรท์แมน (Ghostbuster) และ จอส วีดอน (The Avengers)
โคบี้ สมัลเดอร์
โคบี้ สมัลเดอร์ เคยถูกพิจารณาให้มาเป็น Wonder Woman แต่แล้วโครงการก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง เธอเลยย้ายไปเป็นเอเย่นต์มาเรีย ฮิลล์ ฝั่งมาร์เวลใน The Avengers รายชื่อนักแสดงที่เคยผ่านการพิจารณาให้มาสวมชุดวันเดอร์วูแมน ล้วนแล้วแต่แถวหน้าในวงการทั้งนั้น เคต เบคกินเซล , แองเจลีนา โจลี , เจสซิกา บีล , ซานดรา บูลล็อค , อีวา กรีน , โอลกา คูรีเอนโก และ คริสเต็น สจ๊วต
คริสติน่า เฮนดริคส์ จะต้องเป็นวันเดอร์วูแมนที่อึ๋มมาก
นิโคลาส ไวน์ดิ้ง เรฟน์ (Drive , Only God Forgives) เคยเสนอตัวมากำกับ Wonder Woman และอยากให้ คริสตินา เฮนดริคส์ มารับบทไดอาน่า
เอเดรียน พาลิคกิ wonder woman เวอร์ชั่นหนังสั้น
แกล กาด็อต เป็นดาราคนที่ 4 ที่ได้สวมบท Wonder Woman , คนแรกคือ ลินดา คาร์เตอร์ ในทีวีซีรีส์ 1975-1979 , คนที่สองคือ เดเดรียน พาลิคกิ (John Wick) ได้สวมชุดแล้วในปี 2011 แต่โครงการหนังถูกยกเลิก , คนที่สาม รีลีห์ แวนเดอร์บิลต์ ได้เล่นในหนังสั้นปี 2013 วอร์เนอร์ ทุ่มงบโปรโมตหนัง Wonder Woman สูงที่สุดในกลุ่มหนังจากจักรวาลมาร์เวล ด้วยงบถึง 3 ล้านเหรียญ รองลงมาคือ Suicide Squad ที่ 206 ล้านเหรียญ