ดูแล้วบอกต่อ Kill Switch ปุ่มสิ้นโลก
Kill Switch หรือในอีกชื่อว่า Redivider ผลงานหนังร่วมทุนสร้างระหว่างสหรัฐอเมริกาและเนเธอร์แลนด์ บอกเล่าเหตุการณ์ในโลกอนาคตอันใกล้ โฟกัสไปที่ตัวละครนักบินอวกาศอย่าง วิล พอร์เตอร์ (แดน สตีเว่น) ที่ได้ว่าจ้างจากบริษัทพลังงานชื่อดังอย่างอัลเตอร์เพล็กซ์ ซึ่งล่าสุดได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าหอคอยพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานควอนตั้มที่เป็นพลังงานบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล ให้ทำหน้าที่บางอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามจักรวาล
อันที่จริงชื่อหนังภาษาอังกฤษนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นการเปิดเผยพล็อตสำคัญของหนังทั้งเรื่องแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะต้องกั๊กอีกต่อไปที่จะเล่าว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่ตัวเอกของเรื่องนั้น โดนว่าจ้างแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่ากล่องที่เขาต้องพกพาและเดินทางมายังโลกคู่ขนานหรือที่เรียกว่า “ดิ แอ็คโค่” เพื่อนำกล่องดังกล่าวไปไว้ที่ฐานของหอคอยพลังงานนั้น แท้ที่จริงแล้วคือปุ่มที่ใช้ระเบิดโลกคู่ขนานเพื่อทำให้โลกอีกใบสามารถยังอยู่รอดได้ และเขาก็เพิ่งเข้าใจตอนได้รู้ความจริงว่า “อ้าว ตายล่ะนี่มันเป็นภารกิจฆ่าตัวตายนี่หว่า”
ปัญหาสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คือบทภาพยนตร์ที่ดูเหมือนจะมีอะไรให้ค้นหา แต่เมื่อลองนำมาเรียบเรียงปะติดปะต่อกันให้ดีแล้วจะพบว่าหนังเต็มไปด้วยรูโหว่ ไม่แพ้กับรูบนฟ้าที่ทำให้เกิดปัญหาของหนังทั้งเรื่องนั่นแหละ เพราะพอดูไปสักพักคนดูก็จะงอกคำถามออกมามากมายว่าถ้าองค์กรพลังงานขนาดใหญ่คิดจะก็อปปี้โลกอีกใบขึ้นมาแบบง่ายๆ ทำไมไม่ยักกะมีกระบวนการจัดการปัญหาหรือคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้า เหมือนคนเขียนบทจะทำหนังวิทยาศาสตร์ แต่คิดวิธีการแก้ไขสถานการณ์เหมือนหนังตลก ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาง่ายๆว่า เฮ้ยถ้าโลกอีกใบมันไม่รอดแล้วก็ส่งคนถือปุ่มกดระเบิดไปที่อีกโลกแล้วกันเป็นอันสิ้นเรื่อง
โชคดีหน่อยที่หนังไม่ได้เล่าเรื่องแบบหนังปกติ ด้วยการให้คนดูเป็นบุคคลที่ 3 ในการสังเกตเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่หนังใช้วิธีการให้เราเป็นตัวละครบุคคลที่ 1 แทนตัวละครวิล ในการรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าว่า มันกำลังเกิดเหตุการณ์อะไรอยู่ แล้วตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับอะไร ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไมตัวละครวิล และคนดูถึงเกิดอาการงงอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะพี่แกเล่นหัวกระแทก โดนระเบิดตูมตาม เลือดลด บาดเจ็บสาหัสกันอยู่หลายรอบ สติสตางค์ก็คงทำงานไม่เต็มที่บ้างแหละ
ข้อดีอีกประการคือหนังมีการออกแบบเทคนิคพิเศษ รวมไปถึงภาพวิชวลโลกอนาคตที่สมจริง แต่พอดูไปสักพักหนังก็มีแต่สถานการณ์เดิมๆเช่นโดรนโจมตี คนโผล่มายิงโดรน วิ่งหนีโดรนกันไปมาซ้ำๆซากๆจนกระทั่งไคลแมกซ์ของเรื่อง อีกทั้งหนังเรื่องนี้ก็ปูตัวละครได้เข้าขั้นจัดได้ว่าแย่ ดูจบแล้วเพิ่งจะเข้าใจความสัมพันธ์ของคนในครอบครัววิล ตอนกลางเรื่องว่า ผู้หญิงและเด็กที่อยู่ในบ้านด้วยกันนั้นไม่ใช่เมียและลูกสาว แต่เป็นน้องสาวและลูกของเธอ แถมการที่หนังไม่ค่อยเล่าถึงเอ่ยถึงตัวละครเหล่านี้ยิ่งทำให้คนดูไม่รู้สึกว่าพวกเขาจะมีความสำคัญอย่างไรกับชีวิตของวิลมากมายขนาดนั้น
จะว่าไป Kill Switch ให้อารมณ์หนังเกรดบีที่ใช้ดูเวลาชีวิตว่างจัด ดูไปทำกิจกรรมอย่างอื่นไป แต่ถ้าถามว่าจะต้องให้จ่ายเงินหลักร้อยกลางๆไปนั่งในโรงหนังแล้วล่ะก็ ลองคิดใหม่อีกรอบก็ไม่สายนะครับ
1.5 คะแนนจาก 5 คะแนน