รำลึกถึง เชสเตอร์ LINKIN PARK กับผลงานบนโลกภาพยนตร์
อีกหนึ่งข่าวช็อคโลกของเช้าวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ขณะที่ผู้เขียนกำลังตรวจงานก่อนเข้านอนเมื่อเวลาประมาณเวลาตี 1 ของวันดังกล่าว บรรดาเว็บไซต์บันเทิงจากต่างประเทศหลายสำนักพร้อมรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักร้องนำวง Linkin Park อย่างหนุ่ม เชสเตอร์ เบนนิงตัน วัย 41 ปีกับการฆ่าตัวตาย แม้เราอาจจะไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าสาเหตุที่แท้จริงลึกๆภายในจิตใจของเชสเตอร์นั้น ทำไมเขาถึงตัดสินใจลาโลกนี้ไปด้วยวัย 41 ปี แต่สื่อฯ ส่วนมากลงความเห็นพ้องต้องกันไปในทางเดียวว่า เชสเตอร์นั้นมีอาการซึมเศร้ามาตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเขาเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศตอนเขามีอายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นผลงานเพลงสตูดิโออัลบั้มล่าสุดของวง Linkin Park อย่างอัลบั้ม One More Light ที่โดนกระแสโจมตีค่อนข้างหนักว่า วงได้สูญเสียอัตลักษณ์ของวงไปมาก เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มค่อนข้างมีความป๊อปจนกลิ่นอายของร็อคและเฮฟวี่เมนทัลได้จางหายไป แต่เมื่อเราลองพิจารณาเนื้อเพลงของแต่แทร็คของอัลบั้มนี้ เราก็จะพบว่าเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มนั้นค่อนข้างมีเนื้อหาหม่นเศร้า และพูดถึงการจากลาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเราคาดได้ว่านี่อาจจะเป็นการกลั่นกรองความรู้สึกของตัวเชสเตอร์เอง ออกมาผ่านทางบทเพลง
อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญคือการที่เชสเตอร์นั้นเป็นเพื่อนสนิทกับนักร้องอย่างคริส คอร์แนลของวง Soundgarden และ Audioslave ที่เพิ่งจะตัดสินใจลาโลกนี้ไปด้วยการฆ่าตัวตายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน ทั้งคู่ต่างบูชากันและเคยร่วมงานทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือวันที่ 20 กรกฎาคม นั้นคือวันเกิดของคริส คอร์แนลพอดิบพอดี ทำให้เราคาดการณ์ได้อีกเช่นกันว่า การที่เชสเตอร์เลือกจะลาโลกนี้ไปในวันเกิดของคริสนั้น เป็นเพราะเขาเสียใจกับการจากไปของเพื่อนสนิท และทำให้อาการซึมเศร้าของตนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ในโลกของแวดวงเสียงเพลง เชสเตอร์ได้ฝากผลงานเพลงดีๆที่เชื่อว่าคนยุค 90 ที่เติบโตมาพร้อมกับเพลงอย่าง IN THE END นั้นน่าจะร้องตามกันได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันนอกจากเชสเตอร์จะมีผลงานด้านดนตรีแล้ว เขายังร่วมแต่งเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ดังมากมายหลายเรื่อง รวมถึงเขายังเคยร่วมแสดงในหนังดังหลายเรื่องด้วยเช่นกัน
ในปี 2006 เชสเตอร์ได้มีโอกาสร่วมแสดงภาพยนตร์กับแอ็คชั่นสตาร์อย่างเจสัน สเตแธม โดยเชสเตอร์นั้นรับแสดงรับเชิญเป็นคนในร้านขายยา ระหว่างที่พระเอกของเรื่องอย่างเชฟ (เจสัน สเตแธม) ต้องการซื้ออะดรีนาลีน หรือเอนิเนฟริน เพื่อกระตุ้นไม่ให้หัวใจของเขาหยุดเต้น แต่เนื่องจากยานี้ไม่สามารถจำหน่ายให้ได้ถ้าไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ เภสัชอีกคนอย่างสโตนเนอร์ (เชสเตอร์) จึงแนะนำให้เขาซื้อยาพ่นจมูกแทน เพราะมันมีส่วนผสมของตัวยาเอนิเนฟริน พี่เชฟเลยเหมาหมดเลย
Crank เป็นหนังแอ็คชั่นบ้าเลือด ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเชฟ นักฆ่าฝีมือดีที่โดนปองร้ายโดนฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือด เขาเหลือเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นในการมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่เขาทำงานพลาดปล่อยให้เป้าหมายหลุดมือไป เพราะเขาต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับแฟนสาวอย่างอีฟ หนทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิตคือการทำให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลีนตลอดเวลา เพื่อให้ยาพิษไปออกฤทธิ์กับหัวใจ
ในปี 2009 เชสเตอร์ได้กลับมาร่วมแสดงภาคต่อของ Crank: High Voltage แต่มาคราวนี้เขาแสดงเป็นคนในสนามมาแข่ง ที่กำลังรอแทงม้าว่าตัวไหนจะชนะ ที่น่าขบขันกว่านั้นคือเจสัน สเตแธมจะต้องมาถูไหล่เพราะต้องชาร์จไฟเข้าร่างกาย รวมถึงคิดว่าเป็นคนที่เขาตามหา เป็นฉากที่เรียกได้ว่าตลกและประหลาดพิลึกจนเชสเตอร์ต้องพูดไดอะล็อก What the F.ck กันเลยทีเดียว
สำหรับ Crank: High Voltage เล่าเรื่องราวต่อมาจากหนังภาคแรกทันที หลังจากที่เชฟ หล่นมาจากเฮลิคอปเตอร์ ร่างเขาก็ยับเยิน แต่สามเดือนต่อมาเขากลับตื่นขึ้นบนเตียงฝ่าตัดและค้นพบว่าเขาถูกศัลยแพทย์ชาวจีนผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจเทียมที่ต้องชาร์จพลังงานจากแบตเตอรี่เข้าไปแทน ปัญหาคือหัวใจนี้ต้องได้รับการชาร์จไฟสม่ำเสมอ แต่เขาดันทำเข็มขัดแบตเตอรี่หาย ทำให้เชฟต้องทำทุกวิถีทางทำให้ร่างกายของเขามีไฟ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีร่างกายหรือเอานิวแหย่ปลั๊กไฟ ยังไม่รวมไปถึงการที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจากเหล่าอาชญากรที่ต้องการกำจัดเขา
ในปี 2010 เชสเตอร์ร่วมแสดงในหนังสยองขวัญสุดโหดอย่าง Saw 3D: The Final Chapter ซึ่งเคยมีการประกาศว่านี่จะเป็น SAW ภาคสุดท้าย แต่ล่าสุดตัวอย่างของหนังภาคต่อ SAW อย่าง JIGSAW ก็เพิ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อคืนก่อน ซึ่งตัวหนังจะมีกำหนดการเข้าฉายช่วงวันฮาโลวีนเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
สำหรับเชสเตอร์ใน Saw 3D: The Final Chapter นั่นเขารับบทเป็นอีแวน เหยื่อคนหนึ่งของฆาตกรโรคจิตจิ๊กซอว์ ซึ่งเขาถูกล่ามโซ่ไว้กับรถเก่าๆและหลังของเขาก็ถูกทากาวติดไว้กับเบาะ เขามีเวลา 30 วินาทีในการตัดสินใจว่าใครจะอยู่ใครจะตาย แต่ถ้าหากเขาไม่สามารถเอาชนะเวลาที่กำหนดไว้นั่นหมายความคนสามคนที่อยู่ในกับดักนั้นจะต้องตายทั้งหมดรวมถึงตัวของเขาเองด้วย
คำเตือนคลิปวิดีด้านล่างมีความรุนแรงและไม่เหมาะสำหรับคนที่ขวัญอ่อนและยังรู้สึกถึงการสูญเสียของเชสเตอร์
นอกเหนือจากการแสดงในภาพยนตร์แล้ว เชสเตอร์ยังมีโอกาสแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ให้กับหนังดังมากมายหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น The One, Underworld: Evolution, Miami Vice, Transformers, Twilight, Kung Fu Panda 2 และอีกมากมายหลายเรื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเชสเตอร์จะจากเราไปแล้ว แต่ผลงานของเขาจะอยู่ในใจเราตลอดไป
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ