5 หนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู

5 หนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู

5 หนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

          ณ วินาทีนี้ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่ามีแฟนหนังจำนวนมากติดตามผลงานและชื่นชมในสไตล์การกำกับ คงหนีไม่พ้น “คริสโตเฟอร์ โนแลน” ผู้กำกับหนังสงครามอิงประวัติศาสตร์อย่างเรื่อง DUNKRIK อย่างไรก็ตาม โนแลนกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แถวหน้าที่คนทั่วโลกจดจำชื่อได้ เพราะหนังซูเปอร์ฮีโร่ของค่ายดีซีคอมมิกอย่าง The Dark Knight แต่จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ผลงานของโนแลน หลายเรื่องล้วนแล้วแต่น่าจดจำและคุณอาจจะยังไม่เคยชมมาก่อน เราลองไปดูกันดีกว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

 

 

 

Following (1998)

          ผลงานภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นหนังสไตล์ฟิล์มนัวร์ ระทึกขวัญ สืบสวนสอบสวน เล่าเรื่องราวของบิล (เจอรามี่ เธียร์โอบาลล์) นักเขียนตกอับที่มองหาแรงบันดาลใจในการทำงานจากการเดินมองชีวิตของผู้คนตามท้องถนน โดยเขาจะมองหาผู้คนที่เขาสนใจในชีวิตและตามติดคนนั้นไปตลอดเวลาหนึ่งวันเต็ม ทว่านี่อาจจะเป็นความซวย เมื่อเขาตัดสินใจตามติดชีวิตของค็อบส์ (อเล็กซ์ ฮาว) ขโมยหัวใส ที่รู้ทันเกมของบิลว่าเขากำลังติดตามตนอยู่ เขาจึงดึงบิลให้เข้ามาร่วมกับการก่ออาชญากรรมครั้งสำคัญ

 

 

          หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องด้วยการใช้ภาพขาวดำ และสไตล์การเล่าเรื่องแบบหนังยุค 60s อีกทั้งยังเป็นหนังที่ไม่เล่าเรื่องตามลำดับเวลา แต่อย่างไรก็ตามถึงสไตล์จะโดดเด่น แต่ที่ค่อนข้างย่ำแย่คือหนังเรื่องนี้ใช้นักแสดงไม่ได้มีชื่อเสียงนัก ทำให้การแสดงของตัวละครขาดการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชม

 

 

 

Memento (2000)

          อีกหนึ่งผลงานของโนแลน ที่ทำให้คอหนังชื่นชมในสไตล์การทำหนังเพราะนี่คือหนังที่เป็นส่วนผสมระหว่างหนังสีและหนังภาพขาวดำ ยิ่งไปกว่านั้นหนังระทึกขวัญจิตวิทยาเรื่องนี้ยังเป็นการดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นผลงานของน้องชายตัวเองอย่าง โจนาธาน โนแลนชื่อ Memento Mori อีกทั้งวิธีการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนและวิธีการหลอกให้คนดูไขว้เขว ก่อนที่จะหักมุมในตอนท้าย

 

 

          ตัวหนังเล่าเรื่องราวของลีโอนาร์ด เชลบี้ (กาย เพียร์ซ) นักสืบประกันที่ตื่นขึ้นมาอย่างสับสนว่าเขามาทำอะไร เขาไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ใดๆก่อนหน้านี้ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นภาพสุดท้ายที่เขาจดจำได้คือภรรยาของเขาถูกข่มขืนและโดนฆ่าตายต่อหน้าต่อตา การที่เขาจดจำอะไรไม่ได้เลยเกิดจากการที่เขาโดนฟาดหัวอย่างรุนแรงระหว่างที่จะช่วยเหลือภรรยา หนทางเดียวที่จะทำให้เขาบันทึกความทรงจำใหม่ๆได้คือการที่เขาต้องถ่ายภาพบันทึกข้อมูล และสักข้อมูลสำคัญเอาไว้ที่ร่างกาย แต่ทุกอย่างนำไปสู่บทสรุปอันเหนือความคาดหมาย

 

 

 

Insomnia (2002)

        หนังแนวแอ็คชั่น ทริลเลอร์บอกเล่าถึงตำรวจสองนายที่ต้องสืบสวนคดีฆาตกรรมในอลาสก้า ณ ดินแดนแห่งนี้เป็นเมืองพระอาทิตย์เที่ยงคืนเป็นผลทำให้นักสืบดอร์เมอร์ (อัล ปาชิโน่) นอนไม่หลับตลอดภารกิจสอดคล้องกับชื่อหนัง Insomnia อันแปลว่าโรคนอนไม่หลับนั่นเอง ในขณะเดียวกันยิ่งสืบสวนคดีนี้ลึกเท่าไหร่ ความซับซ้อนยิ่งทวีความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น

 

 

          ถึงหนังเรื่องนี้จะเล่าเรื่องไม่ค่อยสนุกนัก เมื่อเทียบกับหนังของโนแลนเรื่องอื่นๆ แต่ถ้ามองในแง่ของหนังจิตวิทยาสำรวจจิตใจของตัวละคร เรียกได้ว่าหนังมีความน่าสนใจมาก ยิ่งไปกว่านั้นการได้นักแสดงฝีมือดีอย่างอัล ปาชิโนมาประกบคู่กับโรบิน วิลเลี่ยมและฮิลารี่ แสวงค์ ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้มีการแสดงที่เรียกได้ว่ามีการเชือดเฉือนกันอย่างดุเดือดเลยทีเดียว

 

 

 

Batman Begins (2005)

          นี่เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของแบทแมนถูกยกเครื่องใหม่ ตีความใหม่และโทนหนังมีความซีเรียสจริงจังมากขึ้นเมื่อเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ของค่ายดีซีในยุคก่อนหน้า ตัวหนังมีความมืดหม่น ยิ่งไปกว่านั้นหนังยังพาผู้ชมไปสำรวจจิตใจของตัวละครอย่างมหาเศรษฐีบรูซ เวย์น (แบทแมน) ได้อย่างน่าสนใจและเรียกได้ว่า เป็นยุคบุกเบิกของหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีโทนมืดหม่น จริงจังเลยก็ว่าได้

 

 

          ตัวหนังเล่าไปที่จุดกำเนิดของตำนานวีรบุรุษแห่งรัตติกาล เขาพยายามปลดปล่อยตัวเองจากฝันร้ายหลังจากที่พ่อแม่ของเขาถูกฆาตกรรมในสมัยเด็ก เมื่อบรูซ เวย์นกลายเป็นมหาเศรษฐีแห่งเมืองก็อธแธม อีกด้านหนึ่งเขาเลือกจะต่อสู้กับความอยุติธรรมและสร้างความหวาดกลัวให้กับอาชญากรภายใต้วีรบุรุษสวมหน้ากากที่ชื่อแบทแมน

 

 

 

The Prestige (2006)

        การแข่งขันอันดุเดือดของสองนักมายากลนำพาทั้งสองไปสู่จุดเปลี่ยนของชีวิต เรื่องราวการแข่งขันระหว่างโรเบิร์ต แองกิเออร์ (ฮิวจ์ แจ็คแมน) และอัลเฟร็ด บอร์เดน (คริสเตียน เบล) ที่พยายามแข่งขันจะเป็นเจ้าแห่งวงการมายากล เหตุการณ์เกิดในปลายศตวรรษที่ 19 แต่การจะขึ้นไปเป็นหนึ่งได้นั้น ทั้งสองต้องห้ำหั่นกันจนแทบจะสูญเสียความเป็นมนุษย์ และนำไปสู่บทสรุปอันน่าเศร้า

 

 

          ตัวหนังเรื่องนี้ คริสโตเฟอร์ โนแลน ดัดแปลงบทมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน โดยคริสโตเฟอร์ พริสท์ในปี 1995 ด้วยแนวหนังระทึกขวัญ บวกกับวิธีการเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาเพื่ออำพรางความจริงของเส้นเรื่อง ทำให้ผู้ชมแทบอ้าปากค้างเมื่อทุกอย่างพลิกผันในตอนท้าย      

       

         

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ 5 หนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook