ดูแล้วบอกต่อ Revolt – สงครามเอเลี่ยนล้างโลกที่ดูจบแล้วตั้งคำถามว่า ดูทำไม!

ดูแล้วบอกต่อ Revolt – สงครามเอเลี่ยนล้างโลกที่ดูจบแล้วตั้งคำถามว่า ดูทำไม!

ดูแล้วบอกต่อ Revolt – สงครามเอเลี่ยนล้างโลกที่ดูจบแล้วตั้งคำถามว่า ดูทำไม!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

บางทีเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะว่าทำไมต้องมานั่งดูหนังที่มีแววว่าจะค่อนข้างน่าจะห่วย หรือสุ่มเสี่ยงต่อการกินปลาร้าปลอม แต่ก็เพราะบางทีชีวิตก็ต้องการเสพย์ของแปลกบ้างอะไรบาง เค้าเรียกว่าเป็นการค้นหา "ความตื่นเต้น" ในชีวิต

 

Revolt เนี่ยโปสเตอร์ก็น่าสนใจดี ประหนึ่งว่าเป็นหนังแนวโลกยุคดิสโทเปียกำลังจะฉิบหายอยู่รอมร่อ เพราะเอเลี่ยนที่มีลักษณะคับคล้ายกับหุ่นยนต์ที่เหมือนเศษเหล็กจากแถวเชียงกงบ้านเรา มาไล่ล่า ฆ่ามนุษย์ให้ตายห่ากันไปข้าง ด้วยการใช้อาวุธพิฆาตอย่างปืนสลายอานุภาพร่างของมนุษย์ให้กลายเป็นธุลีในพริบตา

 

 

ตัวหนังเปิดฉากมาที่เมืองสักแห่งที่ดูจากสภาพแล้วก็มีสภาพธุรกันดารหนักมาก โดยหนังอ้างเหตุผลว่าเหตุการณ์ในเรื่องนั้นเกิดขึ้นในเคนย่า ทวีปอาฟริกา ที่นอกจากพระเอกจะต้องเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนแล้ว เขายังต้องเผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้ายท้องถิ่นที่ฆ่าคนพื้นเมืองกันเองอีก แบบนี้เขาเรียกว่าความวัวยังไม่หาย ความควายก็เข้ามาแทรกสินะ

 

แต่ยังไม่ทันไรพระเอกอย่างโบ (ลี เพซ) ก็โดนเอเลี่ยนโจมตีจนสลบไป ก่อนที่เขาจะได้สติกลับมาอีกครั้งและค้นพบว่าตัวเองติดอยู่ในคุกสักแห่ง ส่วนภายนอกนั้นเหล่าเอเลี่ยนยังคงโจมตีอย่างไม่ลดละ ห้องขังข้างๆเขาได้พบกับนาเดีย (เบเรนิซ มาร์โลห์) แพทย์หญิงที่รอดชีวิตจากการโจมตี ทว่าโบ กลับพบว่าตัวเขาเองไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมาอยู่ในคุกได้เลย เขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างออกเดินทางไปกับนาเดีย

 

 

 

น่าเสียดายที่ Revolt พยายามจะดีไซน์ให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟ โร้ดมูฟวี่ แต่ด้วยวิธีการเขียนบทภาพยนตร์ที่จัดได้ว่าประสบปัญหาขาดที่มาที่ไปอย่างสิ้นเชิง จนเราดูหนังไปค่อนเรื่องแล้วก็แทบจะไม่ได้รับข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากฉากแรกมากขึ้นเลยสักนิดเดียว เหตุการณ์หลายอย่างก็มาและไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย (ตัวผู้สร้างคงเข้าใจว่าคนดูน่าจะเกิดพุทธปัญญาคิดเอาเองได้) นี่จึงกลายเป็นบาดแผลสำคัญที่ทำให้ผู้ชมขาดอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร เพราะดูแล้วก็ไม่ได้รู้จักพระเอกมากขึ้น หรือนางเอกที่พอผ่านกลางเรื่องไปปั้บ เหมือนดิวคิวนักแสดงไว้แค่นั้น เงินไม่พอจ่ายค่าตัวแล้วก็ตัดบทตัวละครไปซะดื้อๆ (แบบนี้ก็ได้เหรอ)

 

ที่น่าละเหี่ยใจที่สุดคือนอกจากฉากแอ็คชั่นวินาศสันตะโรในช่วงเปิดเรื่องแล้ว เหตุการณ์หลังจากนั้นก็กลายเป็นฉากซีจีของมนุษย์ต่างดาวที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นเร้าใจแต่อย่างใด แถมโลเคชั่นในหนังเรื่องนี้ก็เหมือนวนถ่ายกันในสถานที่เดียว แต่ใช้วิธีการถ่ายคนละมุมเอา ซึ่งจะว่าไปแล้วมันเลยให้ความรู้สึกว่าตัวละครในเรื่องเหมือนไม่ได้เดินทางไปไหนไกล

 

หนังอย่าง Revolt เมื่อดูจบแล้วถึงกับตั้งคำถามกับตัวเองว่านี่เราเอาเวลา 90 นาที ที่ควรจะไปเอาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นให้เกิดประโยชน์กับชีวิตของเราจะเกิดประโยชน์กับชีวิตมากกว่าหรือไม่ ….

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook