THE FACE MEN THAILAND การกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้งของรายการ
เราคงไม่อาจจะปฏิเสธความโด่งดังของรายการเรียลลิตี้อย่าง The Face Thailand ได้เลยจริงๆ ความสำเร็จของกันตนา สตูดิโอจากซีซั่นที่ 2 นั้น น่าจะเรียกได้ว่าเป็น แม่แบบให้กับประเทศอื่นในเอเชีย อาทิ เวียดนามสานต่อความฮิตของรายการนี้ ยังไม่รวมไปถึงรายการ “โคลนนิ่ง” อย่าง The Wow ของประเทศลาว ที่สร้างกระแสให้กับคนดูชาวไทย ติดตามความ “บ้านๆ” ของรายการดังกล่าวอยู่เช่นกัน
สำหรับ The Face Thailand Season 3 ที่เราอาจจะกล่าวได้ว่าเป็น “อภิมหาละครหลังข่าว” ก็ไม่น่าจะผิดนัก เนื่องจากเส้นเรื่องของรายการในซีซั่นนั้นดูจะให้ความสำคัญกับบรรดา “เมนทอร์” โดยเฉพาะดราม่าระหว่าง ลูกเกดและมาช่า จนทำให้บรรยากาศโดยรวมของรายการนั้น คนดูหลงลืมไปเลยว่าเรากำลังดูรายการเฟ้นหานางแบบ แต่ในซีซั่นที่ 3 กลับกลายเป็นว่าเรามัวแต่ต้องดูว่าวีคนี้พี่เกดจะกำจัดใครออก แล้วมาช่าจะแก้เกมอย่างไร ยังไม่รวมไปถึงความยุ่งเหยิงของรายการอาทิ เกิดการเปลี่ยนตัวเมนทอร์ระหว่างซีซั่น (ซึ่งภายหลังมาช่ากล่าวว่าเนื่องจากตารางการถ่ายทำรายการที่ถูกเลื่อนออกไปซ้อนทับกับช่วงเวลาที่เธอต้องเดินทางไปถ่ายละครที่ญี่ปุ่นพอดี ทำให้ไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ต่อได้ เป็นผลทำให้คริส หอวังกลับมารับหน้าที่ต่อแทน) , การให้ผู้เข้าแข่งขันที่โดนคัดออกไปแล้วถูกเลือกกลับเข้ามาในรายการอีกครั้ง เป็นต้น
ทว่า The Face Men Thailand ซึ่งเป็นการสปินออฟ (แยกออกมาจาก The Face) ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็น The Face เวอร์ชั่นผู้ชายรายการแรกของโลก ซึ่งตอนแรกผู้เขียนก็แอบตั้งข้อสงสัยว่า รายการประกวดผู้ชายแบบนี้จะเอาอะไรมาสนุก เพราะจากรายการ Manhunt: The Search for America's Most Gorgeous Male Model รายการเรียลลิตี้ของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2547 นั้น ค่อนข้างจะเป็นรายการที่ดู “ฝึกทหารเพาะกาย” มากกว่าทีวีโชว์ แน่นอนเราจะได้เห็นผู้ชายหน้าตาดีมาเดินถอดเสื้อกลางรายการ แต่การเป็น “รายการทีวี” ต้องมีอะไรมากกว่านั้นที่จะมาดึงดูดผู้ชมให้ติดตามรายการนี้จนกว่าจะจบซีซั่น สุดท้ายแล้วรายการนี้ก็ผลิตออกมาแค่เพียงซีซั่นเดียว
เช่นเดียวกันกับประเทศไทย เราเคยมีรายการ M Thailand ของทางช่อง 3 ซึ่งตอนนั้นกระแสดราม่าของรายการก็รุนแรงไม่แพ้กัน เนื่องจากว่ารูปแบบรายการมีความคล้ายคลึงกับรายการอย่าง Thailand's Perfect Man ซึ่งออกอากาศทางช่อง ITV มาอีกทีและยิ่งกว่านั้นตัวรูปแบบของทั้งสองรายการก็เหมือนไปนำไอเดียของรายการ Manhunt มาอีกต่อหนึ่ง ท้ายที่สุดผู้ชนะจากรายการ M Thailand ก็คือหนุ่ม โฬม พัชฏะ นามปาน ซึ่งยังคงเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งหมดทั้งมวล รายการแข่งขันหานายแบบก็ไม่ได้ “สนุก” เมื่อเปรียบเทียบกับรายการค้นหานางแบบ เพราะผู้ชายไม่ได้ดราม่ากันจุกจิกในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้แซะกันแบบที่เราได้เห็นจาก America's Next Top Model หรือกระทั่ง The Face เอง
ทว่า The Face Men Thailand กลับมีความน่าสนใจในรูปแบบของรายการเรียลลิตี้ที่มีส่วนผสมระหว่างการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะ ควบคู่ไปกับรายการภาคเสริมอย่าง Artemis Elite (ซึ่งฉายควบคู่กับตัวรายการเป็นคู่ขนานทางช่อง Line TV) โดยรายการหลังนั้นให้อารมณ์เหมือนผู้ชมได้ตามดูอุปนิสัยและชีวิตของผู้เข้าแข่งขัน “ชาย” 18 คน + 4 คน (ที่ไม่ได้ถูกเลือกเข้าไปในรายการ The Face แต่ดู “มีแวว” สามารถต่อยอดอะไรบางอย่างได้) ทำให้สองรายการนี้ คือส่วนผสมที่ลงตัวและทำให้รายการ “สนุกขึ้น
ข้อดีประการสำคัญของการที่ The Face Men Thailand มีรายการอย่าง Artemis Elite อยู่ด้วยนั้น คือการที่ผู้ชายซึ่งไม่ได้มีเรื่องดราม่าหรือมีเรื่องจุกจิกเท่าผู้หญิง การได้เห็น “ไลฟ์สไตล์” ของผู้ชายในบ้านไม่ว่าจะเป็น การกินข้าว เข้าชั้นเรียนแอ็คติ้ง ต่อยมวย หรือกระทั่งการเล่นซ่อนแอบ กลับกลายเป็นว่า “ความเป็นเด็ก” ของเพศชาย กลับได้รับความ “เอ็นดู” จากผู้ชมมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นบรรดารายการเรียลลิตี้ประเภทใดก็ตามที่ผู้ชมได้มีโอกาสตามติดชีวิตของผู้เข้าแข่งขัน ตามสถิติแล้ว “ผู้ชาย” มักจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ชม ซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงและเกย์ เป็นส่วนใหญ่
การต่อยอดที่สำคัญดังกล่าวน่าจะยิ่งช่วยเพิ่ม “มูลค่า” ของบรรดาหนุ่มๆ ทั้ง 22 คนในรายการ ซึ่ง Artemis Elite กำลังทำหน้าที่ในการขายคาแรกเตอร์ในแต่ละคน ให้ฉายเด่นชัดออกมา อีกทั้งวิธีการตัดต่อของรายการนี้ ซึ่งยังคงทำหน้าที่เร้าให้ผู้ชมรู้สึก รัก ชอบ หมั่นไส้ ใครก็ได้ตามที่รายการจะพยายามนำเสนอด้านนั้นๆของผู้เข้าแข่งขันออกมา ข้อดีคือตอนนี้ใน EP3 ของ Artemis Elite ยังไม่มีการขายดราม่าอะไรออกมา แต่ในอนาคตก็ไม่แน่เสนอไป
กลับมาในส่วนของ EP1 ของ The Face Men ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนอกจากการคัดเลือกคนเข้ามาในทีม แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าเวอร์ชั่นผู้หญิงก็คือ กระแสแฟนดอมของรายการนี้กลับเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีกเมื่อบรรดาแฟนเพจบันเทิงในประเทศไทยพยายามทำคอนเทนท์ในการ ตามล่าหาอินสตาแกรมของผู้เข้าแข่งขันเกือบทุกคนในรายการ ประหนึ่งเป็นลายแทงขุมทรัพย์ตามติดชีวิตผู้เข้าแข่งขัน จนเรียกได้ว่าจำนวนผู้ติดตามของหนุ่มๆเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืน
ข้อดีประการสำคัญของ The Face Men ใน EP2 คือ เห็นได้ชัดว่ามีความลงตัวมากขึ้นกว่า The Face Season 3 ที่โดนโจมตีอย่างหนักช่วง Master Class ที่ให้ความรู้สึกเหมือนช่วงสปอนเซอร์ขายของมากกว่าการฝึกฝนความสามารถของผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งใน The Face Men ลดความ Hard Sell ลงไปได้ดีทีเดียว (แต่ก็ยังต้องติดตามใน EP ต่อๆไป) เช่นเดียวกันกับช่วง Campaign ที่เห็นได้ชัดว่า “สนุกขึ้น” ได้เห็นมิติหลายๆอย่างของผู้เข้าแข่งขันผสมผสานไปกับความสามารถในการจัดการของเมนทอร์แต่ละคน ซึ่งก็ยังต้องติดตามกันต่อไปอีกอยู่ดีว่า EP3 ใครจะแก้เกมกันยังไง
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ