CARS 3 กับ 8 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดูภาคต่อ (ที่คุณอาจจะลืมไปแล้ว)

 

 

1.ใครคือไลท์นิ่ง แม็คควีน

          ไลท์นิ่ง แม็คควีนคือรถแข่งไฟแรงเจ้าของถ้วยรางวัลพิสตันคัพ อันเป็นถ้วยรางวัลในการแข่งขันรถสุดยิ่งใหญ่ ในภาคแรกด้วยความเป็นคนมั่นใจและไฟแรงทำให้แม็คควีนมั่นใจในตัวเองจนมากเกินไปและหมกมุ่นอยู่กับชัยชนะจนเข้าไม่แคร์คนอื่น ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จนกระทั่งเขาหลุดไปอยู่ในเมืองบ้านนอกจนเขาได้พบกับรถเก่าๆอย่างเมเทอร์ที่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าบางครั้งคนเราก็ต้องหัดที่จะ “ช้าลงบ้าง”

 

 

 

2.Car 2 กับความล้มเหลวในแง่บทภาพยนตร์

          Cars 2 ยังคงเล่าเรื่องราวของ ไลท์นิ่ง แม็คควีนเช่นเคย จาเขาต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเวิล์ด กรังด์ปรีซ์ แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้แม็คควีนต้องเซอร์ไพรส์เมื่อเมเทอร์ต้องทำหน้าที่สายลับระดับโลก ทำให้เมเทอร์ต้องทำหน้าที่ทั้งปฏิบัติภารกิจกู้โลก ยับยั้งเหล่าร้าย และช่วยแม็คควีนให้คว้าชัยชนะ

          Cars 2 เหมือนกลายเป็นหนังที่โฟกัสผิดจุด เล่าเรื่องได้เลอะเทอะ อีกทั้งตัวละครเมเทอร์จัดได้ว่าเป็นตัวละครที่น่ารำคาญ ยังไม่รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย แต่หนังก็ยังสามารถทำเงินได้อย่างน่าพอใจ และแน่นอนว่ามันเป็นที่มีของการต่อยอดภาคแยกอย่าง Planes ในปี 2013 ที่เล่าเรื่องราวของเครื่องบินดับไฟป่า

 

 

 

3.เมื่อตำนานกลับมาใน Cars 3

        หลังจากพ่ายแพ้ต่อเหล่านักแข่งไฟแรงรุ่นใหม่ ไลท์นิ่ง แมคควีนผู้เป็นตำนาน (โอเว่น วิลสัน) ได้หลุดออกจากวงการแข่งรถที่เขารัก การที่จะกลับเข้าไปสู่การแข่งขันได้อีกครั้ง เขาต้องการความช่วยเหลือจากช่างเทคนิครุ่นใหม่อย่าง ครูซ รามิเรซ (คริสเตล่า อลองโซ่) ด้วนแผนที่จะเอาชนะของเธอเอง บวกกับแรงบันดาลใจจาก ฮัดสัน ฮอร์เนท ยอดฝีมือผู้ล่วงลับ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดอีกนิดหน่อย การพิสูจน์ว่าหมายเลข 95 ยังไม่จบง่ายๆ จะทดสอบหัวใจของแชมเปี้ยนในสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดของพิสตันคัพ

 

 

 

4.แอนิเมชั่นสะท้อนบั้นปลายชีวิตของเหล่านักแข่งขัน

        หลังจากที่หลงทางใน Cars 2 ไปพอสมควร Cars 3 กลับมาพูดถึงแนวคิดในการใช้ชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่เคยทำให้คนดูประทับใจไว้ในภาคแรก เรื่องราวในหนังภาคนี้จะสะท้อนความเป็นแชมป์และการดำรงอยู่ในสังเวียนการแข่งขันอย่างยาวนาน เขากำลังทุกข์ใจกับปัญหาต่างๆ ที่นักกีฬาจำนวนมากเผชิญในช่วงบั้นปลายชีวิตนักกีฬาของพวกเขา คุณจะโบกมือลาวงการตอนที่อยู่บนจุดสูงสุดหรือคุณจะสู้จนถึงตอนสุดท้าย แม้ว่าไลท์นิ่งจะยังคงเป็นรถแข่งที่รักความสนุก มุ่งมั่นและมั่นใจในตัวเองที่ผู้ชมตกหลุมรักเช่นเคย แต่ความมั่นใจของเขาก็ถูกทดสอบด้วยรถใหม่ๆ ในสนาม

 

 

 

 

5.เรื่องราวอมตะของวงการกีฬาสู่แอนิเมชั่นภาคต่อ

        ไอเดียเรื่องการเป็นแชมป์และการวางมือเป็นที่ชื่นชอบและกลายเป็นแรงจูงใจสำหรับการเดินทางของไลท์นิ่ง แมคควีนในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับรถแข่งรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่า  มือเขียนบทไมค์ ริช ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์อย่าง “Secretariat” และ “The Rookie” พยายามสะท้อนว่าสิ่งที่เกิดกับแม็คควีนในเรื่องแทบไม่ได้แตกต่างอะไรเลยจาก ไมเคิล จอร์แดนหรือเพย์ตัน แมนนิง, เวย์น เกรทซ์กี้หรือมิสตี้ เมย์-เทรย์เนอร์ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักกีฬาคือพวกเขาอายุประมาณสามสิบกว่าๆ ตอนที่พวกเขาอำลาวงการ พวกเขายังคงต้องนึกถึงชีวิตที่เหลือของพวกเขา และต่างก็มักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาก็ยังกลัวว่าชีวิตที่เหลืออยู่นั้น พวกเขาจะไปทำอะไรดี

 

 

 

6.ครูซ ตัวละครรถคันใหม่ที่มีบทบาทในหนังภาคนี้

        เมื่อรู้ตัวว่ากำลังตกเป็นรอง การเติมทักษะจัดเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักกีฬา แม็คควีนจึงต้องอาศัยโค้ช ซึ่งเขาก็ได้เลือกครูฝึกผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ศูนย์รัสต์ทิส เรซซิง เซ็นเตอร์ เพื่อกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ครูซ รามิเรซเป็นครูฝึกระดับแนวหน้าของวงการรถแข่ง เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและรู้จักวิธีการสร้างผู้คว้าชัยบนสนามแข่งรูปแบบใหม่ๆ แต่ไลท์นิ่งไม่ใช่ส่วนหนึ่งของรถแข่งรุ่นใหม่ และสิ่งต่างๆ ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ที่ศูนย์แข่งรถไฮเทคสุดหรู สเตอร์ลิง เจ้าของรัสต์ทิสคนใหม่ ไม่ต้องการจะเห็นนักแข่งดาวเด่นของเขาต้องดิ่งลงเหว

 

 

 

7.ข้อตกลงเปลี่ยนชีวิต

        ในโลกของการกีฬาทุกอย่างถูกเดิมพันด้วยธุรกิจและชื่อเสียง Cars 3 หยิบประเด็นตรงนี้มานำเสนอผ่านข้อตกลงระหว่างแม็คควีนและศูนย์แข่งรถไฮเทคสุดหรู สเตอร์ลิง ว่าสเตอร์ลิงจะให้ไลท์นิ่งลงแข่งในนัดเปิดฤดูกาลที่ฟลอริดา อินเตอร์เนชันแนล ซูเปอร์ สปีดเวย์ ถ้าเขาชนะ ก็จะทำให้เขาสามารถตัดสินใจได้ว่าเขาจะอำลาวงการเมื่อไหร่ แต่ถ้าเขาแพ้ เขาจะต้องอำลาวงการและกลายเป็นแบรนด์ให้กับรถธุรกิจ และประชาสัมพันธ์สินค้าไลท์นิ่ง แมคควีนให้กับแฟนๆ ของเขาทั่วโลก

 

 

 

8.ความอบอุ่นหัวใจแบบหนังภาคแรกจะกลับมา

        อย่างที่เกริ่นไปว่าเสน่ห์ที่ขาดไปในหนังภาคที่ 2 คือมัน2’ เป็นหนังสายลับที่ทั้งสนุกและน่าตื่นเต้น แต่มันเป็นเหมือนเรื่องราวของเมเทอร์มากกว่า ใน ‘Cars 3’ เราอยากจะกลับไปหาไลท์นิ่ง แมคควีนและความอบอุ่นและความลึกซึ้งในภาคแรกที่เป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมาก การโฟกัสเรื่องราวในหนังภาคนี้ทีมงานอยากให้คนดูรู้สึกว่ามันเป็นหนังกีฬาจริงๆ มีเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชกับลูกทีมและท้ายที่สุดคือการพัฒนาตัวเองและการมองหาลู่ทางในชีวิตหลังจากความสำเร็จอันสูงสุดด้วยเช่นกัน