THE FACE MEN THAILAND EP.4 สงครามทำให้เกิดผู้กล้า
MASTER CLASS กับการฝึกจีบหญิง
“ของแบบนี้ไม่ต้องสอนกันหรอกครับ เดี๋ยวถึงเวลามันเป็นเอง” หนุ่มแซม หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันกล่าวเอาไว้ กับช่วงมาสเตอร์คลาสที่ได้เมนทอร์ลูกเกดมาสอนเรื่องการทำงานด้วยสตอรี่ไลน์ สวมคาแรกเตอร์และบทบาทเรื่องราวถึงจะออกมาจากสายตา โจทย์ของเมนทอร์คือการให้ผู้เข้าแข่งขันฝึกการแสดง เช่น แซมได้รับบทเป็นเด็กอายุ 13 จีบซาบิน่าที่อายุมากกว่า หรือ ธามที่ได้รับบทป๋าที่ต้องขอสาวที่อายุน้อยกว่าแต่งงาน
โจทย์ในมาสเตอร์คลาสใน EP ที่ 4 คือการถ่าย Photo shoot แบรนด์บำรุงผิวหน้าที่มาพร้อมกับโจทย์ “Opposite Sex” กับอารมณ์ภาพรักแรกพบ ซึ่งได้นางแบบอย่างเกรซ ผู้ชนะจาก Season ที่ 3 ของ The Face มาร่วมถ่ายภาพ ซึ่งในภาพต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างได้แก่ ดูฉลาด มีเสน่ห์ และมีความมั่นใจ
ภาพรวมของหนุ่มๆในการทำ Master Class ออกมาได้มีความตั้งใจมาก ขณะเดียวกัน คนที่โดดเด่นในแนวโก๊ะๆ ดูแล้วฮาก็ดันไปเป็นหนุ่ม PK ที่โดนคอมเมนต์ว่าสายตาดูหื่น เจอที่ไหนต้องเรียก รปภ.อย่างเดียว ไปซะอย่างนั้น พอๆกับกันย์ (ทีมลูกเกด) ที่ตอนให้สัมภาษณ์ว่าถือ ดัก-โปร (เอ้ย โปรดักส์) ไม่รู้ว่าขยันเล่นมุกหรือน้องงงจริง หรืออย่างเติร์ดที่ภาพออกมาเป็นภาพเพื่อนสาวมาเดินซื้อครีมซะอย่างนั้น
แคมเปญกับการถ่ายทำมิวสิควิดีโอขอแต่งงาน
ในแคมเปญวันนี้ศิลปินวง PAUSE กับเพลง “รักจริงจัง” ซึ่งเรื่องราวในเอ็มวีนั้นมีใจความประมาณว่าผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะขอคนรักแต่งงาน และในขณะเดียวกันเมื่อมีแบรนด์สปอนเซอร์เข้ามาอยู่ในมิวสิควิดีโอนี้ด้วยทำให้ต้องขายสินค้าและเล่าเรื่องราวไปพร้อมๆกัน ซึ่งนอกจากนี้ผู้ที่ชนะแคมเปญดังกล่าวจะทำให้ทีมชนะ และยังได้แสดงมิวสิควิดีโอของเพลงนี้ด้วย
เมื่อถึงเวลาที่เมนทอร์แต่ละครมีโอกาสเข้าไปรับบรีฟกับลูกค้า เมนทอร์ลูกเกดยิงคำถามแรกกับลูกค้าว่าต้องการจะเห็นอะไรในมิวสิควิดีโอตัวนี้ สิ่งที่ลูกค้าตอบก็คือ “อยากเห็นภาพการโชว์หนังศีรษะที่สุขภาพดี” พร้อมทั้งเปิดวิดีโอโฆษณาตัวเองให้ลูกเกดดู โดยคาแรกเตอร์ของแบรนด์จะต้องเป็นผู้ชายขี้เล่น สบายๆ และเมื่อถามถึงช่วงอายุของผู้ชายคนนี้ของวง PAUSE นั้นคือเขาเป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุ 20 ปลายๆ-30 ต้นๆ
เมนทอร์พีชยิงคำถามว่า “อยากให้เน้นตัวสินค้า” มากแค่ไหน ลูกค้าต้องการความเนียนของสินค้าและไม่ทำให้ดูฮาร์ดเซลล์จนเกินไป ส่วนคำถามกับวง PAUSE ว่า “ต้องการอารมณ์มากแค่ไหน” วง PAUSE ตอบว่า “ต้องการความรู้สึกจริงว่าผู้ชายในเรื่องราวจะต้องรู้สึกว่าเขากำลังจะแต่งงานจริงๆ”
เมนทอร์หมูตั้งคำถามว่า “ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ไหม” ลูกค้าตอบว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ชายเซ็กซี่” และคำถามกับวง PAUSE ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ผู้ชายคนนี้จะต้องมีคือตามบรีฟที่ว่า อะไรที่จะทำให้ผู้ชายคนนึงสามารถก้มลงคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานต่อหน้าคนเป็นร้อยเป็นพันได้
จะเห็นว่าเมนทอร์ลูกเกดคือคนที่ยิงคำถามชัดเจนมาก เพราะแน่นอนว่าลูกค้าคือปัจจัยสำคัญในการตัดสิน และแน่นอนว่าเมื่อลูกเกดต้องการชนะ เธอก็ยิงคำถามตรงๆว่า “ปัจจัยอะไร” ที่จะทำให้เธอชนะการแข่งขันครั้งนี้
การบรีฟลูกทีมและการจัดกระบวนการทำงาน
เมนทอร์แต่ละคนมาบรีฟกระบวนการทำงานในการแข่งขันนี้ว่าต้องมีรูปแบบอย่างไร แล้วพวกเขาจะสอนลูกทีมอย่างไร จินตนาการภาพในกระจกออกมาเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการที่เมนทอร์หมูเลือกว่าใครจะมีโอกาสได้ทำแคมเปญนี้บ้าง เนื่องจากการถูกจำกัดด้วยเวลาสั้นๆ ประกอบกับจำนวนลูกทีม 6 คน ทำให้การตอบโจทย์ของแบรนด์สินค้านั้นอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทีมแพ้ หรือ ชนะได้ ซึ่งเมนทอร์หมูไม่ได้บังคับลูกทีม แต่ “ขอความร่วมมือ” เพื่อภาพรวมในการทำงาน
เติร์ดและธามคือ 2 คนที่เมนทอร์หมูขอความร่วมมือกับทั้งสอง ประกอบเหตุผลที่ว่า เมื่อพิจารณาจากวัย ลุค แล้ว ไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าอยากจะเห็นในมิวสิควิดีโอนี้ ซึ่งคนที่มีโอกาสผ่านการทำงานมาแล้วในโลกของงานโฆษณาหรือมิวสิควิดีโอจะรู้กันดีว่า ถ้าหากลุคไม่ตรงกับสิ่งที่เจ้าของงานอยากได้ การดันทุรังไปแคสก็ไม่ได้ช่วยให้เราได้งานนั้นกลับมา นี่ไม่ได้หมายถึง “โอกาส” ที่ทุกคนควรได้รับในการทำงาน แต่มันหมายถึง “การเข้าใจ” ว่าในแต่ละงาน บางครั้งงานบางประเภทก็ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป ....... แต่ธาม อีกหนึ่งคนที่ไม่ได้รับเลือก ด้วยประสบการณ์และอายุที่ยังน้อยอาจจะเกิดการตั้งคำถามว่า “ทำไมเขาถึงไม่ได้รับโอกาสครั้งนี้”
ห้องดำกับอีกครั้งที่ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอย
หากห้องดำใน The Face ทั้งสามซีซั่นคือช่วงเวลาในการดูชะตากรรมว่าหญิงสาวคนไหนจะโดนคัดออกจากรายการ ในขณะที่ The Face Men เราจะได้ดูหนุ่มๆ ใช้เหตุและผลอธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงมีโอกาสจะได้อยู่ต่อ ซึ่งแต่ละคนไม่มีใครที่จะยอมใคร และเห็นได้ชัดจริงๆว่าไม่มีใครกลัวเมนทอร์ และพยายามจะโน้มน้าวใจเมนทอร์ให้โอกาส
สิ่งที่พลิกเกมในวันนี้อีกครั้งคือเมนทอร์ลูกเกด ผู้ชนะของรายการใน EP4 เลือกจะไม่ตัดผู้เข้าแข่งขันทั้งสองออกจากรายการ แบบเดียวกับที่เมนทอร์ลูกเกดเคยเลือกไม่ตัดใครออกในซีซั่นแรก เพราะเขามองว่าเธออยากจะให้โอกาสเมนทอร์พีชได้โชว์ฝีมืออีกครั้ง กันย์และแบงค์คือสองคนที่ยังมีฝีมือ
ทว่าเมื่อเมนทอร์ลูกเกดเดินออกมาจากห้องดำ เธอก็ถึงกับเกิดอาการฉุนว่าทำไมเมนทอร์พีชที่ไม่ยอมรับการตัดสินครั้งนี้ ไม่ออกมาจากห้องแต่งตัวเพราะกลัวรับความจริงไม่ได้ และทำให้เมนทอร์อีกสองคนต่อว่าว่า “พีช ไม่เป็นมืออาชีพ” ส่งผลให้เมนทอร์ลูกเกดเลือกจะเปลี่ยนใจตัดสินใหม่อีกครั้งในการคัดกันย์ออก แต่ทีมงานก็อธิบายกติกาอีกครั้งว่า ถ้าหากเมนทอร์เลือกจะไม่ตัดใครออก แล้วเมื่อเขาคนนั้นเดินออกมาจากห้องดำแล้ว นั่นหมายถึงผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะไม่ถูกคัดออกจากรายการในสัปดาห์นั้น ทำให้บทสรุปของ EP 4 คือไม่มีใครถูกคัดออกจากรายการ และลูกทีมของแต่ละทีมก็ยังอยู่กันครบ
สปิริตของผู้ชาย มักสู้เพื่อเพื่อนเสมอ
สิ่งที่น่าสนใจมากในซีซั่นนี้ นอกจากรายการ Artemis Elite จะทำให้ผู้เข้าแข่งขันสนิทกันมากขึ้นแล้ว สิ่งที่เราเริ่มเห็นได้ชัดก็คือบรรดาผู้เข้าแข่งขัน “รู้สึก” ว่าพวกเขาเหมือนเพื่อนกันจริงๆ สิ่งที่น่าจะเซอร์ไพรส์คนดูมากกว่าดราม่าของเมนทอร์ใน EP นี้คือการที่ โจเซฟลูกทีมของเมนทอร์พีชพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่ เมนทอร์ลูกเกดจะคัดกันย์ออกว่า “พี่เกดครับ ขอร้องเถอะครับ ให้โอกาสกันน์เถอะ” พร้อมยกมือไหว้ขอร้อง แน่นอนว่าโมเมนต์นี้จะกลายเป็นช่วงเวลา “ซื้อใจเพื่อน” อย่างกันย์ได้อย่างน่าประทับใจ
EP5 จะเกิดดราม่าอะไรอีกขึ้นชื่อว่า The Face แล้วไม่ทำให้กระแสรายการกริบอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าแทนที่กระแสดราม่าจะดัง กลายเป็นว่าแฟนๆรายการดันคลั่งหนุ่มๆในรายการมากกว่าจะสนใจว่าใครจะโดนคัดออกด้วยซ้ำไป
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ