[รีวิว] Netflix Original Death Note สมุดโน๊ตกระชากวิญญาณสไตล์ Final Destination
ชีวิตของ ไลท์ เทอร์เนอร์ (แนต วูลฟ์) ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหลังได้รับ เดธ โน๊ต สมุดโน๊ตมรณะที่เพียงเขียนชื่อเหยื่อขณะเห็นหน้า พญายมอย่าง รุค (วิลเลม เดโฟ)ก็ปลิดวิญญาณได้ทันที เขาและ มีอา ซัตตัน (มาร์กาเร็ต ควาลีย์) จึงใช้โอกาสนี้พิพากษาเหล่าอาชญากรทั่วโลกจนมีสาวกขนานนามไลท์ว่า คิระ แต่หลังมีคนตายไม่ทราบสาเหตุเพิ่มมากขึ้น ทางเอฟบีไอจึงต้องขอพึ่งนักสืบชื่อดังนาม แอล (ลาคีธ สแตนฟิลด์) ที่พุ่งเป้ามาที่ ไลท์ ในฐานะผู้ต้องสงสัย แม้จะต้องงัดข้อกับ เจมส์ เทอร์เนอร์ (ชีอา วิกแฮม) ตำรวจตงฉินพ่อของไลท์ก็ตาม
Death Note ฉบับมังงะ
หนัง Death Note (2006) 2 ภาคแรกคือหนังไลฟ์แอ็คชั่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจนจุดกระแส เดธโน๊ตฟีเวอร์
จาก Death Note มังงะชื่อดังของญี่ปุ่นสู่หนังฮอลลีวูดรีเมค
ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลกกับหนังไลฟ์แอ็คชั่น Death Note เคยเป็นมังงะชื่อดังของญี่ปุ่นเขียนโดย สึงุมิ โอบะ และได้ ทาเคชิ โอบาตะ วาดภาพ ด้วยความโด่งดังของมังงะทำให้เกิดการดัดแปลงเป็นสื่ออื่นทั้ง อนิเมะซีรีส์ เกม หรือแม้แต่หนังไลฟ์แอ็คชั่นก็มีการสร้างในฉบับหนังไลฟ์แอ็คชั่นญี่ปุ่นถึง 7 เรื่องได้แก่
Death Note (2006) Death Note 2: The Last Name(2006) L: Change the World(2008) Death Note(2015) เป็น ทีวีซีรีส์ Death Note: The Musical(2015) Death Note: New Generation(2016) ในรูปแบบ มินิซีรีส์ Death Note: Light Up the New World(2016)
และสำหรับการดัดแปลงเป็นหนังอเมริกันก็มีการวางแผนเป็นเวลานาน ตั้งแต่การติดต่อเชน แบล็ค (Shane Black)ผู้ให้กำเนิดหนังชุด Lethal Weapon หรือ ริกส์ คนมหากาฬ เป็นผู้กำกับแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่ง เน็ตฟลิกซ์ เข้ามาดูแลโปรเจคต์ โดยมีอดัม วิงการ์ด ผู้กำกับหนังสยองขวัญเลือดใหม่ที่มีงานเด่นอย่าง You’re Next (2011)และ V/H/S (2012,2013) ทั้งสองภาคมากุมบังเหียนโปรเจคต์ เดธโน๊ต ฉบับอเมริกันนี้
ภาพเทียบนักแสดงกับคาแรกเตอร์เวอร์ชั่นญี่ปุ่น
ตัวละครที่คนดูรักกับการตีความใหม่
เทียบกันแค่ฉบับหนังไลฟ์แอ็คชั่น หลายคนคงสงสัยว่า Death Note ฉบับอเมริกันจะหยิบยกอะไรของญี่ปุ่นมาดัดแปลงบ้าง เราลองมาเริ่มที่คาแรกเตอร์ตัวละครแต่ละตัวกันก่อน ซึ่ง Death Note ฉบับเน็ตฟลิกซ์ เลือกเปิดเรื่องด้วยการแนะนำ ไลท์ เทอร์เนอร์ ให้เป็นเด็กเรียนที่มักโดนแกล้งโดนกลุ่มอันธพาลประจำโรงเรียน ซึ่งแตกต่างจากฉบับหนังไลฟ์แอ็คชั่นของญี่ปุ่นในปี 2006 ที่เลือกเปิดเรื่องโดยหยิบยกสถานการณ์เหยื่อของเดธโน้ตตายไม่ทราบสาเหตุ เพื่อปูที่มาของสมุดโน้ตมรณะอันนี้เสียก่อนทำให้เรารู้สึกว่าสมุดโน๊ตเล่มนี้เป็นตำนานลึกลับเหนือธรรมชาติ แล้วจึงตัดมาเล่าเรื่องการพบเดธโน๊ตของ ยางามิ ไลท์ ที่ปัจจุบันเป็นนักศึกษากฎหมาย เพื่อเพิ่มความขัดแย้งระหว่างการเป็นศาลเตี้ยในนาม คิระ กับ นักศึกษาที่กำลังจะจบเพื่อเป็นคนบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า ฉบับอเมริกันจะไม่เพิ่มความหนักแน่นให้คาแรกเตอร์ของ ไลท์ นะครับ ในทางตรงข้ามเราจะได้รู้จัก ไลท์ เทอร์เนอร์ เป็นเด็กวัยรุ่นที่มีปมกับความอยุติธรรมเพราะนอกจากการถูกรังแกที่โรงเรียนแล้ว ที่บ้านเองเขายังหมดศรัทธากับพ่อที่เป็นตำรวจแต่กลับไม่สามารถดำเนินคดีกับฆาตกรที่สังหารแม่ของเขาได้ ดังนั้นในส่วนคาแรกเตอร์ของ ไลท์ ต้องยอมรับว่าฉบับเน็ตฟลิกซ์ สร้างที่ทางให้ตัวเองได้อย่างโดดเด่น แถมมีบทโรแมนซ์กับ มีอา ซัตตัน หรือที่หลายคนอาจตีความว่านี่คือ มิสะ ในหนังฉบับนี้มาเพิ่มความหวานซ่อนอันตรายให้คนดูต้องคอยลุ้นกับชะตากรรมของไลท์ได้อย่างน่าตื่นเต้น
แนต วูล์ฟ ในบท ไลท์ เทอร์เนอร์ หรือ ไลท์ ผู้ได้ครอง เดธโน๊ต
มาร์กาเร็ต ควาลีย์ ในบท มีอา ซัตตัน หรือ มิสะ เวอร์ชัน อเมริกัน
อีกหนึ่งตัวละครที่คนดูอยากเห็นที่สุดคงหนีไม่พ้น แอล ซึ่งในฉบับนี้ก็กล้าหาญถึงขั้นปรับให้เป็นคนแอฟริกัน อเมริกัน แต่ยังคงบุคลิกความฉลาดและเรื่องโปรดปรานของหวานไว้ แต่ที่น่าขัดใจที่สุดคงหนีไม่พ้นความครึ่งๆกลางๆระหว่างการสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครใหม่กับการคงเอกลักษณ์บางอย่างจากต้นฉบับไว้ หลายครั้งเลยไม่เข้าใจว่าจะนั่งยองๆบนเก้าอี้ทำไม ทั้งที่ไม่ได้ปูบุคลิกเก็บตัวหรือเป็นโรคนอนไม่หลับและหมกมุ่นกับการสืบสวนเหมือนฉบับญี่ปุ่นที่คนดูคุ้นเคย แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า แอล เวอร์ชั้นนี้ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงเป็นขาลุยมากกว่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากทีเดียว
ลาคีธ สแตนฟิลด์ ในบท แอล นักสืบอัจฉริยะ ที่มักปกปิดตัวตนตลอดเวลา
และที่ขาดไม่ได้คือ รุค หรือลูค ยมทูตผู้มากับเดธโน้ตที่เวอร์ชั่นนี้ได้ วิลเลม เดโฟ มาแสดงเป็นต้นแบบและให้เสียงพากษ์ที่ผสมผสานความเลือดเย็นและทีเล่นทีจริงแบบฉบับญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญยมทูต รุค เวอร์ชั่นนี้อาจน่ากลัวกว่าและเดาทางไม่ได้หนักข้อกว่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเสียอีก
รุค ยมฑูตประจำเดธโน๊ต ให้เสียงโดย วิลเลม เดโฟ
จากซูชิสู่เบอร์เกอร์ลาบเลือด
คอหนังที่คุ้นเคยกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอาจคาดหวังเพียงการดำเนินเรื่องในแนวทางหนังสืบสวนสอบสวนชวนระทึก ผสมเรื่องราวเหนือธรรมชาติจากยมฑูต ลูค แต่สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่น เน็ตฟลิกซ์ คือการจัดเต็มเรื่องความรุนแรงที่มีทั้งฉากหัวหลุด อวัยวะกระเด็น เลือดพุ่ง แบบไม่ให้เสียชื่อผู้กำกับหนังสยองขวัญของ อดัม วิงการ์ด เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าสะใจขาโหดของหนังแนว ทรมานบันเทิง (Torture Porn) แน่นอน และถ้าใครเป็นแฟนหนังสยองขวัญก็จะแอบรู้สึกเล็กๆว่า บางฉากของหนังมีความคล้ายคลึงกับหนังชุด Final Destination อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
การเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่าง ไลท์ เทอร์เนอร์ และ แอล
เหล่านักแสดงผู้ปลุกวิญญาณคาแรกเตอร์
สำหรับนักแสดงในฉบับหนังของเน็ตฟลิกซ์ก็คัดสรรค์มาเป็นอย่างดีทั้ง แน็ต วูลฟ์ พระเอก Paper Town (2015) ที่เพิ่มมิติให้ ไลท์ เทอร์เนอร์ เป็นเด็กมัธยมที่ยังมีปมกับการฆาตกรรมแม่ของเขาและมีแรงผลักดันจากการเป็นเหยื่อความรุนแรงในโรงเรียนได้อย่างน่าเชื่อถือ ส่วน ลาคีธ สเตนฟิล์ด หนุ่มผิวสีอนาคตไกลจากหนังสยองขวัญสุดฮิต Get Out (2017) ก็พยายามสร้างสเน่ห์ใหม่ให้ แอล ด้วยท่าทางการขยับตัวที่กระฉับกระเฉง ความหลักแหลมเฉียบคมในการวิเคราะห์หลักฐาน พ่วงด้วยบทดราม่าที่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะยังมีกรอบอย่างการเป็นคนชอบขนม หรือบุคลิกชอบนั่งยองๆบนเก้าอี้ที่ส่วนตัวคิดว่า สเตนฟิล์ดไม่จำเป็นต้องลอกคาแรกเตอร์ของแอลในหนังญี่ปุ่นมาเลยด้วยซ้ำ ด้านมาร์กาเร็ต ควาลีย์ นักแสดงสาวเพียงคนเดียวในบทนำอย่าง มีอา ซัตตัน หรือ มิสะของเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก็สามารถใช้สเน่ห์ทั้งความใบหน้าสวยๆดวงตากลมโตรูปร่างเซ็กซี่ในชุดชั้นนำสร้างสเน่ห์ให้คาแรกเตอร์ได้เป็นอย่างดี แต่เสียดายที่บทไม่ได้ปูพื้นเรื่องปมเกลียดอาชญากรของเธอมากนัก บางจังหวะของหนังเลยอาจดูไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง
สรุปแล้ว Death Note ในเวอร์ชั่นของ เน็ตฟลิกซ์ ก็ยังคงจิตวิญญาณการเป็นหนังสืบสวนสอบสวนแต่เพิ่มองค์ประกอบของหนังระทึกขวัญแฟนตาซีที่จัดเต็มความรุนแรงและความสยองขวัญจนเวอร์ชั่นญี่ปุ่นกลายเป็นนิทานก่อนนอนไปเลยครับ
Netfilx Original Death Note พร้อมให้ชมในรูปแบบสตรีมมิ่งวันทีี 25 ส.ค.นี้ ทาง Netflix เท่านั้น
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ