ดารา Game Of Thrones ที่เคยผ่านตาเราในหนังฮอลลีวู้ด
นอกจากตัวซีรีส์เองที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับช่อง HBO และยังส่งผลให้ทั้งดารานำและบรรดาตัวประกอบ ต่างก็มีงานต่อเนื่อง หลาย ๆ คนก็ได้อานิสงส์จากหนังโดดไปมีบทบาทในหนังโรง บางคนก็เคยผ่านตาเรามาแล้วก่อนที่จะมาเล่น Game Of Thrones ด้วยซ้ำ แต่เราก็จำไม่ได้เอง และบางคนก็โดนเปลี่ยนโฉมตอนไปเล่นหนังโรงจนเราจำไม่ได้ ตลอด 7 ซีซันมีดาราโผล่หน้ามาหลายร้อยคนครับ ถ้านับพวกที่โผล่หน้ามาไม่กี่ตอนด้วย ก็คัดเด่น ๆ ที่มีงานแสดงทั้งก่อนและหลังมาร่วมงานใน Game Of Thrones ได้ 21 คน แต่สังเกตนะครับว่าไม่มีชื่อน้องหนู เมย์ซี วิลเลียมส์ เพราะหลังจากเป็น อาร์ยา สตาร์ค เธอมีงานหนังเล็ก ๆ แค่ 2 เรื่องเอง ส่วนคนอื่น ๆ เรามาดูกันซิว่า แต่ละคนถ้าบอกว่าเขาไปเล่นเรื่องไหนเป็นใครจะร้อง “อ๋อ” กันมั้ย
ปีเตอร์ ดิงค์เลจ
บทบาทเด่นสุด ได้ทั้งงานได้ทั้งรางวัล แถมมีงานต่อเนื่องเยอะเสียด้วย จริง ๆ พี่แกก็พอมีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาเล่น Game Of Thrones ก็ยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก เลยมีงานแสดงตามาอีกเพียบ งานพากย์ก็มีนะ ไปพากย์เสียงในอนิเมชั่น Ice Age: Continental Drift และล่าสุด Angry Birds งานแสดงนี่เยอะมาก แต่ถ้าหนังทุนสูงจริง แล้วพอจะจดจำได้ก็เรื่องนี้ล่ะ X-Men: Days of Future Past รับบทเป็น ดร.โบลิวาร์ แทรสค์ แล้วต่อจากนี้ก็ไปโผล่หน้าใน Pixels (2015) เสียที่ว่าหนังเจ๊ง ตอนนี้มีข่าวว่าแกจะได้ไปร่วมในโปรเจ็คท์ใหญ่ Avengers: Infinity War เสียด้วย
เอมมิเลีย คลาร์ค
คนนี้ก็งานเพียบ ส้มหล่นสุด ๆ ก็คือการได้รับบทระดับไอคอนของฮอลลีวู้ด เป็น ซาราห์ คอนเนอร์ ใน Terminator Genisys (2015) เสียดายที่ว่าเสียงตอบรับไม่ดีนัก จากโครงการไตรภาค ก็เลยหยุดอยู่แค่ภาคเดียว แต่ก็ได้ไปเป็นนางเอกในหนังโรแมนติก Me Before You ที่เธอพลิกบุคลิกมาเป็นสาวอารมณ์ดี ไม่เหลือเค้าขุ่นแม่มังกรเลย หนังสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้ดี ดูแล้วก็น้ำตาไหลพรากกันไป ก็นับได้ว่า ลู คลาร์ค เป็นอีกบทบาทที่คนดูน่าจะจดจำเธอได้
ลีนา เฮดีย์
คนนี้ก็ดังมาก่อนรับบทเป็น เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ แล้ว ลีนา เธออยู่ในฮอลลีวู้ดมาตั้งแต่ยุค 90s แล้ว เล่นหนังมาเยอะมากแต่ที่น่าจะจดจำกันได้ก็บบทบาท ราชินี จอร์โก จาก 300 ทั้ง 2 ภาค นอกจากนั้นเธอก็ยังเล่น Dredd (2012) , The Purge (2013) และ The Mortal Instruments: City of Bones และก้าวสำคัญของเธอคือการได้รับบทเป็น ซาราห์ คอนเนอร์ ในซีรีส์ Sarah Conor Chronicle บทเดียวกับที่ อีมิเลีย คลาร์ค ได้รับนั่นล่ะ ก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญนะ ดารานำ Game Of Thrones ได้รับบทเป็น ซาราห์ คอนเนอร์ 2 คนเลย ปีหน้า ลีนา ก็จะมีหนังฮอลลีวู้ดรอฉายอีก 2 เรื่องนะ
คิต ฮาริงตัน
รายนี้ดวงไปได้ไม่ดีกับฮอลลีวู้ดนะ แม้จะเป็นถึงพระเอกของซีรีส์ แต่หนังโรงแต่ละเรื่องของคิต ไม่มีหนังฮิตเลยสักเรื่อง ประเดิมเรื่องแรกกับ Silent Hill: Revelation (2012) หนังภาคต่อที่สร้างจากวีดีโอเกมชื่อดัง หนังก็ไปได้ไม่ดีทั้งรายได้และเสียงวิจารณ์ ได้ไปเป็นพระเอกเต็มตัวใน Pompeii (2014) หนังก็แป้กอีก ลดชั้นไปเป็นตัวประกอบใน Seventh Son (2014) หนังก็ยังเจ๊งอีก หลังจากนั้นก็ไปเป็นพระเอกในหนังฟอร์มเล็ก น่าจะเกรดบีเลยล่ะ ไม่มีใครซื้อมาฉายในบ้านเรา น่าสงสารเขานะครัช
นิโคลาส คอสเตอร์ วัลเดา
นักแสดงชาวเดนมาร์ก เข้ามาฮอลลีวู้ดตั้งแต่ปี 2001 แล้ว เล่นหนังฮอลลีวู้ดเยอะมาก มีบทสมทบในBlack Hawk Down (2001) ด้วยนะ Kingdom Of Heaven (2005) ก็เล่น FireWall (2006) ก็เล่นแต่ถ้านับว่าได้บทนำจริง ๆ หลังจาก Game Of Thrones ก็ใน Mama หนังสยองขวัญเรื่องดังเมื่อปี 2013 เนี่ยล่ะ ที่เขารับบทเป็นพ่อเลี้ยงดูแลลูกผีทั้ง 2 คน แล้วต้องเผชิญกับผีแม่ที่มาตามทวงลูก แต่บทเด่นสุดในฮอลลีวู้ดก็มาถึงเขาใน Gods Of Egypt ที่ได้รับบท โฮรัส เป็นพระเอกเต็มตัวประชันกับ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์
โซฟี เทอร์เนอร์
โซฟี ไม่เคยมีงานแสดงมาก่อนเลย Game Of Thrones คืองานแรกในชีวิตเมื่อวัย 15 ปี โซฟี เป็นวัยรุ่นที่หน้าตาสวย และสูงมาก สรีระแบบนี้โอกาสจะแจ้งเกิดในฮอลลีวู้ด จึงไม่ยากนัก เธอได้บทสมทบครั้งแรกในหนังแอ็คชั่น Barely Lethal (2015) และปีถัดมาก็ได้เป็น จีน เกรย์ มิวแตนท์ตัวสำคัญในจักรวาล X-Men ที่ดาราสาวหลายคนก็อยากได้บทนี้ และมันก็ทำให้เธอได้มีงานต่อเนื่องมีหลายเรื่องในจักรวาล X-Men แต่โซฟี่ ก็ยังมีผลงานรอฉายอีก 3 เรื่องนะ ถือว่าเป็นดารา Game Of Thrones ที่ประสบความสำเร็จรายต้น ๆ เลยล่ะ
เอียน เกลน
รายนี้เป็นดารารุ่นเก๋าของฮอลลีวู้ด อยู่ในวงการมาตั้งแต่ปลาย ๆ ยุค 80s สมัยหนุ่ม ๆ นี่หล่อเลย เคยปรากฎตัวในหนังดังอย่าง Lara Croft: Tomb Raider (2001) แล้วก็ไปเป็น ดร.ไอแซค ตัวร้ายในแฟรนไชส์หนัง Resident evil ไปโผล่ในบทสมทบใน Kick-Ass2 ด้วย ระหว่างที่เล่น Game Of Thrones ก็ยังมีงานเยอะทั้งหนังทั้งซีรีส์เพียบ เป็นดาราที่งานชุกคนหนึ่งเลย จะว่าไม่เลือกงานก็ได้นะ
แอลฟี่ อัลเลน
แอลฟี่ อยู่ในวงการฮอลลีวู้ด มาตั้งแต่ปลายยุค 90s ก็มีงานเนือง ๆ นะ เป็นตัวประกอบล้วน ๆ จนบท ธีออน เกรย์จอย ที่เล่นได้น่ารังเกียจจนคนจดจำเนี่ยล่ะ ถึงได้มีคนจำชื่อจำหน้าเขาได้ และหลายคนก็น่าจะจำเขาได้ตอนที่ไปปรากฏตัวใน John Wick เพราะตอนนั้นเขาก็เป็น ธีออน เกรย์จอย มาได้ 4 ซีซันแล้ว งานต่อจากนี้ แอลฟี่ จะมีบทสมทบในหนัง The Predator ภาคใหม่ ที่เราจะได้ดูกันปีหน้านี้ล่ะ
ไอแดน กิลเล็น
รายนี้มาจากสายซีรีส์ เล่นซีรีส์เยอะมาก ก่อนมาเล่น Game Of Thrones ระหว่างที่เป็น “นิ้วก้อย” ก็ยังไปโผล่ในซีรีส์อีกหลายเรื่องนะ ไอแดน ได้มีส่วนร่วมในหนังฟอร์มใหญ่อย่าง The Dark Knight Rises แต่บทสมทบม้ากมาก เป็นเจ้าหน้าที่ CIA ที่ไม่มีแม้ชื่อตัวละครในหนัง แล้วก็ได้บทสำคัญใน Maze Runner: The Scorch Trials ที่ดูแววจะเป็นตัวละครหลักใน The Death Cure ภาค3 ที่จะได้ดูกันปีหน้านี้ ส่วนบท บิล เซียนธนูมือฉมังใน King Arthur ยังต้องลุ้นว่าจะมีโอกาสต่อภาค 2 กับเขาไหม
เกว็นโดลีน คริสตี้
สาวร่างยักษ์รายนี้ แจ้งเกิดจากบท บริแอนน์ แห่ง ทาร์ธ จริง ๆ ด้วยสรีระที่สูงถึง 190 ของเกว็นโดนลีน ก็สมควรที่จะหาบทเล่นได้ยากอยู่หรอก ก็ต้องได้เล่นแต่หนังแนวนักรบ อัศวินเนี่ยล่ะ บทแรกของเธอในหนังฟอร์มใหญ่ ก็เป็นผุ้บัญชการไลม์ใน The Hunger Games: Mockingjay – Part 2 (2015) แล้วปีเดียวกันก็ได้ไปเป็นกัปตันพลาสมา ในหนังฟอร์มใหญ่ Star Wars: Episode VII – The Force Awakens แต่ทั้งเรื่องก็ไม่มีใครได้เห็นหน้าเธอเลยนะ แต่ว่าเอาใครเล่นแทนไม่ได้หรอก ตัวไม่สูงขนาดนี้ ถือว่าปีนี้ดวงเธอมาจริงได้เล่นหนังทุนสูง 2 เรื่องเลย
เลียม คันนิ่งแฮม
รุ่นใหญ่อีกคน เล่นหนังโรงหนังซีรีส์มาแล้ว 100 กว่าเรื่อง แต่ส่วนใหญ่แทบไม่รู้จักเลย น่าจะหนังเกรดบี หนังลงแผ่นดีวีดีเสียเป็นหลัก ก็พูดได้ว่าบทสมทบใน Clash of the Titans (2010) เนี่ยน่าจะเป็นหนังฟอร์มใหญ่สุดที่เลียมเคยได้ร่วมงานด้วย แต่นั่นก็ก่อนที่เขาจะมาเป็น ดาวอส ซีเวิร์ธ ใน Game Of Thrones นะ หลังจากนั้น เลียม ก็มีบทสมทบอีกครั้งใน Safe House หนังเดนเซล วอชิงตัน ปี 2012 แต่หนังฟอร์มเล็กแค่ไหนแกก็ไม่แคร์นะ รับหมด ทำให้เลียม เป็นนักแสดงทีมีงานชุกปีนึง 4-5 เรื่องเลยนะ
นาธาลี เอ็มมานูเอล
รายนี้นับได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของซีรีส์ Game Of Thrones อย่างแท้จริง เพราะบท มิสซานเด ของเธอนี่คือตัวประกอบมาก ๆ แต่ก็ยังมีผู้สร้างเห็นแววความสวยของเธอ ได้ไปเป็นนางเอกของหนังฟอร์มยักษ์ Furious Seven (2015) ที่ต้องยอมรับว่า นาธาลี ในหนัง Fast เธอดูสวยขึ้นมาก และเป็นผู้หญิงที่ดูเข้ากับทรงผมฟูฟ่องของเธอมาก และก็เพราะเสน่ห์ของเธอเนี่ยแหละ ทำให้เธอได้กลับมาสวมบท แรมซีย์ ต่ออีกครั้งใน The Fate of the Furious ที่เพิ่งได้ดูกันไปเมื่อต้นปี ส่วนปีหน้าเราจะได้เห็นเธอใน The Death Cure ภาค 3 ของ Maze Runner
รอรี แมคแคนน์
ดาราชาวอังกฤษที่อยู่มาแต่แวดวงซีรีส์ เคยมีบทสมทบใน Clash of the Titans (2010) และ Season of the Witch (2011) แล้วตั้งแต่มาเป็น เดอะ ฮาวนด์ ใน Game Of Thrones ก็มีซีรีส์เรื่องอื่นอีกแค่ 2 เรื่อง งานน้อยจังนะ บท ทอร์ช เพื่อนของแซนเดอร์ เคจ นี่ก็นับว่าเป็นบทบาทที่มีหน้ามีตาสุดในแวดวงฮอลลีวู้ดสำหรับ รอรี แล้วล่ะ เพราะตอนนี้งานแสดงเขาก็มีแต่ Game Of Thrones เรื่องเดียวเท่านั้นล่ะ
ชาร์ล แดนซ์
รุ่นใหญ่สุดในบรรดานักแสดง Game Of Thrones แล้วล่ะ ปีนี้ชาร์ล อายุ 71 แล้ว เล่นหนังมาตั้งแต่ยุค 70s แสดงหนังและซีรีส์มาแล้วถึง 135 เรื่อง จึงไม่แปลกหรอก ที่ชาร์ล เล่นเป็น ไทวิน แลนนิสเตอร์ ได้อย่างน่าเกรงขาม และขณะเดียวกันก็เป็นตัวละครที่คนดูเกลียดชังตัวหนึ่งเลยล่ะ ชาร์ลผ่านงานแสดงมาเยอะมาก แม้จะไม่ได้รับบทนำในยุคหลัง ๆ แต่หนังที่ชาร์ล ร่วมงานเป็นหนังดังล้วน ๆ นะ Ghostbusters (2016) , Me Before You (2016) Underworld: Blood Wars (2016) นี่แค่ปีเดียวนะ แต่ถ้าไม่บอกว่า ราชาแวมไพร์นี่คือ ชาร์ล แดนซ์ ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่พอรู้แล้วก็ อ๋อ เลย เพราะเค้าหน้าบ่งบอกชัดเจน
คริสโตเฟอร์ ฮิฟจู
ดาราชาวนอร์เวย์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจนด้วยผมและหนวดเคราแดง คริสโตเฟอร์ รับงานฮอลลีวู้ดและนอร์เวย์บ้านเกิดสลับกันไปมา มีงานใหญ่ในฮอลลีวุ้ดเรื่องแรกก็คือ The Thing (2011) และบทสมทบที่ไม่มีแม้ชื่อตัวแสดงใน After Earth (2013) บท ทอร์มุนด์ หัวหน้าคนเถื่อนจึงถือได้ว่าเป็นบทที่สร้างชื่อให้ฮิฟจู จริง ๆ และทำให้เขาได้ไปร่วมงานกับหนังฟอร์มใหญ่อย่าง The Fate of the Furious (2017) เป็นวายร้ายตัวฉกาจของเรื่อง
นาตาลี ดอร์มเมอร์
นี่ก็อีกรายที่ถือว่าบท มาเจอร์รี ไทเรลล์ ส่งให้เธอเป็นที่รู้จัก และเริ่มได้บทบาทสำคัญในหนังฟอร์มใหญ่ แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะมีบทสมทบอยุ่บ้างในหนังฟอร์มใหญ่อย่าง Captain America: The First Avenger (2011) , The Counselor (2013) , Rush (2013) แต่ก็ไม่ใช่บทบาทที่มีหน้ามีตา จนกระทั่งได้รับบท เครสซิด้า หัวหน้าหน่วยรบใน The Hunger Games: Mockingjay – Part 1 (2014) ที่ดูเป็นการพลิกบทบาท จากสาวบอบบางอย่าง มาเจอร์รี ไทเรลล์ อยู่มาก และจากนั้นเธอก็เข้าสู่สถานะนำหญิงเต็มตัวใน The Forest หนังสยองขวัญปี 2016 ที่ไม่ประสบความสำเร็จนัก
โรส เลสลี
บทอีกริตต์ คนรักในจอของ จอน สโนว์ ที่ไปสานต่อไปเป็นคนรักนอกจอกับคิต ฮาริงตัน ทำให้เธอถูกพูดถึงสังคมข่าวฮอลลีวู้ด และอาจจะมีผลให้เธอได้รับบท โคลอี นางเอกใน The Last Witch Hunter (2015) ได้ประกบคู่กับ วิน ดีเซล แต่อาจจะโชคดีไม่สุดนัก เพราะหนังเจ๊งเละเทะ ก็เลยมีผลกับหนทางของเธอในฮอลลีวู้ดด้วยเช่นกัน อุตส่าห์ได้ประกบซูเปอร์สตาร์ทั้งทีแล้วนะ งานของ โรส ตอนนี้ก็เลยมีแต่ทีวีซีรีส์ The Good Fight ทางช่องCBS
เจสัน โมมัว
แม้บทคาห์ล โดรโก จะเป็นบทสำคัญในซีรีส์ Game Of Thrones และเป็นเจ้าของฉากสำคัญได้ซั่มขุ่นแม่มังกรคนแรก แต่คาห์ล ก็รีบจากไปตั้งแต่ซีซัน 2 เจสัน ก็เลยหมดงานไปด้วย แม้หน้าตาสรีระน่าจะไปได้ดีกับวงการฮอลลีวู้ดนะ ด้วยความสูงถึง 193 ซม. แต่หน้าตาไว้หนวดเคราแล้วจะออกไปทางร้าย เจสัน ก็เลยได้ไปเป็นผุ้ร้ายให้ซิลเวสเตอร์ จัดการใน Bullet In The Head (2012) แล้วเจสัน ก็กลับลงจอซีรีส์ปีละเรื่อง จนโชควนมาหาเขาอีกครั้งกับ Aquaman โอกาสสำคัญในชีวิตที่ เจสัน จะได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่กับเขาสักที
มิเชลล์ แฟร์ลีย์
เอาดีกับซีรีส์ล้วน ๆ ครับ เล่นซีรีส์มาตั้งแต่ยุค 80s เลย จนบทแคทลีน สตาร์ค ตายไปในซีซัน 3 เธอก็ไม่เดือดร้อน ยังมีซีรีส์เรื่องอื่นให้เล่นปีละ 2-3 เรื่องมาจนทุกวันนี้ ก่อนหน้าที่เธอจะมาร่วมงานใน Game Of Thrones มิเชลล์ ก็ได้มีบทสมทบในหนังฟอร์มยักษ์เช่นกันด้วยการรับบทเป็น นางเกรนเจอร์ แม่ของเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ในภาค Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1 (2010)
เอ็ด สไครน์
ดาริโอ นาฮาริส ทหารเอกและชู้รักของขุ่นแม่มังกรในซีซัน 3 แม้จะโผล่หน้ามาแค่ 3 ตอนก็ยังดังได้ง่ะ คิดดู , เอ็ด ได้สวมบทเป็น แฟรงค์ มาร์ติน บทที่เคยสร้างชื่อให้ เจสัน สตาแธม มาแล้วใน The Transporter Refueled (2015) แต่หนังก็ถูกยกไปเปรียบเทียบกับหนังต้นฉบับ และไม่ได้ไปต่อ แต่ถือว่า เอ็ด ดวงยังดี เขายังมีงานในฮอลลีวู้ดอย่างต่อเนื่อง ได้เป็น เอแจ๊กซ์ ตัวร้ายใน Deadpool (2016) และตอนนี้มีหนังของ เอ็ด ที่ยังรอฉายไปถึงปีหน้าอีกถึง 5 เรื่อง
ไมชีล ฮุยส์แมน
บท ดาริโอ นาฮาริส นี่มันแจ้งเกิดได้ดีจริง ๆ นะ เอ็ด สไครน์ ไปเล่น The Transporter Refueled (2015) เลยไม่กลับมาในซีซัน 4 , ไมชีล ฮุยส์แมน ก็มาสวมบทต่อ แล้วก็ส่งผลให้ ไมชีล ไปเป็นพระเอกเต็มตัวใน 2:22 หนังที่เสียงฮือฮาถึงความหล่อของพระเอกมากกว่าชื่นชมตัวหนัง ตอนมาฉายในบ้านเรา หนทางฮอลลีวู้ดของ ไมชีล ไปโลดครับ ปีนี้ถึงปีหน้า ไมชีล มีหนังทั้งถ่ายทำอยู่และเสร็จแล้วรวม 7 เรื่องครับ
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ