รีวิว THE BEGUILED – ร่าน ราคะ
THE BEGUILED เป็นอีกหนึ่งหนังรีเมคที่ได้รับความสนใจจากผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักแสดงนำหญิงที่ฝีมือไม่ธรรมดาทั้ง นิโคล คิดแมน, แอล แฟนนิ่งและ คริสเทน ดันส์ ไม่เพียงเท่านี้ยังได้หนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างโคลิน ฟาร์เรลมารับบทเป็นทหารฝ่ายใต้ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวในโรงเรียนสตรีล้วนแห่งนี้ รวมไปถึงนี่เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิงที่มีชื่อเสียงอย่าง โซเฟีย คอปโปลา
สืบเนื่องจากที่ตัวผู้เขียนยังไม่เคยชมเวอร์ชั่นของผู้กำกับ ดอน ซีกัลป์ ในปี 1971 ซึ่งในเวอร์ชั่นดังกล่าว บรรดานักวิจารณ์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อหนังถูกเล่าผ่าน “มุมมองของผู้ชาย” หนังในเวอร์ชั่นนี้จึงมีลักษณะของการเหยียดเพศและมีสายตาในการมองผู้หญิงในมุมที่ผู้หญิงด้วยกันเองดูแล้วคงรู้สึกชวนขุ่นข้องหมองใจอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้เขียนจะไม่เคยชมหนังในเวอร์ชั่นในปี 1971 แต่สำหรับเวอร์ชั่น 2017 นี้จะเห็นว่าหนังถูกเล่าผ่าน “สายตา” ของผู้หญิงอย่างชัดเจน หนังถ่ายทอดอารมณ์ของผู้หญิงในโรงเรียนสตรีล้วนทั้ง 7 คนได้อย่างน่าสนใจ และดีกรีความ “แรด” ของตัวละครแต่ละตัวนั้น ถูกนำเสนอมาได้อย่างน่าติดตาม
อันที่จริงจะว่าไปแล้วความแรดของตัวละครที่เกิดขึ้นในบริบทของหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เมื่อหยิบเอาเรื่องราวของอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์มาเป็นตัวอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว “กลุ่มผู้หญิงที่ไม่ได้พบพานผู้ชายมาเป็นเวลานานเพราะเกิดสงครามกลางเมือง” เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ว่ายามที่อารมณ์ทางเพศถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้า ย่อมทำให้เกิดผลลัพธ์มากมายที่ตามมา
ซีนที่น่าจดจำมากของ THE BEGUILED คือฉากดินเนอร์บนโต๊ะอาหารหลังจากที่นายทหารแม็คเบอร์นีย์ (โคลิน ฟาร์เรล) มีอาการที่ดีขึ้นและทำให้เขาได้รับเชิญมาร่วมโต๊ะอาหาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารนั้นเรียกได้ว่าหญิงสาวแต่ละคน ต่างก็พยายาม “ขายเสน่ห์” ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แถมยังมีการ “กันซีน” คนอื่นๆในวิธีของตัวเอง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฉาก “แย่งผัว” แบบที่ไม่ต้องมีการจิกหัวตบ หรือด่ากันด้วยคำพูดหยาบๆแบบละครช่อง 8 เลยทีเดียว
อรรถรสของหนังเรื่องนี้ นอกจากเรื่องการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผู้ชาย (เพราะแรงขับทางเพศ) แล้ว หนังยังแสดงให้เห็นว่า “โรงเรียนสตรีล้วน” แห่งนี้เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวของผู้หญิง ที่ตัวละครอย่างนายทหารแม็คเบอร์นีย์ ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ภายในอาณาเขตพื้นที่รอบรั้วเหล็กอยู่ตลอดเวลา มีแค่เพียงช่วงเวลาที่เอมี่ (ออนนา ลอเรนซ์) เดินออกไปเก็บเห็ดในป่าในช่วงต้นเรื่องและก่อนไคลแม็กซ์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นฉากสุดท้ายของเรื่องหนังก็ยังเลือกใช้วิธีการดอลลี่เอาท์ออกจากตัวบ้านออกมาเรื่อยๆ โดยที่มีภาพของหญิงสาวทั้ง 7 นั่งเรียงรายกันอยู่หน้าบ้าน เป็นภาพสุดท้ายก่อนที่เฟรมเครดิตจะขึ้นมา ยิ่งทำให้เราเห็นว่านี่เป็นหนัง “พื้นที่ส่วนตัว” ของผู้หญิงอย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่า THE BEGUILED จะเป็นหนังที่ช่วงหนึ่งเหมือนผู้หญิงพยายามจะแย่งชิงผู้ชาย แต่ยามที่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา พวกเธอก็พร้อมจะรวมตัวกันเพื่อผ่านพ้นปัญหานั้นร่วมกันไป แม้ว่าผลลัพธ์นั้นจะไม่ค่อยน่าพึงประสงค์สักเท่าไหร่ก็ตามที