THE FACE MEN EP.6 ทำน้อยได้มาก
หลังจากใน EP5 กันย์ ทีมลูกเกดคือคนที่ต้องออกจากรายการไปเป็นคนล่าสุด แถมรายการยังสร้างซีนเชือดน้องตอนท้ายรายการชนิดที่ใครดูแล้วไม่ฮาการ “เล่นใหญ่” ระดับรัชดาลัยยังต้องอายกันไปแล้ว เหตุการณ์ที่น่าสนใจใน EP ที่ ก็เรียกได้ว่าเดือดไม่แพ้กัน (อ่านความเดิมตอนที่ 5 ได้ที่ http://movie.sanook.com/71367)
มาสเตอร์คลาสกับความรู้ที่ส่งต่อมาถึงคนดู
ระหว่างที่เรารอคอยว่าเมื่อไหร่เมนเทอร์พีชจะมาเป็นครูในช่วงมาสเตอร์คลาส เราก็คงต้องรอกันเหงือกแห้งต่อไป เพราะในสัปดาห์นี้เมนเทอร์หมู เจ้าของห้องเสื้อดังอย่าง ASAVA มาสอนหนุ่มๆแต่งตัวอย่างไรให้ดูดีและดูแพง และรู้กาลเทศะที่เหมาะสมด้วย ซึ่งระหว่างที่เรานั่งดูอยู่นั้น เราก็ได้เกร็ดความรู้ที่จะเอาไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ผสมผสานยามแต่งตัวให้ลงตัวที่สุด
เมื่อป้าตือ ไม่ได้มาจากรายการตือสนิท!
เชื่อว่าหลายคนที่ติดตามรายการ The Face น่าจะพอรู้จักรายการออนไลน์ที่ป้าตือเป็นผู้ดำเนินรายการอย่างรายการ “ตือสนิท” อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นรายการที่หาสาระไม่ได้ แต่โคตรเต็มไปด้วยความบันเทิงและขายของสปอนเซอร์กันแบบหน้าไม่อายเลยทีเดียว (ฮา) ซึ่งความโดดเด่นของรายการดังกล่าวคือการตัดต่อรายการแบบเหมือนคนตัดรายการเป็นบ้า (ชม) พร้อมทั้งการไม่เก็บอาการของป้าตือที่เกร็งหน้าตึง คอมเมนต์เผ็ดร้อนแบบในรายการ The Face แต่ที่ตลกที่สุดสำหรับการตัดสินมาสเตอร์คลาสใน EP 6 ที่ให้มอสเป็นผู้ชนะ ในวันนี้ ใครที่ได้ดูก็คงจะงงไปตามๆกันว่า สรุปป้าตือตัดสินการแต่งตัวหรือถูกใจคนใส่กันแน่ล่ะเนี่ย (ป้าตือขา นี่ไม่ใช่รายการตือสนิทนะฮะ ป้า) ทั้งที่ดูยังไงก็ตามถ้าจะว่ากันตามแล้ว พีเคน่าจะชนะมาสเตอร์คลาสเสียด้วยซ้ำไป (รายการตือสนิท : https://www.facebook.com/tuesanit/)
แคมเปญกับความผิดพลาด
คนเราผิดพลาดกันได้เสมอ แม้กระทั่งคนที่คร่ำหวอดในวงการมาร่วม 20 ปีอย่างเมนทอร์หมู ซึ่งในวันนี้ทีมนี้คือทีมแรกที่ต้องเดินแบบในโจทย์ Victory Walk ประหนึ่งว่าเป็นชัยชนะของกรุงโรม ที่นำทัพด้วยแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าความผิดพลาดของทีมหมู เกิดจากการที่เติร์ดเกิด “ผิดคิว” เดินออกมาก่อนเวลาที่ควรจะเป็น ส่งผลทำให้คนอื่นๆให้โชว์เกิดอาการรวน
ช้าก่อน ก่อนจะโทษว่าเป็นความผิดเติร์ด เราสามารถมองได้ 2 แง่นั่นคือความผิดพลาดของนายแบบจริงๆ(หลงคิวเพลง) หรือเป็นเพราะแบ็คสเต็จทำงานไม่ดี อันนี้ก็สามารถมองได้เช่นกัน (หรือเป็นความตั้งใจของรายการเพื่อให้เกิดดราม่า) เพราะในวงการรันเวย์หน้าที่ของคนปล่อยคิวนายแบบนางแบบนั้น ต้องอาศัยความชำนาญและการ “รู้คิว” แต่แน่นอนว่าการแสดงทุกประเภท มีโอกาสเกิดเหตุการณ์ผิดคิวแบบนี้ได้เสมอ ขึ้นอยู่ที่ว่าทุกคนที่มีส่วนร่วมโชว์ดังกล่าวจะสามารถทำให้โชว์นั้นดำเนินต่อไปได้หรือไม่ (The Show Must Go on) ดังนั้นทุกๆฝ่ายจำเป็นจะต้องมี “สติ” เสมอ
การสร้างเรื่องราวสำคัญเสมอ
การเป็นเมนทอร์คู่กับรายการ The Face มาแล้ว 4 ซีซั่นแสดงให้เราเห็นว่าเมื่อถึงโจทย์การเดินแบบ เมนทอร์ลูกเกดก็สามารถตีโจทย์แตกและสร้างเรื่องราวให้โชว์น่าประทับใจได้เสมอๆ (เรายังจดจำโชว์ “ฝน” ของ The Face SS3 ได้อยู่เลย) เช่นเดียวกันกับโชว์ใน EP6 วันนี้ที่ทีมลูกเกดทำให้ ชัยชนะของเหล่านักรบในกรุงโรม ดูน่าสนใจเพียงแค่ “ซีนเปิด” ที่นิกกี้ก้มลงหยิบทรายมาโปรยเพื่อชี้ให้เห็นถึงพิธีกรรมของแกลดิเอเตอร์ นอกเหนือไปจากนี้ตลอดโชว์ยังมีการส่งพลังมาถึงผู้ชมด้วยนั่นเอง
ทีมพีชก็ทำออกมาได้น่าสนใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจจะน่าเสียดายตรงที่ว่าระหว่างตรงกลางระหว่างโชว์อาจจะดูรุงรังไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี
เป็นประจำก่อนจะเข้าห้องดำเสมอๆ ที่เมนทอร์แต่ละคนจะมีวิธีมาพูดถึงผลงานกับลูกทีมในแบบที่แตกต่างกันออกไป เมนทอร์ลูกเกดยังคงมาพร้อมกับการตรวจสอบการทำงานกับลูกทีมได้น่าสนใจเช่นเคยว่าอะไรคือความ “ผิดพลาด” ของโชว์เมื่อวาน ในขณะที่ทีมหมูเลือกจะมาเจอกับลูกทีมด้วยความผิดหวังและบอกว่า ลูกทีมทั้ง 6 ของทีมหมูนั้นยัง “ทุ่มเท” และใช้ศักยภาพออกมาไม่เพียงพอ
ส่วนทีมพีชยังมาคุยกับลูกทีมในสไตล์คนรุ่นใหม่ เมนเทอร์พีชบอกว่า เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ทีมแพ้ ถ้าหากเราแพ้แล้วทุกคนในทีมเกิดการพัฒนา ได้อะไรกลับไป
เมื่อมีโอกาส จงพูดในสิ่งที่เรารู้สึก
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดใน EP6 คือการที่เมนเทอร์หมูเลือกจะส่งลูกทีมทั้ง 3 คนเข้าไปในห้องคัดออกเพื่อให้เมนทอร์ลูกเกดเป็นคนตัดสิน ซึ่งประกอบไปด้วยมิกกี้ แบงค์และแซม ในขณะที่ทีมพีช กันย์คือคนที่ถูกส่งเข้ามาในห้องดำ
ช่วงการดีเฟนด์ตัวเองของผู้เข้าแข่งขันคือสิ่งที่น่าสนใจเช่นเคย ทุกคนยังพูดอย่างมีตรรกะ มีวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ
แบงค์์คือคนหนึ่งที่ยังมีศิลปะในการพูดโน้มน้าวใจ ชวนคล้อยตาม แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่พูดเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร วิธีการมองโลกของแบงค์ค่อนข้างน่าสนใจ เขาเป็นคนที่ เข้าใจในวิถีของโลกและแน่นอนว่าวิถีของรายการดี” เขาแสดงให้เห็นถึงจุดดี พัฒนาการของตัวเอง และการทิ้งท้ายว่าถ้าหากเขาเป็นคนที่จะต้องเดินออกจากรายการเขาก็จะจากไปอย่างผู้ชนะ
แซม เลือกจะพูดในมุมมองว่า “ทำไมเมนเทอร์หมูถึงแสดงออกเช่นนั้นและทำไมเขาถึงส่งทั้งสามเข้ามาในห้องนี้” แซมพยามชี้ให้เห็นว่าตัวตนที่แย่ในอดีตจะไม่มีคำแก้ตัว แต่เขายังอยากจะอยู่รายการนี้ต่อไปและจะเปล่งประกายออกมาให้ได้
มิกกี้ก็มีวิธีการพูดที่น่าสนใจ ว่าครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในรายการนี้ตอนแรกเขาอยากจะเข้าไปอยู่ในทีมพี่ลูกเกดมาก เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความเป็น “คุณแม่” จากทีมลูกเกดถึงแม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวกัน มิกกี้บอกว่างานเดินแบบแลแอ็คติ้งคือจุดด้อยที่สุดของเขาแต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างเช่นกัน
ท้ายที่สุด เป็นแบงค์ที่โดนคัดออกจากรายการ แต่เมื่อเราพิจารณาจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของเขาแล้ว เราจะพบว่าแบงค์ได้มีโอกาสในการผ่านเวทีการเป็นนักร้องบอยแบนด์ เคยได้เดินแบบรันเวย์งานใหญ่ๆ อีกทั้งเขายังทำงานเป็นทนายมีความมั่นคงในอยู่บริษัทกฎหมาย เหล่านี้ได้หลอมรวมให้แบงค์เป็นคนที่มีความคิดความอ่านที่น่าสนใจ อย่างน้อยเราได้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มุมานะ มีความพยายาม และเขาเป็นคนที่ “เข้า”ใจ" ความเป็นไปของโลกใบนี้
ทำน้อยได้มาก
โมเมนต์กระชากน้ำตาของ EP6 คือการที่เมนเทอร์หมูเดินเข้ามาในห้องดำและพบว่าทีมตัวเองเหลือเพียงแซมและมิกกี้ เมนเทอร์หมูไม่พูดอะไรเขาพยักหน้าและยักไหล่หนึ่งครั้งก่อนจากไป ตัดภาพมาที่มิกกี้ตาแดงก่ำ ซึ่งอนุมานได้ว่าท่าทางเช่นนั้นเป็นการแสดงออกที่แปลได้ว่า “Don’t Care” หรือ ไม่เห็นจะอะไรยังไงเลย ซึ่งตีความได้ว่าพวกเขาไม่มีจำเป็นจะต้องอยู่ด้วยซ้ำไป แต่แน่นอนว่าการแสดงออกเพียงแค่ท่าทาง บางครั้งมันทำให้คนที่รับ “สาร” เหล่านั้นไปตีความกันต่ออย่างเจ็บปวดมากกว่าคำพูด ซึ่งเป็นจิตวิทยาประเภทหนึ่งที่เรียกว่าการ “ทำน้อย แต่ได้มาก” (แสดงออกน้อยๆ แต่ “ผู้รับสาร” กลับได้รับผลกระทบจากการตีความ “สาร” นั้นเป็นอย่างมาก)
ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการในการทำให้ลูกทีมของตัวเอง ฮึดสู้ขึ้นมาหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ทีมหมูอาซาว่า “เจ็บปวด” กันไม่น้อยเลยทีเดียว