ล้วงใจ "บาส สุรเดช" ความมุทะลุที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต
เฮลโหล่วววว ทุกคน "เจ๊จี" มาแล้วจ้า หายไปพักใหญ่ มีใครคิดถึงเจ๊จีกันมั้ยน้อ จริงๆไม่ได้หายไปไหน มัวแต่เคลียร์คิวเพื่อจะไปนั่งคุยชิลๆกับหนุ่มน้อยสุดฮอตคนล่าสุดที่เจ๊จีหมายตาเอาไว้ อ่ะ มีใครทายถูกมั้ยว่าเค้าคนนี้เป็นใคร ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา เจ๊จีกำลังจะพาทุกคนมาพูดคุยกับพระเอกหนุ่มดาวรุ่งมาแรง "บาส สุรเดช พินิวัตร์" ที่แจ้งเกิดจาก "เดือนเกี้ยวเดือน 2Moons The Series" พร้อมล้วงลึกถึงความรู้สึก เส้นทางก่อนเข้าวงการ จนถึงปัจจุบัน ที่แว่วๆว่า กำลังจะได้โกอินเตอร์ไปเมืองจีน! กว่าจะมาถึงวันนี้หนุ่มบาสผ่านมา เยอะ! ไม่เบาเลยจริงๆ
ทักทายกันหน่อย ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง อัพเดตกิจกรรมล่าสุดหน่อย
แฮ่! โหลๆ หนึ่ง สอง สาม โย่ว โย่ว โย่ว (หัวเราะ) ตอนนี้มีแฟนมีตนะครับผม ต่อไปจะเป็นที่มาเลเซีย (เตรียมความพร้อมยังไงบ้าง) มีซ้อมเต้นซ้อมร้องเพลงกันพร้อมหน้าพร้อมตานะฮะ (ครั้งที่แล้วได้ซ้อมกันเยอะมั๊ย) ซ้อม แต่ว่าไม่ค่อยมีคิวกันอ่ะ ไม่ค่อยมีเวลากัน แต่ก็ซ้อมกันนะ
แฟนมีตติ้งที่จีนเป็นยังไงบ้าง
มีตที่จีนก็เป็นมินิคอนเสิร์ตครับ ตอนแรกก็เตรียมเกมไปเล่นกัน แต่ว่าด้วยความที่เวลามันไม่พอ เราก็เลยไม่ได้เล่นเกม เวลาไม่พอเราก็เลยกลายเป็นมินิคอนเสิร์ต ร้องเพลง พวกผมก็เต็มที่กันนะครับ ตอนแรกที่ไปถึงสนามบิน ไม่คิดว่าจะมีคนมารอเยอะ เพราะว่ามันดึกแล้วอ่ะ ตีสองตีสามประมาณนั้น ผมยังพูดเล่นกับพี่ๆอยู่เลยว่า พี่..ตีสองไม่มีคนมารอหรอก พอลงไปถึงปุ๊บ โอ้โห FC เยอะมาก มีพี่ๆมารอเยอะมาก ก็อุ่นใจอ่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะมี พอเห็นปุ๊บก็ดีใจครับ เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ทุกคนก็มารอเรางี้ (ตกใจมั๊ย) ตกใจครับ คนเยอะมาก มันดึกด้วยแหละ ประเด็นคือมันดึก แฟนคลับตามไปทุกที่เลย ก็มีรออยู่ข้างล่าง(โรงแรม)ตลอด เวลาไปไหนเขาก็จะขับรถตาม มันเป็นอะไรที่ไม่เคยเจอ เขาตามเพราะเขาไม่ได้เจอเราบ่อย พอเขาเจอเราเขาก็อยากตาม อยากรู้ว่าเราทำอะไร เขาก็เลยขับรถตามข้างหลังเป็นขบวนเลยอ่ะ มองไปข้างหลังนี่ถือป้ายแบบ บาส! ป้ายก็อต ป้ายเต้ตี๋ไรงี้ ถือคิมม่อนคอปเตอร์ ถือกันหมดอ่ะ แล้วมีทุกคนอ่ะ คือมาเป็นขบวนอ่ะ หันหลังไปนี่คือแบบ ใช่หมดเลย (เจอเหตุการณ์นี้ครั้งแรกพร้อมกันคุยกับพี่ๆยังไงบ้าง) ก็ตื่นเต้นกันว่า เฮ้ย ไม่เคยเจอเลย แล้วทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก
คิดว่าอะไรสนุกที่สุดในการไปทริปจีน (เฉิงตู)
จริงๆมันก็สนุกหมดแหละครับ ได้ไปแฟนมีตที่ต่างประเทศ ก็ไม่เคยทำกัน ไปครั้งแรกมันสนุกนะ เจออะไรใหม่ๆเยอะ เจอหลายอย่างอ่ะ อาหารการกินก็อร่อย เป็นหมาล่าหมาเล่อ (พี่เต้บอกกินหมาล่าปากเจ่อเลย) ใช่ ปากเจ่อกันทั้งบ้านอ่ะ เฉิงตูเขาเป็นเมืองหมาล่า (หัวเราะ) เฉิงตูเวลาเขาทำอะไรเขาจะใส่หมาล่าลงไปด้วยไง ทุกเมนูก็จะปากเจ่อ ตาปูด (ขำ) (แฟนคลับกลัวไม่ได้กินหมาล่าซื้อมาให้อีก) โอ้โห ไม่ต้องห่วงครับ ทุกมื้อ ปากบึนๆจะไว้ใจได้กา(ร้องเพลง)ทุกมื้ออ่ะ
เรากำลังจะมีผลงานที่จีนด้วย บอกได้มั้ยว่าอะไรยังไง
หม่ายยยด้ายยย ก็รอดูเอา เป็นละคร (แนวไหน) ไม่แนวครับ ไม่บอก ก็รอดูดีกว่า เดี๋ยวก็ได้ดู (ไปนานมั๊ย) ก็ไปประมาณ...ไม่รู้อ่ะ จำไม่ได้ (ได้เตรียมตัวอะไรมั๊ย) ก็ต้องซ้อมครับเพราะว่าละครจีนเวลาไปเล่นมันไม่เหมือนที่ไทย มันก็ยากไปอีกแบบหนึ่ง (คาดหวังอะไรมั๊ยกับการไปเล่นละครจีน) โห่ ไม่คาดหวังเลยครับ ผมได้ไปเล่นผมก็ดีใจแล้ว ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ไปเล่นละครจีนเลย คือผมอยากเป็นนักแสดงก็จริงแต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ไปแสดงละครต่างประเทศ ไม่ได้คิดว่าจะได้ไปต่างประเทศ คาดไม่ถึง แค่ได้ไปเล่นผมก็โอเคแล้ว
ได้พบผู้ใหญ่ที่จีนแล้ว...เขาพูดอะไรกับเราบ้าง
...พี่คิดว่าผมฟังรู้เรื่องมั๊ยครับ...(หัวเราะ) ผมก็นั่งยิ้มอย่างเดียว ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ไปเจอเขาเฉยๆครับ เขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมากแล้วก็เขาเคยทำหนังออกมาประมาณ 9,800 ล้านวิว คือเขาเก่งมากอ่ะ เขาดังมาก เก่งมาก ก็ไปเยี่ยมเขา ไปไหว้ไปทักทาย ไปเซย์ไฮอ่ะ ก็ไปให้เขาเห็นหน้า (เรื่องเดียวกับพี่บี้ KPN รึเปล่า) ไม่บอก ไม่บอก! ไม่บอก ไม่รู้ ไม่รู้เลย งง มึน โอ้ ปวดหัว ไม่สบาย (หัวเราะ)
มี Feedback เกี่ยวกับการจะไปเล่นละครที่จีนจากแฟนคลับยังไงบ้าง
เขาดีใจด้วยนะ เขากลัวจะคิดถึง คิดถึงเพราะผมไปอยู่นาน (แล้วเราจะทำยังไงล่ะ) ก็อยากจะบอกว่า จะอัพโซเชียลบ่อยๆนะฮะ (หัวเราะ) กะว่าอยากจะอัพบ่อยๆ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าอัพได้มั๊ย แต่ว่าสัญญา....สัญญาอีกแล้วกู...สัญญาว่าถ้าไปอยู่ไกลๆจะทำให้ไม่คิดถึงมาก ก็จะอัพบ่อยๆครับ
พูดถึงงานที่ไทยหน่อย
เดือนเกี้ยวเดือน เดอะซีรีส์ ซีซั่นหนึ่งเพิ่งจบ...ไม่ใช่ดิ จบไปสักพักแล้ว Feedback ก็ดี ก็มีอีเว้นท์ มีงาน ก็มีแฟนมีตต่างประเทศ...เอ้อ แล้วก็มี Solarboys project (คืออะไร) คือโปรเจคครับ (รายละเอียดยังไงบ้าง) ยังไม่บอก ก็ให้ติดตามไง ให้ลุ้น (เห็นมีภาพเผยออกไป) ครับ มีภาพเผยออกไป แล้วก็เดี๋ยวจะมีภาพเผยออกไปอีก ก็ต้องรอดูนะครับว่าภาพที่จะเผยต่อไปคืออะไร (หัวเราะ) รอติดตามนะครับ (ความลับเยอะจัง) ใช่ครับ เป็นเด็กมีความลับ
แฟนไทยอยากให้ไปมีตต่างประเทศให้ครบแล้วมาจัดมีตที่ไทยอีกรอบนึง
หูววว.... มีตเหรอครับ ผมก็อยากนะ ผมก็อยาก มีมีตที่ไทยอีกรอบนึง แต่ว่าผมจัดเองไม่ได้...
หนุ่มน้อยร่าเริงสดใส เล่าไปยิ้มแย้มไป เจ้าเด็กมีความลับเยอะ อัพเดตเรื่องราวล่าสุดของตัวเองที่ดูท่าเร็วๆนี้แฟนๆจะได้เห็นหนุ่มบาสโลดแล่นในวงการละครจีนกันแล้วล่ะ คุยๆไปเจ๊จีก็ไม่ลืมที่จะย้อนไปถามถึงโมเมนต์สุดประทับใจที่ทำ 6 หนุ่มทูมูนน้ำตาแตกบนเวทีอย่างแฟนมีตติ้งครั้งแรกของพวกเขาที่ประเทศไทย และหนุ่มบาสเองก็เป็นคนหนึ่งที่ร้องไห้ไม่หยุดในเวลานั้น
ให้กลับไปพูดถึงมีตไทยครั้งนั้นหน่อย
'โหย ดีมาก เลิศ คือซึ้งอ่ะ เราก็เต็มที่มาตั้งนาน ทุกอย่าง คือเราตั้งใจมาก ตั้งแต่ถ่ายละคร คือตั้งใจตั้งแต่ไปแคสแล้ว ถ้าคิดว่าได้ก็จะเต็มที่ มันเป็นโอกาสแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่มีอะไร มาจาก...เด็กบ้านนอก เป็นเด็กมาจากเชียงใหม่คนนึง ซึ่งอยากเป็นนักแสดง พอมาได้ตรงนี้ ผมก็ตั้งใจมาก มันก็เต็มที่อ่ะ พอมาถึงมีตติ้งอ่ะ...'
เอ่ยถึงตรงนี้เจ๊จีถึงกับตกใจ จากที่พูดๆอยู่ หนุ่มบาสก็ขอหยุดการให้สัมภาษณ์แป๊ปนึง ก้มหน้าหลบสายตา สะกัดกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลขึ้นมาเมื่อพูดถึงความประทับใจในงานแฟนมีตติ้งครั้งนั้น พูดไปก็สูดน้ำมูก น้ำตาคลอกันไป (โธ่ เอ็นดูอ่ะ)
อือ...นั่นแหละ พอหันมาเห็นแฟนคลับ พี่ๆ อ่ะ...พี่ทุกคนเขาทำโปรเจคให้ ตอนนั้นผมซึ้งใจมาก พอหันไปเจอพี่ๆทุกคนแบบ...จำภาพได้ มันดีใจมาก บอกไม่ถูกเลย (เคยกลับไปย้อนดูภาพงานมีตมั๊ย) ไม่กล้ากลับไปดู กลับไปดูก็แบบนี้ไง (หัวเราะทั้งน้ำตา) (หลังจบมีตที่ไทยได้คุยกับพี่ๆมั๊ย) ก็ทำกันเต็มที่แล้ว ก็ไม่มีอะไร กอดกันอย่างเดียว ...ผมเป็นคนแบบ...มันไม่เคยอ่ะ พอมันมามี มันก็ซึ้งใจ ผมเป็นคนร้องไห้..คือแบบ...ผมเข้าถึงความรู้สึก..ของทุกคนที่มีให้ ผมเลยเป็นอย่างนี้บ่อยๆไง..จริงๆผมไม่อยากร้องไห้ให้คนอื่นเห็นด้วยซ้ำ แต่ว่า..มันไม่ได้อ่ะ!
นอกจาก เดือนเกี้ยวเดือน เดอะซีรีส์ กับ Solarboys project งานที่ไทยจะมีอะไรอีกมั๊ย
ผู้ใหญ่อาจจะคุยไว้ แต่เขายังไม่คอนเฟิร์มกับเรา แต่น่าจะมีครับ มีแน่นอน (สนใจจะเข้าช่องใหญ่มั๊ย) ผม...ผมคิดว่าผมอยากนะ อยากมีละครช่องใหญ่ๆบ้าง แต่ว่าผมก็ยังไม่พร้อม เรื่องการแสดงก็ยังไม่ดีมาก ก็ขอฝึกฝนก่อน ขอพัฒนาตัวเองก่อน ผมก็อยากพัฒนาเรื่อยๆครับ การที่มาอยู่ตรงนี้ก็ต้องพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้สมกับที่ตัวเองจะได้ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วค่อยเข้าไปตรงนั้นดีกว่า ถ้ายังไม่พร้อมผมยังไม่ไป (มีติดต่อมาบ้างมั๊ย) ผมก็ไม่รู้อ่ะ ผมเหวออ่ะ ยังเด็กน้อยอ่ะ ไม่รู้อ่ะ พี่โอ๋(ผู้จัดการ)เขาเป็นคนดูงานให้ (เห็นไปคุยงานกับช่อง ONE) ก็ไปคุยกับผู้ใหญ่ครับ ต้องรอพี่โอ๋บอก ผมเองก็ไม่รู้ เป็นละครแหละครับ
ดูเหมือนว่าหนุ่มบาสกำลังมีเส้นทางการงานที่สดใสเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านี้ล่ะ ก่อนจะได้เข้าวงการ เส้นทางชีวิตหนุ่มบาสคนละสายงานกับวงการบันเทิงเลย มีช่วงเวลาวัยเด็กที่มุ่งมั่นอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ จนถึงขั้นออกจากโรงเรียนเพื่อเส้นทางที่ตัวเองเลือก เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาเลยทีเดียว
ชีวิตเราเปลี่ยนจากตอนแรกมากเลย..
ชีวิตตอนนี้ดีมาก ก็ดีครับ จากที่ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย อยู่เชียงใหม่ เรียน-กลับบ้าน เรียน-กลับบ้าน ตีปิงปอง ออกกำลังกาย คือไม่มีอะไรครับ ไม่มีรายได้ด้วย พอได้ทำตรงนี้ ผมก็สามารถแบ่งเบาภาระแม่ได้ ไม่ขอเงินแม่แล้วเดี๋ยวนี้ ส่งให้แม่แล้ว ไม่ขอเงินแม่เลยตั้งแต่เริ่มถ่ายเดือนเกี้ยวเดือนแล้วครับ
แม่ว่ายังไงบ้าง ให้การสนันสนุนมั๊ย
แม่สนับสนุน ให้กำลังใจดีมาก แม่ยังโหวต วาโย บาส อยู่เลยอ่ะ M0021 อ่ะ เมื่อก่อนแม่ก็โหวตทุกวันอยู่เลย ก็ช่วยกันโหวต แม่ก็ภูมิใจ แม่ก็อยากให้ได้ พอได้มาแม่ก็ดีใจมาก เจ๊นี่น้ำตาตกเหมือนกันนะ เจ๊ปลื้ม บอกเลย (หัวเราะ) (ตอนส่งเงินให้แม่ แม่ว่ายังไง) ขอบคุณครับลูก... แม่ไม่พูดอะไรเยอะอ่ะ ก็พูดเล่นกัน เลยบอกเดี๋ยวเจ๊จะได้เยอะกว่านี้นะ เดี๋ยวบาสจะทำให้ได้ แม่ก็ได้เห็นว่าเราไปได้นะ จริงๆชีวิตนี้ได้ ผมได้เท่านี้แม่ผมก็ดีใจมากแล้ว ผมไม่ขอเงินแม่แล้ว แม่ก็คงแบบ เออ มันดูแลตัวเองได้นะ แม่ก็คงไม่เป็นห่วงอะไรมาก...คือก็เป็นห่วงแหละ แต่ว่าลดลงมา..นั่นแหละ...พูดไม่เป็นอ่ะ.. (คิดถึงแม่มั๊ย) ผมสู้มานานแล้ว ตอนเป็นนักกีฬา อายุประมาณ 14-15 ผมก็...ไม่ฟังแม่ ออกจากโรงเรียนเลย ก็อยากเป็นนักกีฬาไง เลยมาอยู่กรุงเทพ อยู่โรงเรียนที่กรุงเทพ มีสปอนเซอร์ให้ก็มาอยู่ แม่บอกไม่ให้ไปๆ แต่ผมก็มาเอง ซื้อตั๋วเครื่องบินมาเลย จนแม่ต้องใจอ่อน แล้วผมก็มาอยู่กรุงเทพคนเดียวตั้งแต่ 15 แล้วครับ คือเวลาอยากทำอะไร อยากได้อะไร อยากเป็นอะไร ผมก็เต็มที่เลยไง ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กด้วยแหละ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แต่รู้ว่าอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ ก็ออกมาเลย ออกมาอยู่กรุงเทพคนเดียว
เหตุการณ์นั้นคิดมั้ย ทำแล้วแม่จะเสียใจ
แม่เสียใจอยู่แล้วครับ จนมาครั้งนี้ ก่อนที่ผมจะมาเป็นนักแสดง ตอนแรกผมกลับไปอยู่เชียงใหม่แล้ว แม่บอกว่ากลับมาเรียนเลย ไม่ต้องทำอะไรแล้ว แต่ว่า...ผมอยากเป็นนักแสดง มาอยู่คนเดียว 6 เดือน ไม่ได้อะไรเลย นอนแห้ง...นอนกินไก่ไรงี้ทุกวันอ่ะ อ้วน! จนแบบบวมอ้วน ไม่เป็นแล้วนักกีฬาอ่ะ คืออ้วน นอนเป็นหมีอยู่ห้อง จำศีล 6 เดือนเต็มๆ ขึ้นมาเป็น 10 กิโล แล้วก็เป็นจุดเปลี่ยน มาแคสเดือนเกี้ยวเดือน (มาได้ยังไง ใครเป็นคนแนะนำมา) พี่ชวนมา ก็มึนๆงงๆไป ตอนนั้นไม่คิดว่าจะได้ ตอนนั้นก็อ้วนด้วย แล้วผมก็มาแคสบท เขาก็บอกให้ผมลงบทวาโย ผมก็...ไม่รู้ว่าวาโยคือใคร... (หัวเราะแห้งๆ) ก็มาลง มาแคส...มารู้อีกทีว่า...วาโยอ่ะผอม (หัวเราะ) ...บาสก็เลยคิดว่า...เอ๊ะ! กูอ้วนขนาดนี้... แล้ววาโยผอมแห้ง... ก็เลยคิดว่ากูจะได้มั๊ยวะเนี่ย แต่ผมว่าวาโยมันผอมหรืออ้วนก็...ผมว่ามันไม่ได้สำคัญ ถ้าเราแสดงออกมาได้ดี สื่อถึงคนได้ว่าเราก็เป็นวาโยได้เหมือนกันนะ ตอนนั้นผมคิดแค่นั้นไง แค่นี้ก็น่าจะโอเคแล้ว ตอนแรกก็ไม่คิดว่าคนจะชอบวาโยอ้วนๆ แต่หลังๆ มาก็มีคนชอบนะ เขาก็บอกว่าวาโยอ้วนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย น่ารักดี ผมก็ดีใจนะ ที่ยังมีคนชอบวาโยอ้วน
การประสบความสำเร็จที่รวดเร็วแบบนี้ คิดว่ามันเร็วไปมั้น ตอนนี้เราเปลี่ยนอะไรบ้าง
เร็วมากจริงๆ เพราะว่าถ่ายไป 3 เดือน ออนแอร์อีก 3 เดือน มันต้องเปลี่ยนนะครับ กับอะไรหลายๆอย่าง เพราะว่าผมเป็นเด็ก ในการที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ การวางตัวมันก็ต้องเปลี่ยน เราจะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ไปซนเหมือนเดิมมันก็ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติในการคิดด้วย เพราะเราทำงานแล้ว
ในอนาคตคิดจะรับมือกับชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นยังไง มีคนมาเอาใจเรามากขึ้นจะทำให้เรารู้สึกเหลิงรึเปล่า
ไม่ครับ ผมรู้ว่าตัวเองมาจากตรงไหน ผมไม่มีทางที่จะแบบ...เอาง่ายๆคือรอดูดีกว่า ผมไม่อยากพูดเยอะอ่ะ เดี๋ยวหาว่าโม้อ่ะ แต่ความจริงผมรู้ว่าผมมาจากตรงไหน อีกอย่างการคิดที่ว่าจะหยิ่งจะเหลิงอะไรแบบนี้ มันก็ไม่ดีต่อตัวเราอยู่แล้วอ่ะ ถ้าเราทำ คำถามคือทำทำไมอ่ะ แล้วก็ทำไปแล้วได้อะไร ยิ่งมีคนรักผมเยอะๆผมยิ่งแบบ...ดีจะตาย คนรู้จักเราก็ดีนะ
ความรักที่ได้รับมา ตอนนี้เราตอบแทนกลับไปได้แค่ไหนแล้ว
ผมไม่เคยได้ตอบแทนอะไรเลย...ผมแค่คิดว่าการที่ผมได้ทำงานในทุกวันนี้ ผมตั้งใจทำให้ออกมาดีเพื่อให้พี่ๆเขาประทับใจ ผมก็คิดว่ามันเป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆจากผมชิ้นนึง
พูดถึงสมัยเด็กหน่อย เหมือนเราจะดูเป็นเด็กแมนๆแว๊นซ์ๆเลย จุดเปลี่ยนจากพี่เดชมาเป็นน้องบาสคืออะไร
จริงๆผมเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ติ๊งต๊องแบบนี้ เล่นๆขี้เล่น แค่เมื่อก่อนผมอยู่กับกลุ่มเพื่อน ภาพมันก็เลยดูห้าวๆ ก็ซนแหละ เมื่อก่อนเคยซนมาก แต่ตอนนี้พอมันคิดได้ มันก็ไม่อ่ะ ไม่มีประโยชน์อ่ะ การที่เราไปซนไปอยู่กับเพื่อนมันก็..มันก็ไม่ได้มีประโยชน์มาก ทำงานดีกว่า ได้เงิน เลี้ยงแม่ได้ ซื้อของให้แม่ได้ ซื้อของให้น้องได้ แต่อยู่กับเพื่อนเงินก็ไม่มี ซื้อของให้น้องก็ไม่ได้ ซื้อของให้แม่ก็ไม่ได้
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วคิดว่าจะไม่ทำแน่คืออะไร อยากแก้ไขอะไร
'ผมจะไม่ออกจากโรงเรียนที่เชียงใหม่...มาตีปิงปองที่กรุงเทพ (หัวเราะ) เพราะว่ามันเป็นครั้งหนึ่งที่ ทำให้แม่เสียใจมาก'
คือผมคิดว่า ผมมั่นใจ ว่าผมทำได้ แต่ว่าสุดท้ายมันไม่สำเร็จ มันก็เลย...มันทำให้แม่เสียใจ...มันทำให้แม่ร้องไห้ทุกคืน...ช่วงแรกๆแม่ก็ร้องไห้ทุกคืน...ไม่อยากให้แม่เสียใจครับ อยากย้อนกลับไป ถ้าย้อนกลับไปก็จะไม่ทำอย่างนั้น แต่..ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ครับ ผมก็คงไม่มาคนเดียวที่กรุงเทพ มาอยากเป็นนักแสดง
ตอนนี้สังคมเราเปลี่ยน จากพี่ๆ(นักแสดง)กลายเป็นเพื่อน เราเคยคิดถึงวันนึงที่ไม่มีพี่ๆมั๊ย
เคยคิดนะ มันน่าจะ...เคว้งเนอะ เดินมาด้วยกันตั้งนาน มาด้วยกันตั้งแต่แรก ถ้ามันหายไปมันก็น่าจะเคว้ง... ใจหาย สมมตินะ อย่างมากัน 6 คนอย่างนี้ หายไปซะ 3 คน....โอ้โห ตาย ผมตายแน่ ผมอยู่กับพี่ๆเขา ผมให้ใจทุกคนนะ กับทุกคน... ผมให้ใจทุกคน มันผูกพันมากนะครับเวลาอยู่ด้วยกัน เล่นกันสนุก แบบ..เหมือนจับมือไปด้วยกัน ถ้ามันหายไปจริงๆ...ผมวายแน่นอน หัวใจวายแน่นอน (ทุกวันนี้เราก็รักษามิตรภาพไว้เต็มที่) ใช่ ต้องรักษาสิ เรามาด้วยกันนะ
จากเด็กต่างจังหวัดที่เข้าเมืองกรุงมาตามหาฝัน เส้นทางชีวิตไม่ได้สวยหรูเหมือนในหัวของวัยรุ่นเลือดร้อน เพื่อสิ่งหนึ่งที่ฝันต้องแลกกับสิ่งสำคัญบางอย่างไว้เบื้องหลัง นับเป็นการเดิมพันที่วัดใจเด็กผู้ชายคนนี้ไม่น้อยเลย แต่ถ้าหากไม่มีเด็กที่มุทะลุอยากวิ่งตามฝันในวันนั้น เราอาจยังไม่เจอ "บาส สุรเดช" บนหน้าจอโทรทัศน์ กลายนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าจับตามองเวลานี้...ผู้ที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ใครหลายคน
by เจ๊จี
อัลบั้มภาพ 39 ภาพ