เกร็ดหนังเกี่ยวกับ “IT” 2017
กลายเป็นหนังสยองขวัญที่กำลังโกยกระแสโซเชียล แซงหน้าหนังไทยจากค่าย GDH ที่เรียกได้ว่าเหมือนจะเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาก่อนเข้าฉาย ทว่าหลังจากที่ออกฉายในรอบสื่อมวลชนแล้วเสียงวิจารณ์ก็จัดได้ว่าแตกเป็นสองเสียงว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง ทำให้หนังสยองขวัญอย่าง IT ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวก กวาดความสนใจไปอย่างไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามตัวหนังเรื่องนี้ก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ มีอะไรบ้างตามไปดูกัน
เรื่องราวของ “มัน”
IT เล่าเรื่องราวของเด็กไร้พวกพ้องเจ็ดคนที่เติบโตมาในเมืองเดอร์รี รัฐเมน พวกเขาเรียกตัวเองว่า “กลุ่มขี้แพ้” โดยต่างถูกหมายหัวจากแก๊งค์เด็กเกเรเจ้าถิ่น พวกเขามักจะเห็นภาพอันน่าสยดสยองจากสิ่งที่พวกเขากลัว จากสิ่งมีชีวิตลึกลับที่พวกเขาเรียกได้แค่ว่า “มัน” ซึ่งหลายครั้ง “มัน” จะแปลงกายมาในรูปกายของตัวตลกเพนนีไวส์ ตัวตลกนักเต้น
“มัน” กับเมืองต้องคำสาป
นับตั้งแต่เมืองเดอร์รีถือกำเนิดขึ้นมา มันก็ได้กลายเป็นสนามไล่ล่าของสิ่งสิ่งนี้ซึ่งโผล่ออกมาจากท่อระบายน้ำทุกๆ 27 ปีเพื่อสร้างความสะพรึงกลัวให้แก่เหยื่อที่มันเลือก นั่นก็คือเด็กๆ ในเมืองเดอร์รี บรรดาเด็กขี้แพ้ทั้ง 7 จึงพยายามหยุดวงจรการไล่ล่าของ “มัน” ให้ได้ก่อนที่มันจะกลับไปจำศีลอีกครั้ง
จากนิยายของสตีเฟ่น คิงสู่จอเงิน (อีกครั้ง)
หลังจากพิมพ์ครั้งแรกในปี 1986 นวนิยายเรื่อง IT ขึ้นแท่นเป็นผลงานคลาสสิกทันทีและเป็นหนังสือติดอันดับขายดีในปีนั้น จากที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้ผู้อ่านมานานกว่าสามทศวรรษ หนังสือขายดีตลอดกาลเล่มนี้ยังคงถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดของนักเขียนชั้นเอกในงานวรรณกรรมสยองขวัญอย่างไร้ข้อโต้เถียง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์และผลงานทางโทรทัศน์หลายเรื่องในช่วงหลายปีนับจากนั้น IT เคยถูกสร้างเป็นมินิซีรีส์ความยาว 3 ชั่วโมง 12 นาทีในปี 1990 มีความยาว 2 ตอน แบ่งเล่าเรื่องในช่วงเด็กและตอนโตเป็นผู้ใหญ่
ภายใต้ใบหน้าของตัวตลกเพนนีไวส์
บิลล์ สการ์สการ์ด ผู้รับบทตัวร้ายตัวนี้กล่าวว่า “ผมคุ้นเคยกับ IT และตัวละครเพนนีไวส์เป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ส่วนตัวแล้วผมมองว่าเขาต้องการให้เด็กๆ เชื่อภาพที่ตัวเองเห็นและรู้สึกหวาดกลัว เพื่อที่เวลาเขากินเด็กๆ เข้าไป ความกลัวจะได้ช่วยให้เนื้อมีรสชาติดีขึ้น สำหรับผมแล้ว ทั้งตอนเป็นเด็กและแม้กระทั่งในตอนนี้ แนวคิดนี้น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยล่ะครับ” บิลล์ทำการบ้านอย่างหนักเพื่อรับบทเป็นตัวละครนี้ เขาอ่านทั้งนิยาย ความยากในการแสดงเป็นตัวละครนี้บิลล์ยังบ่นว่า เนื่องจากตัวละครนี้ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่คน แถมไม่ใช่ตัวตลกด้วยซ้ำ การออกแบบแสดงเป็นตัวละครนี้ถึงต้องผสมผสานหลายอย่างเข้าไปให้มันมีมิติมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงยุคสมัยจากเวอร์ชั่นนิยาย
ในนิยายของสตีเฟ่น คิง ส่วนแรกของนวนิยายเกิดขึ้นในยุคทศวรรษ 1950 แต่ทีมงานได้ตัดสินใจย้ายกรอบเวลาให้เรื่องราวไปอยู่ในยุคทศวรรษ 1980 อธิบายว่า “ยุค 50 เป็นช่วงเวลาที่สตีเฟน คิงเติบโต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องราวของคนยุคเขาและหนังสือก็สะท้อนความกลัวในช่วงที่เขาเติบโตมา สตีเฟนพูดเสมอว่า “เขียนสิ่งที่คุณรู้’ ดังนั้นเราจึงต้องการทำหนังเกี่ยวกับสิ่งที่เรารู้ นั่นคือการเติบโตมาในยุค 80 และดึงเอาสิ่งที่เรากลัวในเวลานั้นออกมา”
เด็กชายติดอ่างกับปมเปิดเรื่องของ IT
เจเดน ลีเบอร์เฮอร์ รับบทเป็นเด็กติดอ่างขี้อาย บิลล์ เดนโบรห์ ซึ่งถูกหลอกหลอนด้วยความทรงจำเกี่ยวกับน้องชายที่มีชื่อว่า จอร์จ รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ แจ็คสัน โรเบิร์ต สก็อตต์ การที่เด็กชายตัวน้อยที่ทุกคนเรียกว่าจอร์จีถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเรื่องราวและนำไปสู่การเดินทางของบิลล์ ลีเบอร์เฮอร์กล่าวว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้ทำให้ตัวละครของเขาเริ่มต้นภารกิจในการตามหาน้องชายเพราะเขารู้สึกผิด คนดูจะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างบิลล์และจอร์จี้ เมื่อจอร์จี้หายตัวไป บิลล์รู้สึกผิดเพราะเขาเป็นคนปล่อยให้น้องออกไปเล่นกลางฝนกับเรือกระดาษลำใหม่ ตอนนั้นเองที่จอร์จีหายตัวไป หลังจากนั้นชีวิตในครอบครัวเขาก็เริ่มลุ่มๆ ดอนๆ พ่อแม่ไม่ค่อยสนใจเขา ตั้งแต่จอร์จีตายไป พ่อแม่ก็เริ่มห่างเหินและเย็นชากับบิลล์ ดังนั้นเขาจึงเหลือแต่เพื่อนๆ เพื่อนเป็นคนกลุ่มเดียวที่เขาคุยด้วยได้
เด็กหญิงผู้เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กคนอื่นๆ
โซเฟีย ลิลลิส รับบทเป็นเด็กหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มขี้แพ้ เบเวอร์ลีย์ มาร์ช ซึ่งทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเธอมีอิทธิพลอย่างไรต่อเพื่อนๆ ที่ใกล้จะโตเป็นหนุ่ม ถึงแม้ชีวิตครอบครัวของเธอจะเลวร้าย และมีพ่อตัวเองที่พยายาม “คุกคามทางเพศ” ลูกสาวตลอดเวลา หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะอย่างนั้นก็ได้ จึงทำให้เบเวอรลีย์เป็น “หนึ่งในคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญที่สุดในกลุ่ม”
เมืองเดอร์รี่มีตัวตนอยู่จริง!
แต่เดิมนั้นสตีเฟน คิงได้จินตนาการเมืองเดอร์รีขึ้นมาจากเมืองแบงกอร์ รัฐเมน ซึ่งเป็นรัฐบ้านเกิดของผู้เขียน เพื่อให้เข้าใจอารมณ์ของฉาก มุสเชตติได้เดินทางไปยังแบงกอร์ แต่ไม่สามารถถ่ายทำที่นั่นได้ด้วยเหตุผลด้านการจัดการ ทีมผู้สร้างจึงเลือกที่จะข้ามชายแดนไปและสร้างเมืองเดอร์รีขึ้นในเขตเทศบาลพอร์ตโฮพ รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดาแทน รวมถึงบ้านหลังอันตรายที่แฟนนวนิยายรู้จักกันดี นั่นคือบ้านเลขที่ 29 ถนนนีโบลต์ บ้านที่ชำรุดทรุดโทรมและถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานนั้นแท้จริงแล้วเกิดจากโครงสร้างสองส่วนมาผสมผสานกันคือฉากภายนอกที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด กับฉากภายในซึ่งถ่ายทำกันในบ้านที่ทีมงานพบและตั้งอยู่บนถนนที่มีชื่อพอเหมาะพอเจาะว่าบลีคสตรีท
IT ยังไม่จบ. . .
ตัวหนังในเวอร์ชั่นปี 2017 นั้นสร้างขึ้นจากครึ่งแรกของนิยายเท่านั้น ดังนั้นตัวหนังจะมีต่อใน CHAPTER ที่ 2 ซึ่งจะเล่าเรื่องราวอีก 27 ปีให้หลังเหตุการณ์จากหนังภาคแรก ซึ่งสตูดิโอยังไม่ได้วางวันฉายที่แน่นอนเพราะยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาบทและคัดเลือกนักแสดง