8 เรื่องน่ารู้ของนักฆ่าคนใหม่บนจอหนัง American Assassin

 

ภาพยนตร์แอ็คชั่น บู้ ระห่ำเรื่องใหม่ ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของวินซ์ ฟลินน์ ว่าด้วยเรื่องราวของการปฏิบัติภารกิจ การล้างแค้น และการค้นหาตัวตนที่หายไป

 

กำเนิดนักฆ่า

ตัวหนังบอกเล่าถึงเรื่องราวของ มิตช์ แรปป์ (ดีแลน โอไบรอัน) ซีไอเอหนุ่มที่สูญเสียแฟนสาวไปจากการก่อการร้าย จากความโศกเศร้าเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น  เขาเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการลับภายใต้การนำของอดีตทหารมากประสบการณ์ให้ทำการสอบสวนคดีลอบโจมตีที่มีเป้าหมายทั้งทหารและพลเรือน ในที่สุดก็พบเบาะแส ก่อให้เกิดภารกิจที่ต้องร่วมมือกับสายลับตุรกี แอนนิก้า (ชิวา นีการ์) เพื่อหยุดยั้ง วายร้ายปริศนา (เทเลอร์ คิทช์) ที่ต้องการเริ่มสงครามโลกครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง

 

 

 

ที่มาจากนวนยิาย

นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของ วินซ์ ฟลินน์ เล่าย้อนกลับไปยังรากเหง้าของ แรปป์ ตั้งแต่ชายผู้สูญเสียคู่หมั้นไปจนถึงเส้นทางการเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอมือพระกาฬ และภารกิจแรกที่ล้มเหลวไม่ได้ของเขาในการตามล่าเอาพลูโตเนียม 15 กิโลที่ถูกขโมยไปคืนมา

 

 

นวนิยายที่สอดรับยุคหลังเหตุการณ์ 9/11

ในยุคหนึ่งนวนิยายของทอม แคลนซี่ ได้เป็นต้นแบบของภาพยนตร์สายลับระทึกขวัญในยุค 80 คือการหยิบจับประเด็นสงครามเย็นซึ่งเป็นยุคตกต่ำขอวงการสายลับอเมริกันมาสร้างเป็นเรื่องราวสุดตื่นเต้น แต่สำหรับ วินซ์ ฟลินน์ ก็เช่นเดียวกันแต่เขาเปลี่ยนจากยุคสมัยจากยุค 80 มาเป็นเรื่องราวในปัจจุบัน เมื่อโลกต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลหลังจากเหตุการณ์ 9/11 โลกที่ตะวันออกและตะวันตกแยกกันอย่างชัดเจน มาเป็นโลกที่คาดเดาไม่ได้ โลกซึ่งภัยอันตรายสามารถจู่โจมได้จากทุกทิศทาง เขาสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าการก่อการร้ายระดับโลก ที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ซีไอเอต้องการคนใหม่ๆ มาร่วมงานเพื่อรับมือ ในเมื่อผู้ก่อการร้ายสามารถเป็นใครก็ได้ จากคนทุกศาสนา ทุกพื้นเพ หน่วยราชการลับลงทุนเพื่อปั้นสายลับหน้าใหม่ที่สามารถใช้ด้านมืดข้างในจิตใจตัวเองเป็นแรงผลักดันไม่ใช่แค่ความทะเยอทะยานอยากเลื่อนตำแหน่งแต่เพียงเท่านั้น

 

 

การจากไปของนักเขียนวินซ์ ฟลินน์

น่าเศร้าที่เมื่อปี 2013 วินซ์ ฟลินน์ เสียชีวิตในวัย 46 ด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ก่อนที่เขาเสียชีวิตเขาได้ตกลงกับ ดิ โบนาเวนทูรา และ เวชสเลอร์ ที่จะนำโลกแห่งสายลับของเขาสู่สายตาแฟนภาพยนตร์ ฟลินน์ ยังคงมุ่งหน้าเขียนต่อไปแม้จะต้องต่อสู้กับโรคร้าย เขาทุ่มเทเพื่อแฟนๆ ที่มั่นคงต่อเขา เช่นเดียวกันหลังจากที่ ฟลินน์ เสียชีวิต ดิ โบนาเวนทูรา และ เวชสเลอร์ สานต่อเจตนารมณ์ของ ฟลินน์ ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของ แรปป์ สู่จอ แน่นอนว่า American Assassin ต้องเป็นหนังสือเล่มแรกที่ถูกเลือกมาทำ

 

 

ดีแลน โอไบรอันกับบทมิตช์ แรปป์

มิตช์ แรปป์ ไม่ใช่คนที่เกิดมาพร้อมเป็นสุดยอดสายลับ แค่ความเศร้าโศกและชีวิตในยุคแห่งความหวาดกลัวต่างหากที่หล่อหลอมเชา เขาถูกปะติดปะต่อขึ้นมา เขาไม่สมบูรณ์แบบ เขาคือเจ้าหน้าที่ยึดมั่นในหน้าที่ แน่นอนว่าเขาฉลาดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและถือว่าเป็นตัวอันตรายของจริง แต่เขาอารมณ์ร้อน เถื่อน และไม่ชอบทำงานร่วมกับใครในโลกที่ถูกชักใยด้วยเกมการเมือง เขาเป็นคนไม่ไว้ใจใครมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มองโลกในแง่ร้าย และไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมาขวางทางการทำงานของเขา

ดีแลน โอไบรอัน ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัย 25 ที่ไม่เคยรับบทแนวนี้มาก่อน โอไบรอัน สร้างชื่อจากการรับบทเป็น โธมัส นักแหกเขาวงกตจาเฟรนไชส์ “The Maze Runner” นั่นทำให้ทีมงานเชื่อว่าเขาจะผสมความดิบกับความมุ่งมั่นประสาวัยรุ่นในการรับบทเป็น แรปป์ วัยนี้ได้อย่างแน่นอน

 

 

ไมเคิล คีตันกับบทสแตน เฮอร์ลีย์

สแตน เฮอร์ลีย์ คนที่คอยควบคุมโปรแกรมการฝึกหน่วยลับพิเศษของสหรัฐที่รู้จักกันในชื่อว่า “ฟาร์มเฮาส์” ค่ายฝึกที่พาอาสาสมัครเข้ามาด้วยการปิดตา เขาเห็นคนมาทุกแบบและเคยโดนหักหลังมาก่อน เฮอร์ลีย์ ไม่เต็มใจที่จะเอาพวกนอกคอกตามใจตัวเองแบบ แรปป์ มาฝึก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แรปป์ มีพรสวรรค์และมุ่งมั่นแบบที่เขาต้องการในตัวสายลับทุกวันนี้

ไมเคิล คีตัน เขาขึ้นชื่อเรื่องการรับบทได้หลากหลายนับตั้งแต่ “Nightshift,” “Mr. Mom” และแบทแมน ไปจนถึงผลงานระดับออสการ์อย่าง “Birdman” และ “Spotlight” และล่าสุดกับหนังฮิต “SpiderMan: Homecoming” แต่ เฮอร์ลีย์ เป็นตัวละครที่เก๋าที่สุดที่เขาเคยเล่นมา

 

 

เทเลอร์ คิทช์กับบทศิษย์รักหักเหลี่ยมโหด

คนที่มารับบทอดีตศิษย์รักของ เฮอร์ลีย์ ที่ทรยศประเทศคือ เทเลอร์ คิทช์ นักแสดงหนุ่มชาวแคนาดาที่สร้างชื่อจากการรับบทเป็นนักอเมริกันฟุตบอลตำแหน่งรันนิ่งแบคใน  “Friday Night Lights”  ฉบับทีวีซีรีย์ เช่นกับการเล่นเป็น แกมบิท ใน “X-Men: Wolverine” และร่วมแสดงเป็น ไมเคิล พี. เมอร์ฟี สมาชิกหน่วยซีลใน “Lone Survivor” การที่เขาเล่นเป็นหัวหน้าหน่วยซีลชะตาขาดในเรื่องนี้เตะตา ลอเรนโซ่ ดิ โบนาเวนทูรา เลือกเขาให้มาเล่นเป็น โกสต์ “โกสต์ คืออดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอระดับท็อปแต่เขากลับรู้สึกเหมือนโดนประเทศตัวเองหักหลัง มันทำให้เขากลายมาเป็นคนอันตรายมากๆ” โปรดิวเซอร์ อธิบาย “คนที่มาเล่นบทนี้ต้องทำให้คนดูคิดว่า ‘ว้าว ซีไอเอไม่น่าไปเล่นกับหมอนี่เลย’”

 

 

เพื่อความมันส์ ระห่ำ ทีมงานต้องฝึกและฝึก!

ตั้งแต่เปิดเรื่อง “American Assassin” อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดระห่ำที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ มิตช์ แรปป์ ต้องรับมือกับฉากยิงแหลก ต่อสู้ประชิดตัว และขับรถไล่ล่า เพื่อให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ ดีแลน โอไบรอัน, ไมเคิล คีตัน, เทเลอร์ คิทช์, ชิวา นีการ์ และทีมนักแสดงทุกคน ต้องฝึกหนักเป็นเดือนๆ พวกเขาได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยอดีตทหารและอดีตเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่ศิลปะป้องกันตัวไปจนถึงศัพท์เทคนิคสายลับและการขับรถสตั๊นท์

ขณะเดียวกันผู้ออกแบบคิวบู๊ บัสเตอร์ รีฟส์ ออกแบบท่าต่อสู้แต่สวยงามไม่แพ้บัลเล่ต์ในหนังเรื่องนี้หลายฉาก เช่นเดียวกับทำหน้าที่ฝึกเพิ่มให้กับ โอไบรอัน และทีมนักแสดง รีฟส์ ที่เป็นอดีตนักคาราเต้ระดับแชมป์ที่เบนเข็มมาเป็นคนฝึกและควบคุมคิวบู๊ พานักแสดงทุกคนเข้าค่ายพิเศษของเขา “เรามีตารางฝึกสุดโหดที่เป็นการผสมระหว่า คาลิสเทนิคส์, โยคะ, เวทเทรนนิ่ง และศิลปะการต่อสู้ เรานัดทุกคนในยิมเดียวเป็นเวลาสองชั่วโมงทุกวันเพื่อฝึก ยูยิตสู ต่อยมวย คิ๊กบ็อกซิ่ง ยกน้ำหนัก และฝึกการใช้อาวุธ” รีฟส์ อธิบาย

การออกแบบคิวบู๊ต่างๆ ของเรื่องทำให้ รีฟส์ ต้องตะลึง “นี่ไม่ใช่โปรเจคต์เล็กๆ เลย” เขาหัวเราะ “มีทั้งซีนต่อสู้โคตรอีปิคที่เต็มไปด้วยระเบิดควัน, ขับรถไล่ล่า, ขับเรือไล่ล่า และอีกเพียบ เราตั้งใจให้ทุกอย่างออกมาสมจริงเพื่อให้คนดูรู้สึกอินไปกับมัน”