รีวิว American Assassin ปีศาจที่ถูกสร้างขึ้น
แม้ว่าหนังอย่าง American Assassin จะดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของวินซ์ ฟลินน์ ก็ตามที แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำความเข้าใจก็คือ ฉากหลังของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์ 9/11 หรือหลังเหตุการณ์หลังตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์ถูกถล่มและสหรัฐอเมริกาก็โบ้ยความผิดว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นเป็นการก่อการร้ายของประเทศแทบตะวันออกกลาง นำมาซึ่งเรื่องราวมากมายไม่ว่าการตามล่าอุซามะฮ์ บิน ลาดินหรือกลุ่มหัวรุนแรงมากมาย ซึ่งเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่จะนำมาต่อยอดเป็นชนวนเหตุการณ์ความวุ่นวายในหนังมากมายหลายเรื่อง
อย่างไรก็ตามหนังแนวซีไอเอตามล่าผู้ร้ายเรื่องนี้ มีความน่าสนใจในแง่มุมอื่นๆนอกเหนือจากการที่มันเป็นหนังแอ็คชั่นตัวออกทำภารกิจพิทักษ์โลกอยู่ตรงที่ว่า แรงขับเคลื่อนของตัวละครอย่างมิตช์ แรปป์ (ดีแลน โอไบรอัน) มีที่มาจากการที่เขาถูกยิงในวันที่เขาขอแฟนสาวแต่งงาน และแฟนสาวของเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายครั้งนั้น ทำให้เขาฝึกฝนตัวเองและตั้งเป้าว่าสักวันหนึ่งเขาจะเด็ดหัวอาชญากรผู้ก่อการร้ายมาล้างแค้นให้ได้
หลังจากที่ทำอะไรอย่างบ้าระห่ำจนไปเข้าตาหน่วยงานลับซีไอเอ ทำให้เขาได้ร่วมโครงการฝึกกับซีไอระดับตำนานอย่างสแตน เฮอร์ลีย์ (ไมเคิล คีตัน) ก่อนลงสนามจริงในการปฏิบัติภารกิจช่วงชิงพลูโตเนียม 15 กิโลกรัมที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาก่อนที่มันจะถูกใช้เป็นอาวุธทำลายล้างในการก่อการร้ายครั้งใหม่
ส่วนที่น่าสนใจที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์
ตัวละครอย่างสแตน เฮอร์ลีย์นั้นมีตราบาปในชีวิต นั่นคือการที่ลูกศิษย์ของเขาอย่างโกสต์ (เทเลอร์ คิทช์) เจ้าหน้าที่มือหนึ่งที่เขาเคยฝึกฝนมาเองกับมือ แต่วันหนึ่งเขาก็แปรพักตร์เพราะสัมผัสได้ว่าเขากำลังโดนประเทศตัวเองหักหลัง และคนที่ทิ้งเขาไว้ข้างหลังในการปฏิบัติภารกิจก็คือสแตน เฮอร์ลีย์นั่นเอง
โกสต์ได้พูดประโยคหนึ่งในหนังที่น่าสนใจมากนั่นก็คือ “ท้ายที่สุดแล้วการบ่มเพาะฝึกฝนผมมา แต่ทอดทิ้งผมไว้ในสนามรบ ก็เหมือนคุณได้สร้างเครื่องจักรสังหารขึ้นมาเพื่อเอาไว้ฆ่าตัวเอง” ประโยคนี้ไม่ได้หมายความแค่เพียงการว่ากล่าวสแตนลีย์เท่านั้น มันยังเป็นการโจมตีประเทศอเมริกาเอง ที่ฟาดงวงฟาดงา นำสงครามไปเยือนยังประเทศตะวันออกกลางมาร่วมหลายสิบปี แน่นอนสิ่งที่ “ความแค้น” นำมาให้นั้นไม่ได้เกิดผลดีกับใครเลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการสร้างปีศาจขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้วการที่แสตน ยอมกลับคำที่ว่าในการปฏิบัติภารกิจจงเอาตัวรอดและไม่ต้องสนใจผู้อื่น เขาเลือกจะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบที่เขาเคยทำไว้กับโกสต์ เขาเลือกจะเดินทางกลับไปช่วยมิตช์ เพราะเขารู้ดีว่าการบ่มเพาะใครสักคนให้เป็นคนเก่งนั้นเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการผูกมิตรและรักษาชีวิตของ “ลูกน้อง”
ในภาพรวม American Assassin อาจจะดูเป็นหนังแอ็คชั่น-ซีไอเอที่อาจจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่ด้วยโทนหนังซีเรียสอันเป็นเอกลักษณ์อาจจะทำให้หนังเรื่องนี้มี “ตัวละครเอก” คนใหม่ในโลกภาพยนตร์ก็เป็นได้