รีวิว Wolf Warrior 2 มังกรจีนบู๊แหลกแล้วแหกค่าย
เรียกได้ว่าถูกจับตามองมาพักใหญ่ ๆ แล้ว กับ Wolf Warrior 2 ที่อาจเป็นหนังจุดกระแสของอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนในปีนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ท่ามกลางภาวะซบเซาของตลาดหนังแดนมังกร จากการที่เทรนด์ของชาวจีนเริ่มเทใจให้หนังฝั่งฮอลลีวูดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมันมีความน่าสนใจตรงที่มันยังสามารถก้าวไปเป็นหนังสัญชาติจีนที่โกยรายได้สูงสุดตลอดกาลไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าส่วนหนึ่งมันจะได้อานิสงฆ์มาจากปริมาณประชากรจีนมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นหนังทำงานจากตลาดเดียวได้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียง Star Wars : The Force Awaken และ Avatar เท่านั้น โดยหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่าปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้กระแสหนังตอบรับท่วมท้นเพราะมันจับประเด็นเรื่องความรักชาติเป็นพิเศษ เข้าทางรัฐบาลจีนที่แทบจะปูพรมแดงให้หนังได้โลดแล่นบนโรงได้มากกว่าปกติ
สำหรับ Wolf Warrior 2 นั้นถือว่าทิ้งช่วงจากภาคแรกมาเกือบ 2 ปี อู๋จิง พระเอกคิวบู๊พันล้านแถวหน้าของจีนก็กลับมาวาดลวดลายให้ได้คิดถึงพร้อมนั่งแท่นกำกับและเขียนบทอีกเช่นเคย รวมทั้งที่น่าสนใจมากคือการไปดึง โจเซฟ และ แอนโทนี รุสโซ ผู้กำกับ Captain America : Civil War มารับหน้าที่ปรึกษาและผู้กำกับงานสตั๊นท์หนังเรื่องนี้ด้วย
แน่นอนว่าเส้นเรื่องในภาคนี้มีเป้าหมายโฟกัสเน้นหนักไปที่ประเด็นชาตินิยมเข้มข้นอย่างชัดเจน กับเรื่องราวของอดีตเจ้าหน้าที่พิเศษหน่วยรบหมาป่า ‘เหล่งเฝิง’ (อู๋จิง) ที่ได้เดินทางมาพักผ่อนที่แอฟริกา แต่กลับต้องไปพัวพันกับกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลที่นำโดย ‘บิ๊ก แดดดี้’ (แฟรงค์ กริลโล) รวมทั้งต้องพยายามช่วยเหลือ ‘ราเชล’ (เซลิน่า เจด) แพทย์จิตอาสาให้รอดพ้นจากเหตุจลาจลในครั้งนี้ด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องนั้นมันปูทางมาในแนวฮีโร่จ๋าเลย เรียกว่าบทเอื้อให้ อู๋จิง ได้ปล่อยของแบบสุด ๆ หนังโดดเด่นมากโดยเฉพาะในพาร์ทแอ็คชันที่ไล่ล่ากันได้ดุเดือดถึงใจเกินคาด อุดมไปด้วยฉากบู๊ที่จัดเต็มจนหลายครั้งออกจะโอเวอร์ไปด้วยซ้ำ แต่มันเป็นโอเวอร์ที่ได้อารมณ์ลุ้นระทึกจริง ๆ เรียกว่าน้อง ๆ Fast and Furious เลย ตัวหนังแทบทั้งเรื่องก็หนีไม่พ้นเสียงปืนที่สาดกระสุนยิงกันแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม ไหนจะระเบิดที่ต่างฝ่ายต่างขยันปากันเหลือเกิน หรือจะขับรถถังมาวิ่งบดขยี้กันแบบไร้สติ บทบาทตัวละครถูกเทไปที่ เหล่งเฝิง และ บิ๊กแดดดี้ แบบเน้น ๆ เรียกว่าแทบจะเป็นคู่พระนาง เอ้ย เป็นคู่ปรับกันที่แคสมาแล้วลงตัวสุด ๆ อู๋จิง นี่ก็มาพร้อมกับไลน์คิวบู๊สวย ๆ แฝงท่ายากมาเป็นระยะ เห็นแล้วนึกถึงสมัยพี่แกเล่น SPL กับ ดอนนี เยนเลย แต่ส่วนตัวชอบเขาในบทบาท ‘เหล่งเฝิง’ นี้มากกว่า เพราะต้องยอมรับว่าแกเป็นพระเอกที่เท่ทุกองศา เท่ไม่บันยะบันยังเลย เป๊ะสุด ๆ ขณะทีตาลุง แฟรงค์ กริลโล นี่ยิ่งกว่าลงตัวกับบทเลว ๆ ยันเงาของแกในเรื่องนี้ ซึ่งก็โชว์แสนยานุภาพโหด ๆ ไปหลายซีนเลย ส่วนตัวผมชอบแววตาของแกมาก จากการที่ดูภาพนิ่งแกหลาย ๆ มุม ก็คิดว่าแกมีแววตาที่แฝงไปด้วยความเลือดเย็นจริง ๆ
ด้วยความที่ตัวหนังมันแสดงตัวชัดเจนว่ามาในคอนเซปต์สำนึกรักบ้านเกิด มันก็เลยจะมีบทสนทนาที่ค่อนข้างจะเป็นเชิดชูคอมมิวนิสต์และความภาคภูมิใจอย่างเปี่ยมล้น หากนึกไม่ออกก็อย่างเช่น ‘การฆ่าคนจีนคือความผิดร้ายแรงที่จะทำให้ชะตาขาด’ หรือ ใครที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศจีนจะต้องตาย แม้ว่าจะไปหลบอยู่ในซอกหลืบไหนของโลกก็ตาม’ เมสเซจพวกนี้ถูกย้ำออกมาเรื่อย ๆ เป็นระยะ จนตัวผมเองก็จำขึ้นใจไปแล้วตอนเดินออกมาจากโรง (ฮา) หนังพยายามจี้จุดไปที่ประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์และถามหาความรักประเทศชาติจากคนจีนด้วยกัน ที่นอกจากเรื่องแอ็คชันแล้ว หนังก็ยังสอดแทรกฉากซึ้ง ๆ หรือพาร์ทดราม่าให้ได้อิน และต้องบอกว่าทำได้ไม่ขี้เหร่ด้วยเหมือนกัน
Wolf Warriors 2 ยังแสดงถึงความดิบเถื่อนซาดิสต์ออกมาตามสไตล์พี่จีนเลือดเข้มข้น ทั้งยิงทั้งแทง ในเรื่องนี้เราจะเห็นฉากรุนแรง สะเทือนขวัญ อยู่เต็มไปหมด แต่ถึงอย่างไรมันก็มีองค์ประกอบสมกับเป็นหนังบู๊แอ็คชันที่บ้าระห่ำทำลายล้างมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้ แถมยังปูทางไว้สำหรับภาค 3 เพื่อการปิดโปรเจ็กต์หนังไตรภาคอย่างสมบูรณ์อีกด้วย อาจมีข้อเสียที่รู้สึกสะดุดนิดหน่อยก็คงจะเป็นซีจีในฉากสงครามที่อาจจะแอบหลุด ๆ ไม่เป๊ะบ้างแต่ไม่ได้เลวร้ายอะไร
Wolf Warriors 2 คือหนังบู๊ที่ทำออกมาได้สุด เอนเตอร์เทนคนดูตลอดรอดฝั่งแน่นอน นี่คือหนังที่ดูเอามันแล้วมันโคตร ๆ เรื่องหนึ่งของปีเลย