รีวิว Leatherface ย้อนวันวานของฆาตกรสิงหาสับ
The Texas Chainsaw Massacre คือหนังสยองขวัญแนวฆาตกรโรคจิตล่าฆ่ามนุษย์ที่จัดได้ว่าโดดเด่นและได้รับการจดจำมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ผลงานของโทบี้ ฮูเปอร์ในปี 1974 ได้สร้างอิทธิพลให้กับวงการหนังสยองขวัญในแนวทางนี้ โดยเฉพาะการออกแบบฉากไล่ล่าเหยื่อในแบบที่ไม่มีความประนีประนอมผู้ชม ใส่ความโหดเข้ามาอย่างเต็มที่ จนคนดูในยุคสมัยนั้นถึงกับช็อคเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว
กาลเวลาที่ผ่านเลยไปทำให้หนังเรื่องนี้ถูกหยิบมาตีความใหม่อยู่หลายครั้งและในแต่ละครั้งวิธีการมอง “ตัวละคร” ก็จะเปลี่ยนไปอยู่เสมอ ไม่ใช่กลุ่มของตัวละครเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย หากแต่เป็นตัวละครฝ่าย “เลเธอร์เฟซ” ซึ่งเป็นฝ่ายที่คนดูน่าจะเกลียดชังมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ในยุคหลังการให้น้ำหนักและที่มาที่ไปว่า “ทำไม” เขาถึงกลายเป็นฆาตกรเลือดเย็นและโหดร้ายผิดมนุษย์เช่นนี้
Leatherface คืออีกครั้งที่มันหยิบเอาตัวละครเลเธอร์เฟซมาสังคายนาใหม่ พาคนดูไปสัมผัสช่วงชีวิตในวัยเด็กอย่างเจ็ด (บอริส คาบาคชีฟ) ซึ่งเติบโตมาในครอบครัวปศุสัตว์ แต่ดูเหมือนว่าสภาพครอบครัวนี้จะไม่ค่อยปกติเท่าใดนักเมื่อสมาชิกในครอบครัวชอบล่อเหยื่อผู้บริสุทธิ์มาฆาตกรรมด้วยวิธีการวิปริต จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวนี้ก็ถูกจับจากทางการส่งผลให้เจ็ดถูกส่งเข้าไปรับการบำบัดในโรงพยาบาลทางจิต
เวลาผ่านไปหลายปี ณ โรงพยาบาลจิตเวทเราจะได้ให้ตัวละครกลุ่มหนึ่งอาศัยช่วงเวลาชุลมุนหลังจากเกิดการจลาจลหลบหนีออกมาจากโรงพยาบาลและหนึ่งในตัวละครกลุ่มนี้น่าจะมีใครสักคนที่เป็นเจ็ดในวัยเด็ก แต่หนังเลือกจะปิดบังอำพรางแต่ก็ไม่ได้ยากต่อการคาดเดาว่าในเวลาต่อมาใครจะกลายเป็น “เลเธอร์เฟซ” ตัวจริง
จริงอยู่ที่หนังพยายามจะย้อนไปยังต้นกำเนิด แต่เหนืออื่นใดคือหนังก็ไม่ได้พยายามใส่ความสยองขวัญเข้ามาพร่ำเพรื่อ หนังยังพยายามเล่าสถานการณ์ต่างๆที่ผลักดันให้ตัวละครในเรื่องเริ่มเกิดพฤติกรรมต่างๆ และวิธีการมองโลกของตัวละครทั้ง 5 ที่หลบหนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช
แฟนหนัง The Texas Chainsaw Massacre อาจจะรู้สึกว่าหนังในเวอร์ชั่นนี้อ่อนด้อยในแง่ของความตื่นเต้น ระทึกใจ เพราะส่วนหนึ่งต้องบอกว่านี่ไม่ใช่หนังแนวไล่ฆ่า หากแต่เป็นหนังดราม่า-สยองขวัญที่พยายามอธิบายที่มาที่ไปว่าก่อนที่จะกำเนิดฆาตกรหน้ากากหนังมนุษย์นั้น ตัวละครนี้ต้องประสบชะตากรรมอะไรบ้าง และสิ่งใดที่ทำให้เขาต้องจับเลื่อยมาตะบันร่างมนุษย์แบบนั้น
ถึงแม้ว่าผู้ชมอาจจะรอคอยฉาก “เลื่อยไฟฟ้า” แต่รับรองว่าเมื่อฉากเหล่านั้นเดินทางมาถึง หนังก็จัดความโหดให้คนดูแบบไม่บันยะบันยังเลยทีเดียว