รีวิว FLATLINERS ระหว่างความเชื่อและความจริง
27 ปีที่แล้วหนังอย่าง FLATLINERS อาจจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “หนังรวมดาราวัยรุ่นหน้าใหม่ไฟแรง” ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เขาเลือกลงมือทำด้วยตัวเอง จะว่าไปแล้วความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการให้กลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่น่าจะมีความสามารถเลือกจะทำการทดลอง “ตายชั่วคราว” เพื่อศึกษาการทำงานของระบบสมองและค้นหาว่าระหว่างที่ชีพจรมนุษย์หยุดเต้นไปเป็นเวลาหนึ่ง แล้วชีพจรกลับมาอีกครั้ง ช่วงเวลาที่หายไปนั้น จิตวิญญาณของมนุษย์หายไปไหนและพบเจอกับอะไรมา
การพยายามค้นหาคำตอบในสิ่งที่ไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อนกลายเป็นเรื่องหอมหวานชวนกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของนักศึกษาแพทย์กลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี FLATLINERS ในเวอร์ชั่นปี 2017 นั้นจึงมีสภาพก้ำกึ่งในการรีเมค รีบูทและภาคต่อของหนังภาคแรกอยู่ในที แต่เนื่องจากหนังไม่มีการเชื่อมโยงใดๆกับหนังภาคแรก ยิ่งไปกว่านั้นดารานำในภาคก่อนอย่างคีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์ที่กลับมาเป็นอาจารย์หมอในภาคนี้ก็ไม่ได้มีชื่อเดียวกันกับหนังภาคก่อน ดังนั้น FLATLINERS จึงมีเรื่องราวเป็นของตัวเองที่เล่าเรื่องราวเหมือนหนังภาคแรกเกือบทั้งหมด
จุดเริ่มต้นในหนังเวอร์ชั่นปี 2017 เริ่มต้นขึ้นเมื่อคอร์ทนีย์ (เอลเลน เพจ) พยายามเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนของตัวเองเข้าร่วมการทดลอง “ขอตายวูบเดียว” หลังจากการทดลองครั้งแรกประสบความสำเร็จ ตัวคอร์ทนีย์เองเหมือนมีทักษะบางอย่างที่สมองได้รับการกระตุ้น เธอสามารถตอบคำถามในชั้นเรียนแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น ธอสามารถเล่นเปียโนในบทเพลงที่เธอไม่เคยเล่นมาเป็นเวลานานได้อย่างยอดเยี่ยม ความสามารถดังกล่าวยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เพื่อนๆที่เหลืออยากลองสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวบ้าง
แต่การได้ไปสัมผัสโลกหลังความตายมาแล้ว พวกเขากลับเริ่มถูกหลอกหลอนด้วยประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต เมื่อตัวละครที่เลือกจะทดลองตายเริ่มเห็นภาพหลอนที่ไม่มีอยู่จริง พวกเขาเริ่มค้นพบว่าการทดลองตายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี และการหาทางออกให้กับชีวิตของพวกเขาก็คือการไขปริศนาที่ว่าทำอย่างไรเราถึงจะหนีพ้น “อดีต” ของตัวเอง
การที่หนังเลือกจะให้ตัวละครบางตัว “ตาย” กันตั้งแต่กลางเรื่องกลายเป็นจุดที่ทำให้หนังเวอร์ชั่นปี 2017 น่าสนใจและเหมือนจะมีแนวทางเป็นของตัวเอง จนกระทั่งไม่นานหนังก็เลือกจะกลับไปเดินเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังภาคแรกแบบทุกกระเบียดนิ้ว จนทำให้ตรรกะในการเอาชีวิตรอดของตัวละครในหนังเวอร์ชั่นนี้เรียกได้ว่าพังทลายอย่างราบคาบ และน่าเสียดายเอามากๆที่รู้สึกได้ว่าหนังไม่กล้า “ทดลองทำอะไรใหม่”
อย่างไรก็ตามปรัชญาที่ FLATLINERS เวอร์ชั่น 1990 และ เวอร์ชั่นปี 2017 พยายามบอกคนดูก็คือการปลดปล่อยอดีตอันเลวร้ายที่ดีที่สุดนั้นคือการเผชิญหน้ากับมัน ยอมรับความความผิดพลาด ขอโทษ และก้าวเดินต่อไป อย่าปล่อยให้มันค้างคาอยู่ในใจก่อนที่เราจะ “ตาย” จากโลกนี้ไปนั่นเอง